บางอย่างที่แวบตรงปลายหางตาทำให้คนที่ขับรถท่ามกลางฝนกระหน่ำเม็ดหนาเบรกอย่างกะทันหัน หากก็ยังสามารถควบคุมพวงมาลัยไว้ได้ ทว่าคนที่นั่งมาด้วยถึงกับสบถขรมเพราะหน้าทิ่มไปข้างหน้าอย่างแรง
“เวรเอ๊ย อะไรของแกวะเบิร์ด อยู่ๆ ก็เบรก ฝนตกนะเว้ย อยากลงไปนอนใต้ต้นไม้ข้างทางหรือไงวะ”
ทั้งที่โดนดุแต่คนขับกลับถอยรถอย่างช้าๆ แม้จะอันตรายราวไม่สนใจคำดุด่า
“แล้วนี่จะถอยทำซากอะไร”
“ผมเห็นเหมือนคนนอนอยู่ข้างทางเมื่อกี้ครับนาย”
“ใครที่ไหนจะมานอนข้างทางเอาตอนนี้วะ ถ้ามีจริงๆ ก็ไม่ใช่คนแล้ว”
พูดแล้วคนเป็นนายก็เหลือบมองลูกน้อง ขณะที่อีกฝ่ายหน้าแหย โดยรถถอยกลับมาถึงจุดที่ตนสะดุดใจแล้ว เมื่อเหลือบไปริมทางแล้วก็ถึงกับสะดุ้งโหยง
“นาย...”
สีหน้าของลูกน้องที่หันกลับมามองตนพร้อมกับเอ่ยเสียงเบาเหมือนไม่อยากเชื่อทำให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับชะโงกผ่ายอีกฝ่ายมองด้านนอกกระจกออกไป
“เฮ้ย ตายหรือยังวะนั่น”
“โธ่ นาย...”
คนเป็นลูกน้องมัวแต่โอดครวญทว่าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พุ่งลงจากรถด้านของตนในทันทีที่เอ่ยจบประโยค โดยไม่สนใจฝนที่ลงเม็ดไม่ขาดสาย
“เดี๋ยวก่อนนาย”
พร้อมเรียกเจ้านายเจ้าตัวก็คว้าปืนที่ลิ้นชักด้านหน้ารถตามลงไปด้วย ป้องกันไว้ก่อน เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากล เพราะการมีคนมานอนอยู่บนถนนทางเข้าไร่ท่ามกลางสายฝนเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
ผู้ที่ลงมาก่อนค่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างไม่ไว้ใจนัก และลูกน้องหนุ่มก็ตามมาประกบไม่ห่าง
“นายลืมปืน”
“ไม่ได้ลืม แต่คิดว่าน่าจะไม่จำเป็น คงตายแล้วมั้ง”
“งั้นผมโทรเรียกตำรวจนะนาย”
“ดูให้แน่ใจก่อน”
สองหนุ่มเข้าไปใกล้ร่างที่นอนฟุบหน้ากับหญ้าที่ไม่สูงนักเพราะได้รับการดูแลจากคนงานในไร่อยู่ตลอด เพื่อทิวทัศน์ที่ดีเจริญหูเจริญตาตามคำสั่งของนายหนุ่มเจ้าของไร่
“ระวังนะครับนาย”
ลูกน้องหนุ่มเอ่ยพลางกระชับปืนในมือและหันมองซ้ายขวา สายตาระแวดระวังเพราะอาจถูกล่อลวงให้ลงจากรถได้ แม้ยากที่จะมีใครกล้ากระตุกหนวดเสือถึงถิ่น
ขณะที่ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงแตะร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าให้พลิกตัวกลับมา จากที่เห็นผมยาวมัดไว้ค่อนข้างหลุดลุ่ยก็รู้ว่าเป็นผู้หญิง เมื่อรั้งไหล่บางกลับมาก็ยิ่งมั่นใจ ดวงหน้าเล็กซีดเผือดมีรอยเลือดไหลจากหน้าผากลงมาเปื้อนจนถึงข้างแก้มและปลายคาง ใจคนมองกระตุกวูบหนึ่ง ใบหน้าหวานดูจิ้มลิ้มพริ้มเพรานัก อดนึกหดหู่ไม่ได้ที่เจ้าตัวต้องมาเกิดเรื่องหรืออาจตายไปอย่างน่าสงสารแบบนี้
ทว่าขณะที่เขาพยายามสังเกตคนที่ไม่ได้สติและคิดว่าอาจไม่รอดแล้ว คิ้วเรียวสวยของเจ้าตัวก็ขมวดเล็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มอุทานอย่างประหลาดใจ
“ยังไม่ตายนี่หว่า”
“เรียกกู้ภัยหรือรถพยาบาลดีครับนาย”
“รอเสียเวลา”
พร้อมกับพูดร่างสูงใหญ่ก็ขยับเข้าไปใกล้แล้วค่อยๆ ซ้อนร่างเล็กขึ้นพยายามให้เบามืออย่างที่สุด
“ไม่รู้กระดูกหักตรงไหนหรือเปล่า”
เขาบ่นเบาๆ ขณะที่ลูกน้องคนสนิทไปเปิดประตูด้านหลังให้อย่างรู้ใจ แต่ก็ยังสังเกตโดยรอบอยู่ หลังจากร่างสูงใหญ่ของเจ้านายเข้าไปนั่งตอนหลังพร้อมร่างเล็กในอ้อมกอดก็ปิดประตู
“ใครมันกล้าเอาคนมาทิ้งทางเข้าไร่ก็ไม่รู้นะครับนาย”
เมื่อมานั่งหลังพวงมาลัยก็เอ่ยกับคนเป็นนายขณะสตาร์ตรถ
“อืม น่าแปลก”
ชายหนุ่มพึมพำขณะก้มมองคนในอกตนอย่างอดสงสัยไม่ได้ คนที่เอาหญิงสาวมาทิ้งมีจุดประสงค์ใดแอบแฝงนอกจากกำจัดคนหรือไม่ ใครกันกล้ามายุ่มย่ามกับไร่ฤทธากาจของเขา แม้ว่า จามิกร ฤทธากาจ จะขึ้นมาดูแลกิจการแทนบิดาที่เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งยังไม่ถึงสิบปี แต่ก็นับว่าสานต่อกิจการได้ดี ไร่องุ่นที่ผลิตไวน์มีชื่อและได้รับรางวัลระดับโลกมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาดสาย และมารดาของเขาก็นับว่ามีคนนับหน้าถือตามากมาย อีกอย่างอาของเขาก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีบรามีคนรู้จักทั่วทั้งจังหวัด
ฉะนั้นยากที่จะมีใครทำตัวเป็นศัตรูกับคนนามสกุลฤทธากาจอย่างชัดเจน
=========