บทที่ 4 ทุบตีพ่อเลี้ยง

1586 Words
อุไรพรก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระ เพียงเพราะเมื่อเข้าบ้านตระกูลจิรพิทยาวงษ์ ภารกิจหนึ่งก็ถูกกระตุ้นขึ้น รางวัลสำหรับภารกิจนี้ คือยาถอนพิษแปดขวดเต็มๆ เนื้อหาของภารกิจ คือถอนพิษในร่างของพงศ์เทพ เมื่อเธอเห็นครั้งแรกเธอก็รู้สึกว่ามันเหลวไหลสิ้นดี เธอเป็นเพียงนักฆ่าทั้งก่อนและหลังข้ามมิติ นอกจากการปฐมพยาบาลอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังภายนอก เช่น รอยฟกช้ำแล้ว เธอก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาเลย แต่ในภารกิจมีการเตือนว่าสมุนไพรถอนพิษจะมอบให้กับโฮสต์เป็นรางวัลสำหรับภารกิจเล็ก ๆ     ซึ่งหมายความว่า การถอนพิษเป็นประเด็นหลัก สิ่งที่เธอต้องทําคือทําตามภารกิจก็จะสามารถหาวิธีถอนพิษได้เอง เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแต่งงานแล้ว อุไรพรก็เปิดผ้าคลุมหัวเจ้าสาวออกด้วยตัวเอง เธอมองไปที่พงศ์เทพที่อยู่บนเตียงก่อน ดวงตาฉายความประหลาดใจเล็กน้อย พงศ์เทพนี้เกิดมาอย่างหล่อเหลา ในยุคปัจจุบัน รูปลักษณ์ของเขานี้ก็คงไปเป็นเทรนนี่ได้เลย เขาแค่หน้าซีด อ่อนแอไปเล็กน้อย และได้เพิ่มความรู้สึกสงสารคนสวยที่ป่วยและอ่อนแอ สามีที่โดนบังคับแต่งงานนี้ ยังไม่เลวเลย หลังจากอุไรพรชื่นชมเสร็จแล้ว ก็เข้าไปในสเปซและเริ่มเช็กอินในวันนี้ [เช็กอินสำเร็จ! ไอเทมที่ได้: ยาโสมเลือดหนึ่งเม็ด, เอสเซ้นส์บำรุงและเสริมสร้างกระดูกและเลือด หากคุณต้องการรับรางวัลเป็นสองเท่า คุณสามารถเลือกเริ่มภารกิจได้] อุไรพรตาเป็นประกาย นี่เป็นของดีนะ และที่สําคัญที่สุดคือได้ตรงกับประโยคนั้นในภารกิจของเธอ พลังในของร่างกายของพงศ์เทพถูกพิษร้ายกัดเซาะซะไม่เหลืออะไรเลย เลือดและกระดูกชํารุดทรุดโทรม จําเป็นต้องช่วยให้ทั้งสองอย่างนี้แข็งแรงจึงจะสามารถรอดได้ งั้นยาโสมเลือดนี่ ก็เป็นยาต่ออายุโดยแท้จริง อุไรพรลังเลว่าจะเริ่มทำภารกิจหรือไม่ ถ้าเกิดทำแล้วล้มเหลวล่ะ… ช่างเถอะ ยังไงก็มีการเช็กอินวันละครั้ง ไม่จําเป็นต้องเสี่ยง เธอบดยาโสมเลือดเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่เข้าไปในปากของพงศ์เทพ แล้วหยิบเหล้าที่อยู่บนโต๊ะแล้วกรอกตามลงไปอีกที “ยานี่มีมูลค่ามหาศาลเลยนะ คุณอย่าปล่อยให้ฉันผิดหวัง ในอนาคตคุณจะต้องตอบแทนฉันเป็นพันเท่าร้อยเท่า" อุไรพรพึมพำอยู่คนเดียว โดยที่ไม่รู้ว่านิ้วของพงศ์เทพขยับแล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในอาการโคม่า แต่เขาได้ยินคำของโลกภายนอกอย่างชัดเจนได้ เจ้าสาวของเขา เอาอะไรให้เขากิน?      อุไรพรกําลังวางแผนที่จะเชยชมรูปลักษณ์ของสามีเธออย่างละเอียด แต่จู่ๆกลับมีเสียงร้องไห้ที่คุ้นเคยดังมาจากข้างนอก มันเป็นเสียงร้องของดุจเดือน!      “นังโสเภณีที่ไร้ยางอาย แกจะกล้าเซ็นใบหย่าจริงๆหรือ กูจะบอกมึงว่า ต่อให้กูกลายเป็นผีมึงก็จะต้องกลายเป็นวัวเป็นม้าให้กู กลับไปซะ อุไรพรรีบออกไปและพบว่าเสียงนั้นมาจากประตูทางหลัง ข้างหน้าก็มีเสียงอึกทึกครึกโครม ได้ยินรางๆว่าเป็นเสียงตาเฒ่าพลกับพิกุล และเสียงของป้าสะใภ้คนโตของตัวเองที่มักจะหาเรื่องใส่ตัว เห็นได้ชัดว่าเพื่อเงินสี่ตำลึงที่เหลือ “อา!" ดุจเดือนกรีดร้องอย่างรุนแรง อุไรพรหยิบเคียวที่วางอยู่บนพื้นที่พิงกับผนังและวิ่งพุ่งออกไปตรง ๆ พลศักดิ์ใช้มือข้างหนึ่งดึงผมของดุจเดือนและตบเข้าที่หน้าเธออย่างแรง ดุจเดือนไม่สามารถต้านทานได้เลย อาจเป็นเพราะอดทนต่อความรุนแรงในครอบครัวมานานเกินไปจนลืมว่าจะต้องต้านทานอย่างไร เหมือนเนื้อที่ตายแล้วโดนลากโดนตีอยู่บนพื้น ดวงตาของอุไรพรแดงขึ้นทันที ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ “พลศักดิ์ กูเห็นว่ามึงอยู่ดีๆไม่ชอบ ต้องให้หักแขนหักขาก่อนใช่ไหม" พูดเสร็จ เคียวก็บินออกจากมือโดยตรงไปตามลมแรง ฝ่ามือของพลศักดิ์จึงถูกตอกกับกําแพง เสียงกรีดร้องอันโหยหวนของพลศักดิ์ดังก้องไปทั่วล่าทันที แม้แต่ในตอนนี้ที่ห้องโถงด้านหน้ายังมีหลายคนที่ยังโต้เถียงกันเรื่องสินสอดทองหมั้น ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและจะมุ่งหน้าไปยังสนามหลังบ้าน อุไรช่วยดุจเดือนไว้ และมองไปที่แก้มของดุจเดือนที่บวมเต่งจากการถูกตบ และผมของเธอที่ถูกดึงอย่างยุ่งเหยิง ความโกรธในใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น เธอกระชากแขนของพลศักดิ์อย่างแรง ทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาหลุดออกจากกระดูก เจ็บจนพลศักดิ์กัดฟัน พลศักดิ์เป็นคนตามฉบับคนที่ชอบรังแกคนที่อ่อนกว่าแต่เกรงกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว กลัวจนฉี่รดกางเกงอีกแล้ว ส่งกลิ่นฉุนคลุ้งไปทั่ว เขาร้องเจ็บไปพลาง ขอความเมตตาไปพลาง ไว้ชีวิตผมเถอะคุณป้า ผมไม่กล้าอีกแล้ว... อุไรพรตอบรับคําพูดของเขาด้วยการตบอย่างรุนแรง หนึ่งที สองที สามที 20ที! ขอความเมตตางั้นหรอ? ตอนฉันถูกตีจนหมดสติและขอความเมตตานับครั้งไม่ถ้วน คุณเคยขอให้ลูกน้องตีเบา ๆ เหรอ" เมื่อมองไปที่พลศักดิ์ที่หัวบวมเป็นหัวหมูแดงต่อหน้าเธอ เธอจึงคลายความโกรธจากก้นบึ้งของหัวใจลง ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีก ฉันจะตัดขาและเท้าทั้งสองข้างของคุณแน่! เสียงของอุไรพรไม่ได้ดังมาก แต่มันชัดเจน เมื่อได้ยินเช่นนี้พลศักดิ์ก็ยิ่งฉี่รดมากขึ้นอีก ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว ดูสัตว์ชั่วช้าที่ไม่รักดีตัวนี้สิ หมาป่าตาขาวที่เลี้ยงเสียข้าวสุก!" ตาเฒ่าพลรีบเข้ามาตะโกนด่าว่า "แกกําลังจะตายอยู่แล้ว แล้วยังจะเอามีดมาทําร้ายคนอื่นอีก” เมื่อเห็นเคียวที่ตอกฝ่ามือพลศักดิ์ ทุกคนต่างก็หวาดกลัว อุไรพรคนนี้เป็นผีร้ายที่ทวงหนี้แท้ๆ พิกุลที่อยู่ข้าง ๆ ลากตาเฒ่าไปมาและพึมพําอะไรบางอย่างด้วยเสียงต่ํา      ชายชราก็กรอกตาไปมาทันที ไม่พูดกับอุไรพร แต่หันหน้าไปทางกาญจนาที่อยู่ข้าง ๆแล้วพูดว่า "สิบตำลึง ฉันต้องการเงินสิบตำลึงเป็นค่ารักษาพยาบาล ไม่เช่นนั้นฉันจะไปก่อเรื่องที่สถานีตำรวจ ดูสิว่าถึงตอนนั้นยังจะกล้าสู้หน้าอีกไหม!“ กาญจนาแสดงสีหน้ารังเกียจ เตรียมเอ่ยปากด่ากลับ ไม่คิดว่าลูกสะใภ้ตนจะเอ่ยปากไปก่อนแล้ว ได้ ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่สิ พอดีกูก็จะไปด้วย งั้นเราสองคนไปด้วยกันเถอะ" อุไรพรยิ้มเย็นชา "ฉันจะแจ้งความเจ้าหน้าที่และบอกว่ามีคนบุกรุกบ้านส่วนตัวและปล้นสาวประชาชน ฉันต้องการแจ้งตำรวจว่ามีคนบุกเข้าไปในบ้านส่วนตัวและทำร้ายผู้หญิง สิ่งที่ฉันทำตอนนี้ก็แค่ป้องกันพวกอันธพาลโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น " กาญจนาตอบทันทีว่า "ใช่ ตระกูลจิรพิทยาวงษ์ก็ไม่อะไรหรอกนะ ยังไงที่บ้านก็มีแค่คนไม่กี่คน ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์อะไร ไม่กลัวการไปฟ้องร้องขึ้นศาลหรอก” แต่ตระกูลคุณต่างหาก ถ้าเป็นคดีความขึ้นมาละก็ ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกคุณทําลงไปแล้ว กลัวว่าจะต้องเข้าคุกกันใช่ไหม สีหน้าของตาเฒ่าพลเปลี่ยนไปมาก ขาดความมั่นใจทันที จ้องมองพิกุลและดูเหมือนจะตําหนิเธอสําหรับเสนอความคิดที่ไม่ดี บรรยากาศเงียบจนอึมครึมเล็กน้อย อุไรพรดึงเคียวออกมาโดยตรง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ทําให้ตาเฒ่าพลและคนอื่น ๆ ต่างหวาดกลัวจนถอยหลังไปหลายก้าว ในเมื่อพวกมึงมีหน้ามาขอเงินกู กูก็พูดอย่างตรงๆไปแล้ว" กาญจนาก็พูดต่อว่า "ตระกูลจิรพิทยาวงษ์ของกูแต่งงานกับใคร สินสอดทองหมั้นนี้ก็จะให้คนนั้น ในเมื่อเหยียนอุไรพรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของพวกมึงแล้ว สินสอดนี้ก็จะไม่ยกให้พวกมึงหรอก สุดท้ายแล้ว พวกมึงควรคืนเงินสี่ตำลึงที่กูให้ก่อนหน้านี้มาก่อนแล้วค่อยส่งที่เหลือคืนมาให้กูถึงจะถูก เงินนี้ยังไม่ได้เลย แล้วยังมาขอเงินคืนอีก ตาเฒ่าพลจะกลั้นโมโหไว้ได้ยังไงกัน เตรียมจะพูดอะไร ก็ถูกอุไรพรขวางไว้อีก สี่ตำลึงนั้นก็เก็บไว้รักษามือลูกชายมึงเถอะ ยังไม่มาเอาตัวมันไปอีก กะจะทำให้กูสะอิดสะเอียน แล้วกำจัดกูเร็วๆใช่ไหม ประโยคนี้ของเธอ ดูน่าสงสาร พลศักดิ์ตกใจมากจนล้มลงกับพื้นจึงแล้วคลานไปหาพ่อราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ      ตาเฒ่าพลทําอะไรไม่ถูกแล้ว และยิ่งกลัวว่าเคียวที่ยังหยดเลือดนั้นจะฟันมาที่ตัวเองหรือไม่ ไป! ครอบครัวนี้ได้แต่เดินออกจากประตูหลังบ้านไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD