“อ้าว!! คนเก่งมาทำอะไรที่นี่จ๊ะสุดหล่อของพี่พริก” พลอยไพลินเอ่ยทักคนที่เดินตามเธอมาอย่างสนิทสนม จนกรุณาต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“มากินข้าวครับพี่พริกคนสวย” คนปากหวานเป็นทุนเดิมเอ่ยตอบเพื่อนสนิทพี่สาว
“มากินข้าว?” เสียงแหลมบาดหูแสนดังขึ้นจากด้านหลังของพลอยไพลิน คนดีมีสีหน้างงเล็กน้อย
“ทำไม เก่งมากินข้าวที่คณะพี่ไม่ได้เหรอ กับข้าวที่คณะเก่งกินจนเบื่อแล้ว” คนเก่งแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เพราะกลัวพี่สาวจับได้
“เบื่อแล้วหรือหนีสาวมาอีกล่ะ”
“รู้ดีตลอด” คนเก่งบ่นพึมพำเสียงเบา แต่นั่นก็ทำให้กรุณาที่ยืนไม่ห่างจากเขานักได้ยินพอดี
“รู้จักกันเหรอ” กรุณาสงสัยอยู่นานว่าพวกเขารู้จักกันเหรอ
“ณาคงไม่เคยเจอสินะ นี่คนเก่งน้องชายเราเอง”
“น้อง?? น้องชายคนดีเหรอ”
“อืม…ทำไมเหรอ หรือไอ้เก่งมันแกล้ง บอกเรามาเดี๋ยวเราจัดการมันให้”
“เปล่าๆ”
“นี่เพื่อนพี่เหรอ ทำไมเก่งไม่เคยเจอ เพิ่งคบกัน?”
“คบนานแล้วย่ะ ณาเขาไม่ค่อยได้ไปไหนกับพวกเรานะ เรียนเสร็จก็กลับบ้าน แกเลยไม่เคยเจอ”
“พี่คบเด็กเนิร์ดด้วยเหรอ”
“มันน่าตบปากนักนะไอ้น้องคนเวร ดูไว้นะผู้หญิงสวยๆ เรียบร้อยแบบณานี่แหละที่พาฉันมาจนใกล้จะเรียนจบ ได้โปรดเรียกเพื่อนฉันว่าผู้มีพระคุณ”
“พี่ขี้เกียจเองต่างหาก วันๆ เอาแต่ตีกับนักเลง”
“ไอ้เก่ง!! ทำอย่างกับแกเรียนเก่งสมชื่อ”
“พอแล้วคนดี คนมองหมดแล้ว นั่งกินข้าวเถอะเดี๋ยวเราไปซื้อข้าวก่อน” กรุณาเดินแยกตัวออกไปซื้อข้าวกินยังร้านที่เธอต้องการโดยไม่ฟังเสียงที่เอ่ยบอกเธออยู่ด้านหลัง
“เก่งขอไปด้วย” คนเก่งกำลังจะเดินตามออกไป แต่ก็โดนพี่สาวรั้งไว้เสียก่อน
“หากินเองไม่เป็นรึไง อย่ายุ่งกับเพื่อนฉัน”
“เนิร์ดแบบนั้นไม่ใช่สเปกเก่งสักหน่อย นอกซะจากว่า…”
“นอกซะจากว่าอะไรของแก”
“นอกซะจากว่าเพื่อนของพี่จะเป็นฮอตเนิร์ด แบบนั้นค่อยน่าขย้ำให้จมเตียงสักหน่อย”
“ไอ้เก่ง ไอ้ชิบหาย!!” นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำด่าที่ถูกพ่นออกมาจากปากของพี่สาวที่แสนดีของคนเก่ง ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจหรือเสียใจดีที่พี่สาวดูรักและหวงเพื่อนมากกว่าน้องชายแบบเขา
ดูเหมือนเขาจะเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่ยิ่งมีคนหวงเขายิ่งอยากได้ ยิ่งมีคนห้ามก็เหมือนยิ่งยุให้รีบทำ แบบนี้ก็มาลองดูกันสักหน่อยว่าภายใต้ความเรียบร้อยเนิร์ดๆ แบบนั้นจะเป็นฮอตเนิร์ดรึเปล่า
“เหนื่อยชิบหายด่ามึงเนี่ย” คนดีพ่นลมหายใจออกมาหนักๆอย่างเอือมระอาน้องชาย เมื่อเห็นท่าทางมั่นหน้าของไอ้ตัวดีที่ไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าของเธอแม้แต่น้อย
“ก็เลิกด่าสิครับพี่สาว”
“ทำตัวดีๆ สักวันสิคะน้องคนเก่ง”
“แล้วผมไม่ดีตรงไหนครับ” คนเก่งยกมือขึ้นเท้ากับกรอบหน้า ก่อนจะส่งสายตาอ้อนพี่สาวตาใส ราวกับตัวเองเป็นเด็กดีใสซื่อที่ใครเห็นเป็นต้องหลง ก่อนที่ฝ่ามืออรหันต์ของคนดีจะฟาดเข้าที่ท่อนแขนแกร่งแบบเต็มๆ จนต้องร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย! เจ็บ! พี่ตีผมทำไมเนี่ย”
“หมั่นไส้! กลับคณะไปได้แล้ว เบื่อหน้า”
“ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ หิวจะตายอยู่แล้ว” คนเก่งออดอ้อนพี่สาวอีกครั้ง ถึงแม้พี่สาวจะดุปานหมาแม่ลูกอ่อน แต่เจอลูกอ้อนของเขาเข้าไปก็ยอมถอยให้ทุกที
“จะกินอะไรให้ไปซื้อให้มั้ย”
“เดี๋ยวเก่งไปซื้อเองแต่พี่ต้องให้เก่งนั่งข้างเพื่อนพี่”
“จะกินก็ไปซื้อมา กินเสร็จจะได้รีบกลับ ไม่ต้องมาทำตัวเจ้าชู้แถวนี้”
หลังจากฟังพี่สาวบ่นเสร็จคนเก่งก็หมุนตัวเดินออกไปซื้อข้าว ซึ่งเป็นจังหวะที่กรุณาเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี เธอจึงเบี่ยงตัวหลบหวังจะให้เขาเดินผ่านไปก่อน ทว่าใบหน้าหล่อกลับโน้มลงมาดูดชาไทยที่อยู่ในมือของเธอแทน
“เก่ง…” กรุณาเบิกตาโตด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการกระทำดังกล่าว ทว่าใบหน้าหล่อกลับฉีกยิ้มให้ จนกลายเป็นเธอเองที่ต้องหลบสายตาเขาแทน
“น้ำอร่อยจัง”
“…” เธอไม่รู้ว่าต้องตอบกลับเขาไปยังไงจึงทำได้เพียงยืนนิ่งเฉยอยู่แบบนั้น จนเพื่อนสนิทอย่างคนดีต้องลุกขึ้นมาพาเธอเดินไปที่โต๊ะแทน
“ไป! ซื้อ! ข้าว!” เสียงดุเน้นทีละคำของคนดีทำให้คนเก่งเสียวสันหลังวาบไม่รอช้ารีบสาวเท้าเดินออกไปซื้อข้าวในทันที
“อย่าไปสนใจไอ้เก่งมันเลยมันชอบทำตัวไม่รู้จักโต” คนดีแบะปากใส่น้องชายที่เห็นแผ่นหลังอยู่รำไรตรงร้านข้าว ก่อนจะหันกลับมาสนใจเพื่อนสนิทที่กำลังก้มหน้าอยู่
“…”
“กลัวมันเหรอ เดี๋ยวเราจัดการให้ มันจะไม่มายุ่งกับณาอีกเราสัญญา”
“ป…เปล่า เราแค่…กินข้าวเถอะ เดี๋ยวต้องไปเรียนอีกคาบใกล้ได้เวลาแล้ว” กรุณาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่รู้ว่าเธอจะต้องตอบออกไปอย่างไร ถามว่าเธอกลัวน้องชายของเพื่อนรึเปล่า ก็เปล่าเธอก็แค่…แค่รู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่ใกล้เขาก็เท่านั้น
ทั้งสามเริ่มทานข้าวกัน พลางพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งคนเก่งเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมจานข้าวในมือและนมหวานสีขาวหนึ่งแก้ว
“กินนม?” คนดีจ้องมองใบหน้าของน้องชายอย่างประหลาดใจ เธอจำได้ดีว่ายัดเหยียดนมให้น้องชายกินขนาดไหนตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เห็นจะรู้ว่าน้องชายชอบกินนม
“เปลี่ยนกัน ชาไทยอร่อย ส่วนอันนี้ของพี่ณา” สรรพนามที่ใช้เรียกเปลี่ยนไปหลังจากรู้ว่าเธอคนนั้นคือเพื่อนของพี่สาว
“ของพี่เหรอ แต่พี่ไม่อยาก…”
“กินเถอะ…จะได้โตไวไว” คนเก่งเน้นคำว่าโตไวไว แต่สายตาเขากลับไม่ได้มองหน้าของกรุณาเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้เก่ง!”
“ครับพี่คนดี”
“อยากตายรึไง แม่ทิ่มด้วยส้อมเลยหนิ” มือบางของพี่สาวยกส้อมขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องชายกำลังใช้สายตาแทะโลมเพื่อนสนิทของเธอใช่ว่าเธอจะอะไรหรอกนะแค่ไม่อยากให้เพื่อนต้องหลวมตัวเสียใจ เพราะรู้ดีว่าน้องชายของตนเองเจ้าชู้แค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้าเธอยังอยู่ก็อย่าหวัง
“พี่ไม่อยากมีน้องสะใภ้เป็นเพื่อนรึไง”
“ไม่อยาก”
“…”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะณา เราหมายความว่าอย่าเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับไอ้น้องชายเจ้าชู้ของเราเลย” คนดีแก้ตัวเพราะไม่อยากให้เพื่อนสนิทเข้าใจผิดว่าเธอรังเกียจ ซึ่งกรุณาก็พอจะเข้าใจดี จากเหตุการณ์ที่พบเจอก่อนหน้าก็พอจะเดาได้ว่าน้องชายเพื่อนคนนี้เจ้าชู้ไม่เบา
“เราเข้าใจ”
หลังจากนั้นทั้งหมดก็เลือกที่จะเงียบลงแล้วทานข้าวของตัวเองจนเสร็จ กระทั่งเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของพลอยไพลินดังขึ้น เธอเปิดมันอ่านก่อนจะหันมาถามเพื่อนสนิททั้งสองคน
“ตกลงมึงจะไปงานวันเกิดกูที่เสม็ดใช่มั้ยอีคนดี แม่ชี”
“ไม่ไปได้เหรอคะคุณพริก”
“ไม่ได้! พี่หมื่นกำลังจะจองเรือนะก็เลยถามดูก่อน”
“พี่พริกจะไปเสม็ดเหรอ ขอเก่งไปด้วยสิ นะครับพี่พริกคนสวย”
“ขออีคนดีโน่น ถ้ามันยอมพี่ก็ไม่มีปัญหา”
“พี่คนดีครับ”
“ไม่ต้องมาอ้อน ไม่ให้ไป!!”
“พี่พาเก่งไปด้วยนะ พี่เป็นผู้หญิงจะไปกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง อันตราย”
“เหอะ! นั่นผัวไอ้พริกทั้งนั้นไม่ต้องมาหาข้ออ้าง”
“พี่ณาช่วยพูดกับพี่คนดีให้หน่อยสิ เก่งอยากไปจริงๆนะ ไปหลายคนสนุกดีออก”
“เอ่อ…คือ…” กรุณาทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกอีกฝ่ายเอ่ยน้ำเสียงอ้อนเป็นครั้งแรก ลังเลว่าควรช่วยพูดดีไหม หรือเธอควรจะนิ่งไว้เพราะยังไงให้คนดีตัดสินใจเองก็น่าดีกว่า ขณะเดียวกันคนเก่งก็ลอบมองใบหน้าของเธออยู่แบบนั้นราวกับมันสะกดสายตาให้เขาอยากเข้าไปค้นหา
“บอกว่าไม่ให้ไปไง ไม่ต้องมาอ้อน ปล่อยแขนณาเดี๋ยวนี้ไอ้เก่ง”
“เก่งจะไป พี่ห้ามไม่ได้หรอก” คนเก่งบอกพี่สาวเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์ยากที่จะคาดเดาไปยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่
หลังจากนั้นคนเก่งก็วิ่งออกไปจากตรงนั้นด้วยความหงุดหงิด เขาอยากไปด้วย คอยดูนะเขาจะต้องไปให้ได้