บทนำ
The Bangkok Sky
ภัตตาคารลอยฟ้าชื่อดังชั้น85บนยอดตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยและเห็นวิวทั่วกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนได้360องศาที่สวยงามอลังการมาก ห้องอาหารทั้งชั้นจะหมุนไปอย่างช้าๆเพื่อให้ลูกค้าที่มารับประทานอาหารได้สัมผัสบรรยากาศสวยงามเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ
“คุณแม่ขาลูกหว้าอยากกินค่ะ” ลูกหว้า เด็กหญิงรัตติยากร กาญจณานุวัฒน์ วัย12ปีหน้าตาน่ารักปากนิดจมูกหน่อยถักเปียรอบศรีษะมีมงกุฏเล็กประดับด้วยคริสตัลสวมบนศรีษะเล็กสวมชุดสีชมพูฟู่ฟ่องตรงหน้าอกประดับด้วยคริสตัลรูปหัวใจราวกับเจ้าหญิงตัวน้อย
“ได้สิลูก หนูจะกินอะไรคะลูก” จีรนันท์ กาญจณานุวัฒน์ คุณแม่คนสวย ถามลูกสาวอย่างอ่อนโยนวันนี้เป็นวันเกิดของลูกสาวเธอกับแม่ คุณเพ็ญนภา ทรัพย์ไพศาล คุณยายของลูกจึงพาเจ้าหญิงตัวน้อยมากินอาหารที่ภัตคารลอยฟ้า ส่วน วาทิน กาญจณานุวัฒน์ พ่อของลูกนั้นไม่รู้ไปไหนเพราะเธอโทรหาเขาไม่ติดคิดว่าอาจจะติดงานก็ได้
“คุณยายขา ลูกหว้าจะกินอะไรดีคะ กินกุ้งไม่ได้งั้นกินปลานะคะคุณแม่ขา” เสียงแหลมเล็กดังเจื้อยแจ้วถามคุณยายและตอบเองเพราะรู้ว่าตัวเองแพ้กุ้ง
“ดีจ้ะ กินปลาเยอะหลานยายจะได้ฉลาดลูก” คุณยายเอาใจหลานสาวและสั่งอาหารให้ตามที่หลานสาวชอบ เมื่ออาหารมาเสริฟเต็มโต้ะทั้งสามคนยายหลานก็กินอาหารกันไปอย่างมีความสุข
“คุณแม่ขาแล้วเค้กวันเกิดของลูกหว้าล่ะคะ” เด็กหญิงเคี้ยวข้าวเต็มปากถามถึงเค้กวันเกิดของตัวเองว่ามีหรือเปล่า
“อืม เค้กของลูกอยู่ที่บ้านค่ะ เดี๋ยวเราไปเป่าเค้กพร้อมคุณพ่อนะคะ” คุณแม่คนสวยบอกลูกสาวแล้วหอมแก้มอย่างแสนรักแก้วตาดวงใจของเธอ
“งั้นเรารีบกินข้าวกันนะคะ ลูกหว้าอยากเป่าเค้กค่ะ” เจ้าหญิงตัวน้อยตื่นเต้นอยากเป่าเค้กเพราะเธอจะได้ของขวัญมากมายจากคุณพ่อคุณแม่ก็ชวนยายกับแม่กินข้าวเพื่อจะได้รีบกลับบ้าน
“เอ่อ” คุณเพ็ญนภาเห็นลูกเขยควงนางร้ายคนสวยเข้าประตูมาถึงกับพูดไม่ออกเพราะท่าทางของทั้งสองไม่ใช่แค่คนรู้จักทั้งโอบเอวหอมแก้ม ท่านรู้ว่าลูกเขยเจ้าชู้เป็นถึงอดีตพระเอกหนุ่มหล่อชื่อดังพอแต่งงานกับลูกสาวของท่านวาทินก็ไม่มีข่าวเยอะเขายังรับบทพระเอกอยู่จนตอนหลังคลื่นลูกใหม่เข้ามาเยอะทำให้บทบาทเปลี่ยนไปและอายุก็เยอะขึ้นก็รับบทพ่อทั้งที่มีลูก แต่กระแสนิยมก็ยังไม่ตกมีผู้จัดติดต่อมาตลอดจนมารับบทพ่อของกษัตริย์ในละครพีเรียดประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาที่นนดูติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองเขาก็โด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรคะคุณแม่” จีรนันท์เงยหน้ามองแม่ที่อ้าปากค้างจ้องไปด้านหลังของเธอเหมือนเจอผี
“มะ ไม่มีอะไรหรอกยัยนันท์ กินข้าวเถอะลูกเดี๋ยวอาหารจะเย็นไปซะก่อน” คุณเพ็ญนภาบอกลูกสาวที่ยอมกินข้าวต่อเมื่อท่านบอกไม่มีอะไรเพราะหันไปมองก็ไม่เห็นอะไร
“คุณยายไม่กินเหรอคะ เดี๋ยวลูกหว้าจะได้กลับไปเป่าเค้กกับคุณพ่อค่ะ.” เจ้าหญิงตัวน้อยบอกคุณยายที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกสงสารทั้งลูกทั้งหลานขณะที่ลูกเขยก็ยังไม่เห็นท่านกับลูกเมียที่พาหลานสาวมาเลี้ยงวันเกิด
“กินค่ะ แต่ยายยังไม่หิวเท่าไหร่ เดี๋ยวยายจะกลับไปกินเค้กน้องลูกหว้าด้วยไงคะ” คุณยายยกมือลูบศรีษะหลานสาวเบาๆคิดว่าจะต้องคุยกับลูกเขยสักหน่อยว่าทำไมไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท่านและสามีว่าจะรักและดูแลลูกสาวของท่านให้ดีที่สุดจะไม่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ แล้วที่ท่านเห็นนี่ล่ะ ปกติคุณเพ็ญนภาจะไม่เชื่อข่าวลือทางสื่อออนไลน์ทั้งหลายแหล่แต่นี่ท่านเห็นกับตาและไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกัน หรือเพื่อนบนเตียง
“ดีค่ะคุณยายเค้กของลูกหว้าต้องอร่อยแน่ๆค่ะ คุณแม่ขาพาน้องไปฉิ้งฉ่องหน่อยค่า” เจ้าหญิงน้อยหันไปบอกคุณแม่คนสวยให้พาไปห้องน้ำที่ทางเดินจะต้องผ่านโต้อาหารของวาทินที่นั่งใกล้ทางเดินและเป็นส่วนตัว
“เอ่อ, แม่ว่าเรากลับกันดีมั้ยยัยนันท์ น้องลูกหว้าพาน้องไปฉิ้งฉ่องกับคุณยายชั้นล่างมั้ยคะ” คุณเพ็ญนภาชวนลูกสาวกลับท่านไม่อยากให้เจอลูกเขยที่พาคู่ควงมากินอาหาร
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ นันท์พาลูกหว้าไปห้องน้ำแป้บเดียวค่ะ.”
“คุณแม่ขา ลูกหว้าไม่ไหวแล้วนะคะ น้องจะเปียกแล้วค่ะ” เสียงหลานสาวเร่งทำให้จีรนันท์ลุกขึ้นพาลูกสาวไปห้องน้ำ คุณเพ็ญนภาหลับตาลงอย่างปลงๆก่อนจะลุกตามไปท่านรู้ว่าต้องเกิดเรื่องแน่
สองแม่ลูกเดินจูงมือคุยกันไปกระหนุงกระหนิงจนเกือบจะถึงโต้ะของวาทินที่มีนางร้ายคนสวยอิงแอบแนบซบป้อนอาหารราวกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
“คุณพ่อขา คุณพ่อขา” มือเล็กสะบัดหลุดจากมือเรียวของแม่วิ่งไปหาพ่อที่ได้ยินเสียงลูกสาวเรียกก็หันไปมอง
“ลูกหว้า คุณนันท์” วาทินครางออกมาเบาหวิวมองลูกมองแม่สลับกันก่อนจะลุกขึ้นปัดมือคู่ควงออก
“ลูกหว้า” ร่างสูโปร่งสมาร์ทก้มลงจะกอดลูก
“ไปห้องน้ำกันค่ะลูกหว้า เดี๋ยวเราจะกลับบ้านกัน คุณยายรออยู่นะลูก” จีรนันท์บอกลูกสาวเสียงอ่อนหวาน
“แล้วคุณพ่อละคะ” เจ้าหญิงน้อยยังไม่ยอมเพราะอยากเจอพ่ออยากให้ไปเป่าเค้กวันเกิดกับเธอ
“คุณพ่อไม่ว่างค่ะ ไปเถอะคุณพ่อจะได้คุยกับเพื่อนให้หนำใจ” จีรนันท์เน้นเสียงให้รู้ว่าเธอโกรธมากแต่ยังเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยากเป็นข่าวฉาวโฉ่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์
“นันท์ครับ ผม.”
“คุณนันท์คะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณนันท์คิดนะคะ โยกับคุณทินเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันนะคะ” โยทะกานางร้ายคนสวยที่แสดงละครร่วมกับวาทินบอกภรรยาของดาราหนุ่มหล่อที่เธอแอบกินกันมานานกว่าหกเดือนตั้งแต่แสดงละครด้วยกันมาจนจบเรื่อง
“ลูกหว้าไปห้องน้ำกับยายนะลูก” ห่วงลูกก็ห่วงห่วงหลานก็ห่วงคุณเพ็ญนภาจึงเลือกหลานเพราะลูกโตแล้วส่วนหลานยังเด็กท่านไม่อยากให้เห็นเหตุการณ์แบบนี้
“เธอรู้เหรอว่าฉันคิดอะไรโยทะกา.” เมื่อลูกสาวไม่อยู่เธอก็ไม่ให้เกียรติผู้หญิงหน้าไม่อายกับผู้ชายมากชู้หลายใจอีกต่อไป
“นันท์ใจเย็นๆก่อนสิครับ” วาทินเดินเข้าไปจับแขนภรรยาเพื่อไม่ให้เสียงดังแต่ตอนนี้เริ่มมีคนมาเมียงมองแล้วเพราะจำเขากับโยทะกาได้
“ใจเย็นเหรอคะทิน คุณบอกให้นันท์ใจเย็นทั้งที่สามีควงชู้มากินอาหารหน้าระรื่นแต่ลูกเมียติดต่อไม่ได้นี่เหรอคะทิน แล้วคุณบอกให้นันท์ใจเย็น” จีรนันท์เก็บอารมณ์ไม่อยู่เธอแผดเสียงใส่สามี
“นันท์ครับ”
“อย่ามาจับฉัน ฉันขยะแขยงคุณอย่าเอาเนื้อตัวสกปรกของคุณมาแตะต้องตัวฉัน” จีรนันท์ปัดมือของสามีออกอย่างแรงใบหน้าสวยแดงก่ำยืนตัวสั่นเทาไม่รู้จะจัดการกับสามียังไงความรู้สึกมันชาไปหมดทั้งตัวเหมือนใครเอาไฟนับหมื่นโวลต์มาช็อตตัวเธอแต่เสียงลูกสาวทำให้เธอได้สติจึงนิ่ง
“นันท์กลับไปคุยกันที่บ้านนะครับ” วาทินพูดเสียงอ่อนรู้สึกผิดกับภรรยาแต่เขาทนแรงรบเร้าออดอ้อนของโยทะกาไม่ได้จึงพาเธอมากินอาหารหลังจากที่ไปงานของช่องมาด้วยกันและจะไปต่อกันที่รังรักของเขากับเธอที่คอนโดหรู
“แต่คุณทินคะ” โยทะกาเรียกร้องความสนใจบ้างเธอคิดว่าวาทินหลงใหลรสสวาทที่เธอป้อนอย่างถึงอกถึงใจและคิดว่าเธอก็เป็นเมียของเขาคนหนึ่งเหมือนกันจึงมีสิทธิ์มีเสียงเรียกร้องบ้าง
“คุณกลับไปก่อนโยทะกา” วาทินหันไปบอกโยทะกาเสียงเข้ม
“เรื่องของเราละคะ ในเมื่อคุณจีรนันท์รู้แล้วก็คุยกันเลยสิคะ” ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเธอก็จะไม่ถอยเหมือนกัน
“ได้คุยแน่โยธะกา..”
“คุณแม่ขา คุณพ่อขา กลับบ้านกันนะคะ ลูกหว้าจะไปเป่าเค้กค่ะ.” เสียงลูกสาวนำมาก่อนทำให้จีรนันท์หลับตาตั้งสติเธอไม่อยากให้ลูกสาวรู้
“เป่าเค้ก จริงสิวันนี้วันเกิดลูก” วาทินครางในคอเขาผิดบอกได้คำเดียวว่าเขาผิดอย่างมหันต์ที่ลืมวันเกิดลูกสาวสุดที่รัก
“คุณพ่ออย่าลืมของขวัญลูกหว้านะคะ” เจ้าหญิงน้อยของเขาทวงของขวัญทำให้พ่ออย่างเขาน้ำตาตกมองแม่ยายอย่างขอความเห็นใจแต่คุณเพ็ญนภาผู้ที่ช่วยแก้ต่างให้เขามาตลอดเมินหน้าหนีไม่มองหน้าเขาวาทินรู้ว่าเขาได้ทำให้แม่ยายหมดความไว้เนื้อเชื่อใจไปแล้ว
“เอ่อ, ครับลูกหว้า คุณพ่อไม่ลืมครับ”
“เรากลับกันเถอะจ้ะลูกหว้า ไปค่ะแม่มันน่าขยะแขยงเกินไปที่นันท์จะอยู่ต่อ”
“นันท์เดี๋ยวสินันท์.”วาทินเรียกตามภรรยาอย่างไม่สนใจใครแล้วตอนนี้เขาต้องง้อเมียก่อน
“คุณทินคะ คุณทินรอโยด้วยสิคะ” โยทะกาก็เดินตามวาทินที่ก้าวเท้ายาวๆตามลูกเมียไปจนถึงลิฟต์
“ฉันขอร้อง อย่าตามมาถ้ายังรักลูกฉันไม่อยากให้ลูกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน” จีรนันท์พูดเสียงแข็งไม่มองหน้าสามีเธอพูดด้วยรอยยิ้มที่มีให้ลูกสาว
“คุณพ่อขาเพื่อนคุณพ่อมาตามค่ะ ลูกหว้ากลับไปรอที่บ้านก็ได้ค่ะ” ลูกหว้าจะรู้ว่าพ่อทำงานและจะเห็นในทีวีแต่แม่จะอธิบายให้ฟังตลอดว่ามันเป็นงานการแสดงไม่ใช่เรื่องจริงทุกคนเป็นเพื่อนคุณพ่อ
“แม่ขอนะตาทิน จะทำอะไรให้คิดถึงลูกเมียบ้าง ไปเคลียกับคนของเธอซะ” คุณเพ็ญนภาพูดเสียงเย็นมองลูกเขยด้วยสายตาไม่พอใจและโกรธมาก เมื่อลิฟต์ปิดลงวาทินกำมือแน่นมองประตูลิฟต์อย่างคิดไม่ตก
“คุณทินคะ”
“กลับไปก่อนโย ผมจะกลับบ้าน”
“แต่ว่า.”
“เรื่องของเรามันจบแล้วโย ” วาทินพูดจบก็เข้าลิฟต์อีกตัวและกดปิดมองโยทะกาที่ยืนงงเมื่อถูกเขาบอกเลิก
“คุณทิน คุณทินกลับมาก่อน” โยทะกาได้สติเรียกวาทินเสียงดังอยู่หน้าลิฟต์ก่อนจะมองคนที่มุงดูเธอแล้วรีบเข้าลิฟต์เพื่อกลับไปสงบสติอารมณ์ที่รังรักของเธอกับวาทินรอเขา
คุณเพ็ญนภาชวนหลานสาวคุยเพราะจีรนันท์ยังไม่อยู่ในอารมณ์จะคุยเล่นกับลูกแต่สายตาคมมองลูกสาวน้ำตาไหลก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง จนถึงบ้านท่านก็พาหลานสาวแยกไปห้องนั่งเล่นและได้ยินเสียงรถลูกเขยแล่นเข้ามาจอดเบรกรถเสียงดังลั่น
“คุณนันท์อยู่ไหน แหว๋ว.” วาทินถามหาภรรยาจากเด็กในบ้าน
“ขึ้นไปบนห้องค่ะ” แหว๋วเห็นเจ้านายหนุ่มหล่อรีบเร่งจึงชี้ขึ้นไปชั้นบนที่เธอเห็นเจ้านายสาวเดินขึ้นไปก่อนจะไปตามพี่ต่ายพี่เลี้ยงของคุณหนูลูกหว้าให้มาดูแลคุณหนูตามคำสั่งของคุณยาย ปกติทุกคนจะเรียกคุณเพ็ญนภาว่าคุณผู้หญิงและเรียกสามีของท่านว่าคุณผู้ชายพอมีหลานท่านก็บอกให้เรียกคุณยายคุณย่าดีกว่าท่านชอมมากกว่าคนในบ้านเรียกคุณผู้หญิงเพราะสามีสิ้นบุญไปแล้ว
วาทินเข้าไปในห้องก็เห็นภรรยานั่งตรงโซฟาหน้าเตียงก้มหน้ามองมือที่ประสานกันแน่นบนตักก็ยิ่งรู้สึกผิดแต่เขาก็ไม่ได้จริงจังกับโยทะกาแค่มีความสุขด้วยกันเท่านั้นปกติเขาก็แอบมีคนอื่นลับหลังจีรนันท์บ่อยๆเพราะเธอไม่ค่อยมีเวลาให้เขาแต่ครั้งนี้เธอเห็นคาตาแล้วเขาก็คิดไม่ออกว่าจะแก้ตัวยังไง
“นันท์.” วาทินนั่งคุกเข่าตรงหน้าภรรยาเรียกเธอเบาๆ
“อย่ามาจับฉัน เอามือสกปรกของคุณออกไปจากตัวฉัน.” น้ำเสียงเรียบเย็นเหยียบแต่ละคำพูดเค้นออกมาจากปากของจีรนันท์มันทำให้วาทินยอมปล่อยมือและก้มหน้าสำนึกผิด
“นันท์ฟังผมก่อนนะครับ”
“นานแค่ไหนแล้วทิน นานแค่ไหนที่คุณทำกับฉันแบบนี้ ทำไมทิน ทำไมฉันถามว่าทำไม” เสียงที่เคยหวานหูตวาดดังลั่นห้องด้วยความเสียใจ สามีที่เธอไว้ใจมีคนอื่นเขาทำแบบนี้กับภรรยาที่เขาบอกว่ารักได้ยังไง
“นันท์ครับ มันไม่มีอะไร ผมกับโยทะกาเราแค่สนุกกันเท่านั้น ผมรักนันท์กับลูกนะครับ” วาทินพูดอย่างเห็นแก่ตัวตอนนี้เขาต้องง้อเมียให้ได้ก่อนค่อยไปเคลียกับโยทะกา
“รักนันท์เหรอคะ คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอคะทิน ไม่ค่ะนันท์ไม่ต้องการความรักแบบนี้อีกแล้วนันท์ไม่ต้องการ ฮือๆฮือๆๆ.” จีรนันท์ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำถึงแม้จะได้ยินข่าวของสามีกับผู้หญิงแต่เขาบอกว่าเพื่อนร่วมงานเธอก็เชื่อใจสามี วาทินเป็นพระเอกดังรูปหล่อปากหวานเอาอกเอาใจเก่งไม่มีท่าทีเจ้าชู้แต่เขาเป็นข่าวกับดารานางแบบหลายคนแต่เธอก็ให้เกียรติสามี แล้วเขาตอบแทนเธอด้วยการไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นและคงจะเป็นจริงตามข่าว
“ผมขอโทษครับ นันท์สนใจแต่งานปล่อยให้ผมเหงาผมก็หาทางออกต่อไปจะไม่นอกใจนันท์อีกนะครับคนดี” วาทินขอโทษและสัญญาว่าจะไม่นอกใจเธอ
“อย่ามาแตะฉัน ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย” จีรนันท์ได้ยินวาทินพูดก็ผลักอย่างแรงจนเขาล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่สนใจ “ออกไปจากห้องฉัน ออกไป ฉันบอกว่าออกไป้..” จีรนันท์ไม่ได้พูดเฉยๆเธอหยิบขวดน้ำหอมขวดครีมโลชั่นทั้งหลายบนโต้ะกระจกขว้างใส่สามีที่รีบลุกหลบขวดและสิ่งของที่ลอยตามมาเสียงดังเปรี้ยงปร้างจึงวิ่งไปที่ประตูกระชากออกอย่างแรง
“เฮ้ยย..”
“กรี้ดดด..” ร่างเล็กของเจ้าหญิงน้อยของเขาลอยมากับประตูล้มลงใส่เศษขวดแก้วทั้งขาทั้งแขนด้านซ้ายที่ร่างเล็กเซล้มลงใส่
“คุณหนู /ลูกแม่ / ลูกหว้า..” เสียงพ่อแม่และพี่เลี้ยงดังลั่นห้องจนคุณเพ็ญนภาที่อยู่ห้องนั่งเล่นได้ยินจึงขึ้นมาดู
“ลูกหว้า ลูกแม่เจ็บตรงไหนลูก แม่จะพาหนูไปโรงพยาบาลนะลูก” จีรนันท์เข้าถึงตัวลูกสาวก่อนวาทินที่ยืนตกใจ
“คุณหนู คุณนันท์คะ ต่ายจะไปโทรตามรถพยาบาลนะคะ” พี่เลี้ยงสาวลุกขึ้นไปโทรหารถพยาบาลให้มารับคุณหนูแจ้งอาการบาดเจ็บให้ทางโรงพยาบาลทราบแล้วเธอก็ขึ้นไปช่วยดูคุณหนูที่ร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวดมีแม่และคุณยายปลอบใจส่วยวาทินนั่งก้มหน้าอย่างสำนึกผิดและเสียใจที่ทำให้ลูกสาวบาดเจ็บก่อนจะพาแก้วตาดวงใจของเขาไปโรงพยาบาล แบงค์คอก อินเตอร์เนชั่นเนล ของตระกูล กาญจณานุวัฒน์ ที่วุ่นวายขึ้นมาทันทีเมื่อหลานสาวตัวน้อยของเจ้าของโรงพยาลได้รับบาดเจ็บจึงมีคำสั่งจากผู้บริหารสูงสุดคือปู่สั่งให้หมอพยาบาลดูแลรักษาให้ดีที่สุด อาการของเด็กหญิงรัตติยากรดีขึ้นเมื่อคุณหมอ กรองกาญ กาญจณานุวัฒน์ มาตรวจรักษาอาการบาดเจ็บของหลานสาวด้วยตัวเอง จัดการคีบเศษกระจกขวดน้ำหอมปักที่ขาและมีเศษเล็กเศษน้อยตามแขนขาและมือออกจนหมดทำแผลให้หลานสาวที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างเบามือและพุดปลอบหลานสาวด้วยความสาร
จีรนันท์นั่งเฝ้าลูกอย่างสงสารและโทษตัวเองที่เป็นคนทำให้ลูกสาวได้รับบาดเจ็บวาทินก็นั่งอีกฝั่งท่ามกลางสายตาไม่พอใจของพ่อแม่และน้องสาวแต่ไม่มีใครพูดกับเขาก่อนปู่ย่าและยายจะพากันกลับไปพักผ่อนที่บ้านปล่อยให้พ่อแม่ของลูกหว้าเฝ้าลูก
พอเช้ามาก็มีข่าวเตียงหักของอดีตพระเอกดังกับภรรยานักธุรกิจชื่อดังมีมือที่สามอย่างโยทะกาเป็นผู้ขย่มขาเตียงจนหง่อนแหง่น และเป็นที่มาการหย่าร้างของจีรนันท์กับวาทิน จบชีวิตการแต่งงานสิบสามปของทั้งคู่ ทั้งที่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายพยายามพูดแต่จีรนันท์ไม่ยอมฟังใครเธอตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะหย่าและขอเลี้ยงดูลูกสาวเองหากวาทินไม่ยอมก็ให้ไปฟ้องร้องเอาสุดท้ายทั้งสองก็หย่าขาดจากกันทั้งที่ยังรักกันเด็กหญิงรัตติยากรอยู่กับแม่แต่ศุกร์เสาร์ไปนอนบ้านพ่อบ้างบ้านปู่ย่าบ้าง
เวลาผ่านไปห้าปีเด็กหญิงรัตติยากร กาญจณานุวัฒน์ ก็โตเป็นสาวและกำลังจะเข้าเรียมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงรายที่เป็นบ้านเกิดของคุณยายเพ็ญนภา