บทนำ EP.1

1119 Words
เสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ดังลอดออกมาจากห้องเรียนของชั้นประถมสอง ทำให้ครูประจำชั้นซึ่งมีรูปร่างท้วมต้องรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง ก่อนจะร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นว่าสาเหตุมาจากคู่วิวาทคู่เดิม ที่กำลังถูกเพื่อนร่วมห้องช่วยกันจับแยกออกจากกันอย่างทุลักทุเล                หนึ่งในคู่วิวาทเป็นเด็กหญิงร่างอ้วน ผิวคล้ำ ดวงตาคู่โตดำขลับทอประกายวาววับอยู่ในอาการกรุ่นโกรธ มือทั้งคู่กำหมัดแน่น ส่วนคู่กรณีเป็นเด็กชายร่างสูงผอม มุมปากแตกมีเลือดซึม ครั้นพอเห็นหน้าครูก็อ้าปากส่งเสียงฟ้อง ทำให้เลือดที่ตอนแรกแค่ซึมไหลออกมาจนกบปาก                “บุษบามินตราต่อยผมอีกแล้วครับครูครับ”                ร่างท้วมของคุณครูในชุดสีกากีส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับคู่วิวาท เพราะคำว่า ‘อีก’ นั้นบ่งบอกว่าทั้งคู่ทะเลาะกันไม่ใช่เป็นครั้งแรก เรียกว่าไม่เว้นแต่ละวันเลยก็ว่าได้ ทว่าครั้งนี้ดูน่าจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เพราะถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยทีเดียว                “คราวนี้ใครเป็นคนเริ่มก่อน บอกครูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คนเป็นครูถามน้ำเสียงยังแฝงอาการเหนื่อยหอบจากการวิ่งเมื่อครู่                “ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะครับ” เด็กชายสุนทรรีบพูดออกตัว ก่อนยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากพลางมองไปทางคู่กรณีที่ยืนเม้มปากแน่นด้วยสายตาฉายแววเยาะเย้ย                “บุษบามินตรา ทำไมถึงทำตัวเป็นอันธพาลอย่างนี้ ที่นี่เป็นโรงเรียนนะไม่ใช่สนามมวย”                ครูประจำชั้นหยิบไม้บรรทัดขึ้นมาเตรียมตัวจะทำโทษ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบากึ่งกล้ากึ่งกลัวดังมาจากเด็กหญิงผิวขาวรูปร่างผอมบาง หน้าตาน่ารัก ที่ก้าวออกมายืนเคียงข้างเด็กหญิงบุษบามินตราที่ยังยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่เช่นเดิม                “คุณครูคะ หนูเห็นสุนทรพูดจาล้อเลียนนุช เอ่อ...บุษบามินตราก่อน นะคะ”                “จริงอย่างที่อรุณรัศมีพูดหรือเปล่าสุนทร” ครูถามพลางใช้ไม้บรรทัดที่ถืออยู่ตีลงบนฝ่ามือเบาๆ เป็นการขู่ไปในตัว                “ผม...ผม” คนถูกถามเกิดอาการอึกอักขึ้นมาทันที ครั้นเห็นครูเผลอก็ถลึงตาใส่ร่างผอมบาง จนเจ้าตัวต้องไปยืนหลบด้านหลังเด็กหญิงร่างอ้วน                “อรุณรัศมี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครูฟังสิ ว่าสุนทรพูดล้อเลียนเพื่อนว่าอะไร ถึงต้องลงไม้ลงมือกันจนเลือดตกยางออกถึงขนาดนี้ด้วย”                “สุนทรเรียกบุษบามินตราว่าอีเด็กลูกไม่มีพ่อค่ะ และยังเรียกหนูว่า...อีเด็กถังขยะด้วยค่ะ”                เด็กหญิงอรุณรัศมีบอกครูน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งน้ำตาก็เริ่มปริ่มขอบตา จนเด็กหญิงตัวอ้วนต้องหันไปมองและบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ อย่างปลอบประโลม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บแค้น                “คนปากเสียอย่างสุนทรต้องถูกต่อยแบบนี้แหละค่ะคุณครู”                แม้ตัวเองจะเคยถูกล้อเลียนว่าเป็น ‘เด็กอ้วนตัวดำฟันหลอ’ อยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าคำคำนั้นก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการถูกล้อเลียนว่าเป็น ‘ลูกไม่มีพ่อ’ เท่านั้นไม่พอ ยังลามปามมาถึงแฝดคนละฝาของเธออีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้!                “เอาละ! ไม่ต้องมาพูดจาเพื่อตัดสินกันเอง เธอสองคนทำผิดกฎระเบียบที่ห้ามไม่ให้นักเรียนทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน ครูเคยบอกและทำโทษพวกเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยเข็ดและหลาบจำกันเลย ฉะนั้นครั้งนี้ครูจะทำโทษเธอทั้งคู่หนักขึ้นกว่าเดิม” คุณครูพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วหันหน้าไปหาเด็กชาย                “ครูจะตีเธอห้าทีโทษฐานที่พูดจาล้อเลียนปมด้อยของเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรทำ แล้วเธอมีเรื่องชกต่อยกับผู้หญิง ไม่อายเพื่อนคนอื่นบ้างหรือไงสุนทร” คุณครูส่ายหน้าขณะพูด แล้วจึงหันไปทางเด็กหญิงที่มีชื่ออันเพราะพริ้งว่าบุษบามินตรา                “ส่วนเธอ...ครูจะตีเจ็ดที โทษฐานทำตัวเป็นอันธพาลในโรงเรียน เพราะแทนที่จะให้ครูเป็นคนตัดสินว่าใครผิดถูก กลับมาตั้งศาลเตี้ยตัดสินกันเองในห้องอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง”                คนถูกตีเจ็ดทีปรายตามองคู่วิวาทอย่างโกรธเคือง ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกตีมากกว่าอีกฝ่ายสองทีจะต่อยไม่ยั้งให้ฟันหักทั้งปากกินข้าวไม่ได้ไปหลายวันเลยทีเดียว น่าเจ็บใจนัก!                “ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่ครับครู”                เด็กชายสุนทรพึมพำออกมาอย่างอดโมโหไม่ได้ เพราะนอกจากจะเจ็บตัวจนถึงขั้นปากแตก ยังต้องเสียหน้าถูกคุณครูทำโทษต่อหน้าเพื่อนนักเรียนในห้องอีก แล้วเรื่องที่เขาพูดก็เป็นความจริงนี่นา ยายเด็กอ้วนตัวดำฟันหลอเป็นลูกไม่มีพ่อ ส่วนยายเด็กตัวผอมซีดอย่างกับเด็กขี้โรคนั่นก็เป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากถังขยะ ทำไมเขาต้องถูกทำโทษ แถมยังถูกตีน้อยกว่าแค่สองทีเอง น่าเจ็บใจจริงๆ!                “ยังจะมาเถียงอีกนะสุนทร!” คุณครูดุเสียงดัง สั่งให้เด็กชายสุนทรแบมือขึ้น จากนั้นก็ใช้ไม้บรรทัดฟาดลงไปเต็มแรงถึงห้าครั้ง จนคนถูกทำโทษสะดุ้งเฮือก น้ำตาเล็ดเพราะความเจ็บ แล้วจึงหันไปจัดการกับคู่วิวาทที่แม้จะถูกตีถึงเจ็ดครั้งก็ตาม แต่เด็กหญิงกลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้ใครเห็นสักหยด                “คุณครูขา ศาลเตี้ยคืออะไรเหรอคะ” เสียงของเด็กหญิงมะปราง ผู้เคยเป็นหนึ่งในคู่กรณีของเด็กหญิงบุษบามินตรามาก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้                “ศาลเตี้ยแปลว่า การชำระความกันเองโดยพลการ หมายถึงการตัดสินลงโทษคนทำผิดกันเองโดยไม่คำนึงถึงกฎระเบียบ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะมีใครแกล้งใครหรือถูกใครแกล้งให้บอกครู เราจะใช้กฎระเบียบตัดสินลงโทษคนทำผิด อย่างเช่นที่ครูตีเพื่อนเราเมื่อกี้ ไม่ใช่มาจัดการชกต่อยกันเองแบบนี้” ครูตอบพร้อมปรายตาไปยังคู่กรณีทั้งสองเพื่อกำราบ                “แล้วที่สำคัญ จำไว้นะว่าเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันควรจะรักกันไว้ ไม่ใช่มาทะเลาะกันเองให้อับอายขายขี้หน้าห้องอื่นแบบนี้” คุณครูพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD