คนตัวโตยันกายลุกขึ้นจากขอบเตียง กล้ามเนื้อแน่นขยับไปตามแรงลุกขึ้นของเขา เขาก้มลงคว้าผ้าเช็ดตัวผืนหนามาพันรอบเอวอย่างลวกๆ ก่อนปรายตามองร่างบางที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาเย็นชา ทั้งครุ่นคิด และแฝงไปด้วยความเดือดดาล
ห้องทั้งห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจหนักของเขาที่ดังสะท้อนภายในห้อง เขาหันหลังและก้าวขาเดินตรงไปยังห้องน้ำ ด้วยจังหวะของคนที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ร่างกายขาวสะอาดเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ราชันย์ก็ผลักประตูห้องน้ำออกมา ไอน้ำอุ่นตามตัวเขาฟุ้งกระจาย สะท้อนกับแสงสลัวในห้อง ชายร่างสูงก้าวออกมาช้าๆ ผ้าเช็ดตัวยังพันอยู่ที่เอว น้ำหยดตามกล้ามท้องเป็นทาง ใบหน้าคมเข้มนิ่งเรียบ ดวงตาเข้มลึกจนดูน่ากลัว
แล้วสายตาเฉียบคมของเขา ก็หันกลับไปมองร่างบางบนเตียงอีกครั้ง เธอยังคงนอนนิ่งราวกับคนหมดสติ 'หรือว่าเธอจะสลบไปแล้ว' ความคิดจบลง คนตัวโตก็เข้าขาเข้าไปใกล้มากขึ้น ก่อนจะเห็นว่าเธอยังขยับตัวเบาๆอยู่บนเตียง 'อ้อเธอยังมีชีวิตอยู่'
"ค่าตอบแทนฉันวางไว้ตรงนี้นะ"
เงินปึกหนาถูกวางลงข้างกายเด็กสาวอย่างไม่ลังเล แบงก์ใหม่เอี่ยมเรียงเป็นตั้งบนผ้าปูเตียงสีขาว
ราชันย์ไม่ได้มองร่างบางบนเตียงอีกเลยด้วยซ้ำ เพียงเหลือบตาไปแค่เสี้ยววินาที แล้วเขาก็หันหลังเดินไปยังโต๊ะกระจกหน้าโซฟา หยิบบุหรี่หนึ่งซองกับไฟแช็กขึ้นมาอย่างคุ้นมือ ท่วงท่าของเขาเชื่องช้า เหมือนคนที่ไม่รู้จักคำว่ารีบร้อนในชีวิต
แกร๊ก!!
เสียงไฟแช็กดังแผ่วๆ ปลายมวนบุหรี่ติดไฟในพริบตา แล้วเขาก็ก้าวขาเดินไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ แล้วเดินออกไปยังระเบียงห้องทันที ชายร่างสูงยืนพิงราวระเบียง สูบบุหรี่ด้วยท่าทีนิ่งเรียบ ดวงตาคมทอดมองภาพเมืองด้านล่างอย่างไม่รู้สึกอะไร เหมือนเหตุการณ์ในห้อง ไม่สั่นสะเทือนหัวใจเขาแม้แต่นิดเดียว ควันสีขาวลอยฟุ้งตามแรงลม ขณะที่ราชันย์ยืนนิ่งด้วยท่าทางเยือกเย็น
"ฟู้~~"
รอยจิกจากเล็บเล็กๆ ของเด็กสาวยังคงปรากฏเด่นชัดบนแผ่นอกแกร่ง เส้นรอยแดงลากยาวเป็นทาง บางจุดมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ร่องรอยที่บอกชัดว่าเธอดิ้นรนแค่ไหนเมื่อครู่ แต่สำหรับราชันย์ ความเจ็บปวดพวกนั้นแทบไม่สะเทือนเขาเลย
เขาเพียงก้มมองแผลบนอกตัวเองอย่างเฉยชา นิ้วแตะลงไปเบาๆราวกับสำรวจมากกว่ารู้สึกเจ็บ มีเพียงความแสบนิดๆแค่พอให้รู้สึกตัวเท่านั้น เหมือนเป็นรอยที่ไม่ได้สร้างความเจ็บ แต่กลับสร้างอารมณ์บางอย่างให้เขามากกว่า
บนเตียงกว้างขนาดใหญ่
“ฮึก!~ ฮึก!~”
น้ำตาใสไหลรินไม่หยุดจากดวงตากลมของเด็กสาว ริมฝีปากสั่นระริกขณะที่เธอกัดฟันแน่น พยายามสะกดเสียงสะอื้นไม่ให้ดังออกมา
ความเจ็บปวดผสมความอับอาย ตีวนหนักในอกจนแทบหายใจไม่ออก เธออยากจะกรีดร้อง อยากจะด่าเขาให้สุดเสียง อยากบอกว่าเขาทำกับเธอเลวร้ายแค่ไหน
แต่สัญชาตญาณกลับบอกชัดเจน เธอไม่ควรทำอะไรที่อาจทำให้คนตัวโต ที่ยืนอยู่ระเบียงระเบียงเดือดขึ้นมาอีก ดังนั้นเธอทำได้เพียงกลั้นเสียงร้องไห้ให้เงียบที่สุด ปล่อยให้มีเพียงน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย หยดลงบนหลังมืออ่อนแรงของตัวเองทีละหยด เหมือนจะระบายทั้งความกลัวและความเสียใจ ที่ทะลักล้นออกมาจนห้ามไม่อยู่
แม้จะพยายามกลั้นเท่าไหร่ น้ำตาก็ยังหลั่งไหลไม่หยุดอยู่ดี มือเล็กกำผ้าปูไว้แน่น เพื่อระบายอารมณ์ความ เครียดแค้นที่เธอไม่อาจแสดงออกมาได้ในเวลานี้
“อื้อ~ อ๊ะ~ โอ้ย! เจ็บ…”
พราวสะอื้นเบาๆเมื่อขยับตัวเพียงนิดเดียว ความปวดตึงและเจ็บแสบ ก็แล่นไปทั่วทั้งส่วนล่างของร่างกาย เหมือนเธอถูกบีบขึง ดึงกระชากจนกล้ามเนื้อแทบฉีก
เธอค่อยๆพยายามยันหมอนลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่แค่ยกตัวเล็กน้อย ใบหน้าก็ต้องบิดเบ้ด้วยความเจ็บแปลบ จนต้องกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องไว้แน่น ลมหายใจเธอสั่น สมองยังพร่า เหตุการณ์ก่อนหมดแรง ยังเลือนรางเหมือนไม่ใช่ความจริง
แล้วสายตาเธอก็สะดุดเงินก้อนใหญ่ ที่วางอยู่ตรงหน้า หนาเป็นตั้งจนตาเปล่ายังดูออกว่ามูลค่าไม่น้อย มันมากพอจะจ่ายค่าเทอมทั้งหมด มากพอที่จะซื้ออุปกรณ์แพทย์ใหม่ มากพอที่จะทำให้ชีวิตเธอสบายขึ้นในทันที แต่หัวใจกลับจมดิ่งหนักกว่าเดิม
นี่คือเงินชดเชยหรือค่าปิดปากกันแน่ เงินนับปึกที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลดคุณค่า เหลือเพียงตัวเลขบนกระดาษ
เธอกัดฟันแน่นดวงตาเริ่มร้อนผ่าว ถึงมันจะมากแค่ไหน เธอก็ไม่ต้องการมันเลย ไม่เลยสักบาทเดียว แต่ในหัวก็ผุดเสียงแผ่วๆ ของความจริงที่เธอไม่อยากยอมรับขึ้นมา หรือเธอควรจะรับมันไว้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้เธอเจ็บจนแทบลุกยังไม่ได้ แล้วเธอจะยอมเสียสภาพนี้ไปฟรีๆงั้นเหรอ
ความสับสนเจ็บปวดตีขึ้นในอก เธอไม่รู้ว่าควรโกรธ ควรรังเกียจ หรือควรทำอย่างไร แต่ที่แน่ๆเธออยากหนีออกจากห้องนี้ให้ไกลที่สุด
“อึก! อื้อ~”
ร่างบางค่อยๆหย่องเท้าลงที่ข้างเตียง ก่อนกวาดสายตามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง พราวค่อยๆก้มเก็บมันขึ้นมาทีละชิ้น แล้วหอบเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอเดินไปที่ห้องน้ำ เธอใช้เวลาทำความสะอาดร่างกาย พร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมเพียงไม่นาน เธอก็ก้าวขาเดินออกมาจากห้องน้ำทันที
“ซี๊ด~โอ้ย! เจ็บ…”
พราวซี้ดลมหายใจเข้าทางปาก เมื่อความปวดแปลบแล่นขึ้นมาพร้อมทุกก้าวที่เธอขยับ มือเล็กประคองเอวตัวเองเบาๆ ก่อนค่อยๆกวาดสายตาไปรอบห้องกว้าง เธอไม่เห็นเขาอยู่ในนี้ แต่จมูกของเธอกลับได้กลิ่นควันบุหรี่จางๆ
พราวกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืดๆ แล้วช้อนตามองไปยังประตูกระจก เงาร่างสูงใหญ่ปรากฏอยู่ตรงระเบียง เขายืนพิงราว มองออกไปยังแสงไฟของเมืองเบื้องหน้า ท่วงท่าของเขาเย็นชา เหมือนไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเธอยังอยู่ในห้องนี้หรือไม่
“โรคจิตชัดๆ ทำฉันเจ็บจนแทบล้มทั้งยืน ยังมีหน้ามายืนสูบบุหรี่สบายใจอยู่ได้”
พราวพึมพำเสียงเบา ริมฝีปากสั่นระริก เธอเอามือกดที่สีข้างตัวเองเบาๆ ความเจ็บแล่นจี๊ดขึ้นมาทุกครั้งที่ขยับ แต่เธอยังฝืนประคองตัวเดินกลับไปที่เตียงอยู่ดี เธอหยิบเงินก้อนใหญ่ที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่แยแสขึ้นมา มือเล็กกำมันแน่นด้วยความเจ็บปนขมขื่น
พราวสูดลมหายใจลึก กลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดออกมา ก่อนจะค่อยๆก้าวขาเดินไปยังประตูห้อง เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองเขาด้วยซ้ำ เพราะเธอแค่ต้องการออกไปให้พ้นจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น
กึก!
แกร็ก!!
ประตูห้องถูกดึงปิดลงอย่างเบาๆ พร้อมกับร่างกายสาวที่สันทาวด้วยความกลัว ความกลัวแล่นวาบขึ้นซ้ำ หัวใจเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ เธอกัดฟันพยายามทรงตัว ทั้งที่ความเจ็บแปลบยังคงก่อตัวอยู่ทุกย่างก้าว พราวรีบสาวเท้าเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายจะไหว เหมือนต้องหนีออกจากสถานที่อันตรายที่สุดในชีวิต ทางเดินยาวดูเหมือนจะยิ่งยาวขึ้นทุกวินาที ลมหายใจหอบถี่ มือเย็นเฉียบ ตัวสั่นไม่หยุด
ติ๋ง!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นราวกับช่วยชีวิต พราวรีบพุ่งเข้าไปในลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดออก ก่อนจะกดปิดประตูรัวๆ เหมือนกลัวใครจะตามมา
ทันทีที่ประตูปิดลง
น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้ก็ไหลพรั่งพรูลงมาทันที ไหลราวกับเขื่อนแตกลงข้างแก้มทั้งสอง ไหลจนเสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แม้เธอจะพยายามปิดปากไว้ก็ตาม
เธอสั่นทั้งไหล่ ทั้งมือ ทั้งหัวใจที่เต้นแรงไม่หยุด ความหวาดกลัว ความอับอาย ความสับสนรุมเร้าจนแทบยืนไม่อยู่
ในลิฟต์เงียบว่าง มีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วๆ ของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่กำลังหนีจากคืนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต