BAD LOVE 6 ความรู้สึกเริ่มก่อตัว…

2614 Words
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ครืดด ครืดด~ เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันจึงละมือจากการทำขนมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที มิกค์ ติ้ด มือบางกดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา “ฮัลโหลมิกค์” ฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส (พราวฟ้า เป็นยังไงบ้าง) เสียงทุ้มถามขึ้น “เราสบายดี” (ช่วงนี้ฉันทำโปรเจกต์หนัก ไม่มีเวลาโทรหาเลยโทษทีนะ) “ไม่เป็นไรๆ เรารู้ว่ามิกค์ยุ่ง” ฉันพูดออกไปอย่างเข้าใจดีว่าการเรียนมหาลัยปีสี่คงวุ่นวายมากแน่ๆ แม้ฉันจะไม่ได้เรียนด้วยก็ตาม (น่ารักที่สุดเลย ว่าแต่วันนี้ว่างไหม) “เราว่างช่วงเย็นๆเลยน่ะ” ฉันตอบกลับไป เมื่อมองไปยังบรรดาขนมที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ (งั้นตอนเย็นมาเจอกันหน่อยไหม) “ได้สิๆ ที่ไหนนัดมาเลย” (mixnightber เธอมาได้ไหม) เมื่อได้ยินสถานที่ฉันก็แอบลังเลไปเล็กน้อย (มาเถอะนะ เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอด้วย) “ได้ๆ” เมื่อได้ยินมิกค์พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ฉันก็ต้องยอมตอบตกลงไปทันที (งั้นเย็นนี้เจอกันนะ) “โอเคจ้า” แล้วมิกค์ก็กดตัดสายไปทันที ฉันจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมและหันมาสนใจทำขนมต่อ ช่วงที่ผ่านมาฉันกับแม่เริ่มคิดที่จะทำขนมไปขาย เนื่องจากฉันยังหางานทำไม่ได้ เราจึงเริ่มทำอะไรเล็กๆน้อยๆที่สามารถทำได้และทำให้มีรายได้เข้ามาก่อน ถึงรายได้จะไม่มากมายอะไร แต่ก็พอทำให้เราสองคนแม่ลูกมีเงินใช้อยู่บ้างโดยไม่ต้องขอคนอื่น เพราะการมาอยู่บ้านคุณอาธานินนั้น ถึงแม้คุณอาจจะคอยช่วยเหลือเราให้ที่อยู่อาศัย แต่เราก็รู้สึกเกรงใจคุณอาธานินและคุณสิรินมากๆ และไม่อยากรบกวนเรื่องอื่นๆอีก ตกเย็น หลังจากกลับมาจากการขายขนม ฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปหามิกค์ทันที เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องก็เห็นแม่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ “จะไปไหนลูก” แม่เอ่ยถามขึ้น “พราวจะไปหามิกค์ค่ะ” ฉันตอบแม่ไป “อ่อ ไม่ได้เจอมิกค์นานเลยเนอะ แม่ฝากความคิดถึงไปหามิกค์ด้วยนะ” “ได้ค่ะแม่ งั้นพราวไปก่อนนะคะ” เมื่อแม่พยักหน้าตอบ ฉันก็เดินออกจากบ้านไปทันที . . . mixnightber ฉันยืนอยู่หน้าผับหรูที่ไม่ได้มาเป็นเวลานานเกือบสองปี ปกติฉันก็เป็นคนไม่ค่อยเที่ยวผับอยู่แล้วจะมาบ้างต่อเมื่อเพื่อนชวน แต่หลังจากฉันดรอปเรียนก็ไม่ได้ติดต่อเพื่อนคนไหนอีกเลย มีแค่มิกค์คนเดียวที่ยังติดต่อและหวังดีกับฉันเสมอ “พราวฟ้า” แล้วเสียงมิกค์ก็เอ่ยเรียกฉันขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองด้วยความดีใจ “มิกค์” แล้วเราก็โผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง “เข้าไปด้านในกันเถอะ” มิกค์พาฉันเดินเข้ามาด้านในโต๊ะที่เขาจองไว้ “เธอเอาเหมือนเดิมไหม” มิกค์ถามขึ้น ฉันพยักหน้าตอบเขาไป “เรียนเป็นไงบ้าง จะจบแล้วใช่ไหม” ฉันถามขึ้น “อืม ส่งโปรเจกต์ก็จบแล้ว ฉันเลยชวนเธอออกมาฉลองนี่ไง” “เราขอแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะ” ฉันพูดขึ้นด้วยความดีใจและภูมิใจไปกับมิกค์ด้วย “ถ้าพราวจบไปด้วยกันก็คงดีสิ เธอทิ้งฉันให้เรียนคนเดียวตั้งสองปี” มิกค์พูดขึ้นเสียงเบา มิกค์เป็นเพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวของฉันที่สนิทมากที่สุดมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว จนหลายคนคิดว่าฉันกับมิกค์เป็นแฟนกันมากกว่าเพื่อนซะอีก แต่ความจริงแล้วมิกค์ไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกนะ เขาชอบผู้ชายน่ะ เราถึงเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจมากโดยไม่ต้องระแวงกันไงล่ะ “ไม่เอาน่ะ มิกค์ก็รู้เหตุผลเรานี่ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยนะ” ฉันพูดขึ้นเสียงเบา เพราะคำพูดของมิกค์มาสะกิดที่ใจของฉัน เมื่อนึกถึงชีวิตตอนเรียนมหาลัยฉันจะรู้สึกเสียดายทุกครั้ง ฉันอยากกลับไปเรียนมากๆแต่ก็ทำไม่ได้ “ก็ได้” มิกค์เหมือนรู้ความรู้สึกของฉัน เขาจึงยอมที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก “แล้วที่มิกค์บอกมีเรื่องจะคุยกับเรานี่เรื่องอะไรเหรอ” “ฉันได้ข่าวว่าเธอโดนไล่ออกจากงานเลยเป็นห่วงน่ะ” “…” ฉันก็ยิ้มเจื่อนๆให้มิกค์ “ตอนนี้พราวทำอะไรอยู่” “เราขายขนมกับแม่น่ะ” ฉันตอบไปตามความจริง “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” มิกค์พูดขึ้น ฉันก็พยักหน้าตอบ ก่อนที่เราจะนั่งคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไปสักพัก “เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดขึ้นก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ แต่ขณะที่กำลังเดินไปนั้นฉันก็ดันเห็นเหตุการณ์บางอย่างขึ้น จู่ๆพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งก็เดินไปชนพนักงานอีกคนที่เดินถือขวดเหล้าราคาแพงไว้ในมือ ปั่ก! เสียงขวดเหล้าตกแตกเสียงดัง ก่อนที่พนักงานเสิร์ฟทั้งสองคนจะยืนเถียงกันจนผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้จัดการของผับนี้เข้ามาเคลียร์ แต่เหมือนจะเป็นการเคลียร์กันที่ไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นักเพราะฉันยืนมองเหตุการณ์อยู่ตลอด ทำให้ฉันตัดสินใจเลือกที่จะเดินเข้าไปหาผู้จัดการชายคนนั้นที่กำลังจะเดินออกมาจากโต๊ะวีไอพีทันที “เดี๋ยวค่ะ!” ฉันเอ่ยเรียกเขาขึ้นเสียงดัง โดยไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะแม้แต่น้อย “พราวฟ้า” แต่จู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อฉันขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียงแล้วก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาทันที “ทรัช” ฉันพึมพำขึ้นเสียงเบา ทรัชอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ฉันไม่คิดว่าจะได้มาเจอทรัชที่นี่เลยจริงๆ เมื่อมองไปด้านข้างของเขามีสาวสวยกำลังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ภาพนั้นทำให้ฉันนิ่งไป “มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” แล้วเสียงผู้จัดการหนุ่มก็เอ่ยขึ้นทำให้ฉันได้สติขึ้นมา ทรัชมองหน้าฉันนิ่งด้วยสายตาสงสัย ฉันก็มองทรัชเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองยังผู้จัดการหนุ่ม “เอ่อ คือเรื่องที่พนักงานทำขวดเหล้าแตกเมื่อกี้น่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกไป “มีอะไรเหรอครับ” ผู้จัดการหนุ่มถามออกมาด้วยความงุนงง “ฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดค่ะ พนักงานที่ถือขวดเหล้ามาเธอไม่ได้ตั้งใจทำตกแล้วเธอก็ไม่ได้เดินชนพนักงานอีกคนหนึ่งด้วย กลับกันแต่อีกคนตั้งใจเดินเข้าไปชนเธอทำให้ขวดเหล้าตกแตกค่ะ” “จริงเหรอครับ” “ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้รู้จักกับพนักงานทั้งสองคนมาก่อน แค่เดินผ่านมาแล้วเห็นเหตุการณ์” “ที่ฉันมาบอกคุณ เพราะไม่อยากให้คุณลงโทษพนักงานอย่างไม่ยุติธรรมค่ะ เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย” ฉันพูดความจริงออกไปทั้งหมด เพราะรู้สึกสงสารพนักงานคนนั้นที่ไม่ได้รับความยุติธรรม “ขอบคุณมากๆนะครับที่มาบอกความจริงให้ผมฟัง” “งั้นคุณพอมีเวลาสักนิดไหมครับ ผมอยากให้คุณไปช่วยยันยืนให้พนักงานทั้งสองคนได้ยิน” “ยินดีค่ะ” ฉันเดินตามผู้จัดการหนุ่มไป เมื่อเดินผ่านทรัชก็มองมายังฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง ทำให้ฉันก้มหน้าลงอย่างไม่กล้าสบตาและรีบเดินออกไปทันที -ห้องผู้จัดการหนุ่ม- “เชิญนั่งรอก่อนนะครับ” เขาให้ฉันไปนั่งที่โซฟารับแขก “คุณลองเช็กกล้องวงจรปิดดูก็ได้นะคะ” ฉันพูดขึ้น เขาก็พยักหน้าตอบก่อนจะเปิดกล้องวงจรปิดดู “เป็นอย่างที่คุณบอกจริงๆด้วย” เมื่อดูจบผู้จัดการหนุ่มก็หันมาเอ่ยบอกฉัน ก่อนจะเรียกพนักงานทั้งสองมาพบ “เอด้า บีบีนั่งลงสิ” แล้วทั้งสองก็เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตามคำสั่งผู้จัดการ โดยทั้งสองก็หันไปมองฉันที่นั่งอยู่ที่โซฟาด้วยความงุนงง “มีอะไรกับบีบีเหรอคะ” คนที่ชนพูดขึ้น “คุณลูกค้าคนนี้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและได้เล่าความจริงให้ฉันฟังหมดแล้ว” ผู้จัดการหนุ่มพูดและหันมามองทางฉัน “ความจริงอะไรคะ” ผู้หญิงชื่อบีบีถามขึ้นด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก “ความจริงที่เธอแกล้งเดินชนเอด้าไงล่ะ” “บีบีบอกแล้วไงคะว่าเอด้าเดินมาชนบีบีเอง” “ฉันเห็นกับตาค่ะว่าคุณบีบีเป็นคนเดินชนคุณเอด้า” ฉันที่นั่งเงียบอยู่ก็นานพูดขึ้น “คุณเป็นใครจะมารู้ได้ยังไง” บีบีหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เขาเป็นลูกค้าของผับเรา พูดกับคุณเขาดีๆถ้าไม่อยากโดนไล่ออก” เมื่อได้ยินแบบนั้นบีบีก็มีท่าทีที่อ่อนลงจากตอนแรก “แต่บีบีไม่ได้ทำจริงๆนะคะ” “ทำหรือไม่ทำเดี๋ยวก็รู้ ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด” แล้วผู้จัดการก็เปิดภาพกล้องวงจรปิดให้ทุกคนดู บีบีที่ต้องยอมจำนนต่อหลักฐานก็เงียบไปทันที “บีบีเธอทำแบบนี้ทำไม” ผู้จัดการเอ่ยถาม บีบีก็ก้มหน้าเงียบไม่ยอมตอบ “เธอจะไม่ตอบใช่ไหม” “งั้นเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ฉันก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะเอด้าแล้วก็จะไม่หักเงินเดือนเธอ” “ขอบคุณค่ะ” เอด้าพูดขึ้นเสียงเรียบไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือดีใจอะไร “ส่วนบีบี ฉันจะหักเงินเดือนเธอสองเดือนแทนเอด้า และถ้าเธอทำผิดแบบนี้อีกครั้งฉันจะไล่ออกทันที” “แค่นี้ใช่ไหมคะ งั้นบีบีขอตัว” แล้วบีบีก็เดินออกไปทันทีด้วยท่าทีไม่พอใจ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ” ฉันที่เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่ควรจะเป็นแล้วก็เอ่ยลาก่อนจะเดินออกมาจากห้อง “เดี๋ยวค่ะ” จู่ๆ พนักงานที่ชื่อเอด้าก็เอ่ยเรียกฉันขึ้น “คะ” ฉันหันไปหาเธอด้วยความงุนงง “ฉันอยากขอบคุณน่ะค่ะ ที่ช่วยเป็นพยานให้ฉัน” “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเห็นว่าคุณไม่ได้ผิดอะไรก็ไม่ควรต้องโดนลงโทษ” “ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอคะ” “พราวฟ้าค่ะ แล้วคุณล่ะคะ” “เอด้า” ฉันก็พยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณพราวฟ้า ถ้ามาเที่ยวที่นี่เมื่อไหร่ฉันจะบริการให้ดีเลยค่ะ เพื่อเป็นการขอบคุณ” เอด้าเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มให้ฉัน “ค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันยิ้มตอบกลับไปก่อนจะเดินออกไปทันที ขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่ประตูทางออกของผับ จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งมายืนขวางประตูไว้และหันมามองฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “จะกลับแล้วก็เหรอครับคนสวย” เขาถามขึ้น “อ่อค่ะ ช่วยหลบหน่อยได้ไหมคะ” ฉันจึงตอบกลับไปตามมารยาทและเพื่อต้องการบอกให้เขาหลบไปให้พ้นทาง “ผมไปส่งไหมครับ” แต่เขาก็ยังถามต่อด้วยน้ำเสียงอ้อล้อ “มะ…” ฉันกำลังจะปฏิเสธออกไป พรึ่บ! แต่จู่ๆมือของใครบางคนก็เข้ามาโอบเอวฉันไว้ซะก่อน “ไม่จำเป็น ฉันไปส่งแฟนของฉันเอง” และเสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยออกมาด้วยความเรียบนิ่ง ทำให้ฉันตกใจหันไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง “ทะ ทรัช” “มีแฟนแล้วก็ไม่บอก” ชายคนนั้นเอ่ยออกมาอย่างเสียดาย ก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าเซ็งๆ เมื่อคนนั้นเดินออกไปทรัชก็โอบเอวพาฉันเดินออกมาด้านนอกผับโดยที่ฉันได้แต่เดินตัวเกร็งมาตลอดทาง “มาทำอะไรที่นี่” เขาหันมาถามฉันเสียงเรียบ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของฉัน “เรามาหาเพื่อนน่ะ” “งั้นเหรอ” “ใช่ ขอบคุณนะที่ช่วยเรา” ฉันเอ่ยบอกเขาออกไป “ไม่เป็นไร” เขาตอบกลับมาแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวของฉัน “ทรัชปล่อยมือออกจากเอวเราได้แล้ว” เมื่อฉันพูดออกไป มือหนาก็ค่อยๆคลายมือออกไป แล้วเราก็ต่างมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา “เอ่อ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นเราขอตัวกลับบ้านก่อนนะ” ฉันพูดขึ้นและทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้น เพราะทนต่อสายตาคมที่มองมายังฉันไม่ไหว “เดี๋ยว! พราวฟ้า” จู่ๆ ทรัชก็เอื้อมมือมาจับข้อมือฉันไว้ก่อนจะเอ่ยเรียกฉันขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ฮะ ว่าไง” ฉันมองไปที่มือหนาที่จับข้อมือฉันอยู่เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตกใจ “ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ” ทรัชปล่อยมือจากข้อมือและเปลี่ยนเป็นแบมือมาตรงหน้าฉันแทน “อ่อ แป๊บนะ” แล้วฉันก็หยิบโทรศัพท์ให้เขาด้วยความงุนงง ทรัชรับไปกดอะไรสักอย่างลงบนโทรศัพท์ของฉัน “อะ นี่เบอร์แล้วก็ไลน์ฉันนะ” เขายื่นโทรศัพท์คืนให้ฉันพร้อมกับเอ่ยออกมา “ฮะ!” ฉันก็ทำหน้าเหวอออกมาด้วยความงุนงงเข้าไปใหญ่ “ถ้าจะไปไหนบอกฉันนะ ฉันจะไปเป็นเพื่อน” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แววตาสื่อความหมาย “ไปเป็นเพื่อนงั้นเหรอ” ฉันสบตากับเขานิ่งอย่างทำตัวไม่ถูก “ใช่ หรือจะให้ไปเป็นอย่างอื่น” เขายกยิ้มมุมปากเอ่ยออกมา “ฮะ!” “หึ เธอเนี่ยซื่อจริงๆเลยนะ” แล้วเขาก็ยกมือขึ้นมายีหัวฉันเบาๆ “ทรัช” ฉันเอ่ยเรียกเขาเสียงเบา การกระทำของทรัชทำฉันใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลย “จะกลับเลยไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง” “…” ฉันยังคงยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกด “พราวฟ้า” ทรัชเรียกชื่อฉันเสียงดัง ทำให้ฉันได้สติขึ้นมา “ฮะ” “กลับเลยไหม” “อ่อ กลับเลยสิ” ฉันพยักหน้าตอบ “ขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง” “เอ่อ ไม่เป็นไร เรากลับเองได้” ฉันปฏิเสธออกไปอย่างเกรงใจทรัชจริงๆ “ฉันจะกลับไปนอนบ้าน ขึ้นรถเถอะ” “อ่อๆ ขอบคุณนะ” แล้วฉันก็เดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทรัชจะขับรถกลับมาบ้านทันที . . . @บ้านธานิน บรื้นน~ รถของทรัชขับเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่ “ขอบคุณนะทรัช” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งไปให้เขา “อืม” ทรัชพยักหน้าตอบกลับมา ฉันจึงมองไปด้านนอกรถเล็กน้อยว่าไม่มีใครอยู่จึงเปิดประตูรถเดินไปยังเรือนหลังเล็กทันที แอดด เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านก็พบกับความเงียบสงัด แม่น่าจะเข้านอนแล้ว ฉันจึงเดินเข้ามานั่งพักที่โซฟากลางบ้าน ติ้ง! แล้วเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ข้อความ ทรัช “ทรัชงั้นเหรอ” เมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความเข้ามา ฉันจึงรีบกดเข้าไปอ่านทันที ทรัช : ฝันดีนะ :) พราวฟ้า : ฝันดีเช่นกันนะทรัช :)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD