เมื่อได้ยินดังนั้นอุไรพรถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีที่เด็กตูดหมึกคนนี้ไม่ได้เปิดเผยวีรกรรมของเธอในวันนี้ออกไป มิเช่นนั้นเกรงว่าแม่ของภูผาก็คงจะไม่ยอมแพ้ไปอย่างง่าย ๆ
หลังจากนั้นกาญจนาก็พาอุไรพรตะเลงไปทั่วทุกบ้านของเด็ก ๆ ที่ด่าว่าเธอในวันนี้ ให้พ่อแม่ของพวกเขาเป็นพยานในการขอโทษเธอไปทีละคน
แม้จะไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรลูกของตัวเองก็ทําผิดจริง ประกอบกับไม่มีใครไม่รู้ว่ากาญจนาแม้จะตัวคนเดียวก็แข็งแกร่งอยู่เสมอ เลยล้วนยอมกล่าวขอโทษกันอย่างโดยดี
ระหว่างทางกลับอุไรพรมองกาญจนาที่เดินอยู่ข้างหน้า จู่ ๆ ที่ขอบตาก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
“แม่ยาย ทําไมคุณถึงอยากให้พวกเขาขอโทษฉันล่ะ?”
กาญจนาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เธอตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ
“ทําอะไรผิดไปก็ควรขอโทษอยู่แล้ว วันนี้ฉันสัญญากับแม่ของเธอไว้แล้วว่า ต่อไปจะไม่ยอมให้เธอต้องถูกรังแกอีก ก่อนที่พงศ์เทพจะตื่นขึ้นมา นี่ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของฉันในฐานะแม่สามี”
พูด ๆ ไปเธอก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“อุไร หนูก็อย่าถือโทษแม่ของหนูไปเลย มีบางเรื่องที่เธอก็ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง บวกกับตัวเธอเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลําบากมาเหมือนกัน เวลาที่เจอเรื่องแบบนี้จึงเลือกที่จะทนเก็บเอาไว้
อุไรพรพยักหน้ารับ เจ้าของเดิมของร่างนี้ไม่เคยถือโทษโกรธแม่ของเธอเลย เพราะก็รู้ดีว่าแม่ของเธอนั้น ต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าที่เธอต้องทน เป็นธรรมดาที่จะไม่ถือโทษโกรธอะไร อุไรพรนั้นต้องการแค่เพียงปกป้องดุจเดือน
เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้านก็เห็นดุจเดือนกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูอย่างเป็นกังวล พอเห็นพวกเธอกลับมาจึงรีบออกมาต้อนรับ ด้วยท่าทีที่ลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย
“กลางดึกกลางดื่นแบบนี้ พวกคุณไปทําอะไรกันมานี่?”
อุไรพรรู้ว่าแม่เป็นกังวลกลัวว่าเธอจะถูกกาญจนาอบรมเข้า มองดูคนที่กำลังก้าวเข้ามาในห้อง พูดปลอบยิ้ม ๆ ว่า
“แม่จ๋า แม่วางใจเถอะ แม่ยายพาหนูไปหาพวกเด็ก ๆ วันนี้ ไปให้พวกเขาขอโทษหนูทีละคน ๆ เลย”
ดุจเดือนมองเธออย่างประหลาดใจเล็กน้อย เหมือนจะสงสัยว่าที่เธอพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ ต่อมาก็คิดได้ว่าอุไรพรไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก ในใจของเธอมีความรู้สึกหลากหลาย เธอพยักหน้าแล้วกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไรสักคํา
อุไรพรรู้สึกสงสัยในท่าทีแปลก ๆ ของแม่ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าควรจะต้องดีใจหรอกหรือ?
ในขณะเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นมาในหัวของเธอ
[มีภารกิจเพิ่มขึ้นมา ผู้เล่นโปรดตรวจสอบว่าต้องการจะเริ่มต้นหรือไม่]
ถ้าให้เริ่มต้นตอนนี้ หรือว่าจะเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับดุจเดือน? ถ้าเช่นนั้นระดับความยากก็ลดลงไปเลยครึ่งหนึ่งไม่ใช่หรือ จะให้ตัวฉันเอาแต่พึ่งพาการเช็คชื่อไปวัน ๆ ก็ไม่ไหวหรอกมั้ง ไม่งั้นนานแค่ไหนถึงจะสามารถรวบรวมยาล้างพิษได้ล่ะ
แล้วนอกจากนี้หากทำภารกิจนี้สําเร็จ รางวัลสองเท่าที่จะได้รับในวันนี้ ก็คือยาถอนพิษถึงสองเม็ดเลย เมื่อนึกถึงตรงนี้ อุไรพรก็เลือกที่จะเริ่มต้นภารกิจอย่างไม่ลังเล
[ ภารกิจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โปรดกำจัดค่าความรู้สึกผิดที่มีต่อลูกสาวจากภายในใจของดุจเดือน โปรดทำภารกิจให้สำเร็จภายใน 24 ชั่วโมง ]
ค่าความรู้สึกผิด? อุไรพรขมวดคิ้ว ที่แท้ท่าทีของดุจเดือนเมื่อสักครู่นั้น เกิดจากความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยอะไรลูกสาวได้เลย และต้องโทษตัวเธอด้วย ที่ไม่ทันได้ใส่ใจความรู้สึกของดุจเดือน
อุไรพรถอนหายใจ ฟ้ามืดแล้วในลานบ้านนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงร้องของตั๊กแตนบนต้นไม้เท่านั้นที่ทําให้รู้สึกร้อนใจ แล้วเธอก็เข้าไปในห้องนอน
“ฉันนึกว่าภารกิจนี้จะง่าย ๆ ที่ไหนได้ ไม่คิดว่าจะยากถึงขนาดนี้ เรื่องที่เก็บสะสมไว้ในใจมาเป็นเวลานาน ใช่ว่าจะจัดการได้ใน 24 ชั่วโมงไหมล่ะ”
เธอเริ่มบ่นทันทีที่เธอเข้ามาในห้อง จากนั้นมองผู้ชายที่นอนนิ่งราบอยู่บนเตียงอย่างจนใจ และอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสสันจมูกที่โค้งโด่งของเขา
“ถึงพูดให้คุณฟังแล้วจะทำไงได้ คุณไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งช่วยฉันไม่ได้เข้าไปใหญ่”
แต่พอพูดอย่างนี้ออกไปแล้ว อุไรพรก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อยเลย ประโยชน์ของพงศ์เทพก็คือเป็นโพรงไม้ที่ยอมรับฟังเธอ
จมูกของพงศ์เทพถูกเธอทําให้รู้สึกคันยุกยิก จนรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว แต่เขาไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย วินาทีต่อมาอุไรพรก็พลิกตัวไปนอนบนเตียง และใช้หมอนที่เกินมา เป็นเส้นแบ่งอาณาเขตตรงกลาง
“ต้องกั้นเขตไว้อย่างชัดเจน คืนนี้ฉันจะไม่เผลอไปนอนกอดคุณอีกแล้ว”
พูดจบก็ล้มตัวลงนอน ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงลมหายใจดังขึ้นมาเป็นจังหวะ ในหัวของพงศ์เทพไม่ได้มีความรู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิด ในสมองเต็มไปด้วยถ้อยคําเหล่านั้นที่เธอเพิ่งพูดมา
นอกจากนี้ จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่อุไรพรนอนกอดเขาเลย เพราะตัวเธอหอมมาก ทั้งยังบอบบางและนุ่มนิ่ม ผู้หญิงที่ตัวหอมแบบนี้จะต้องไม่ขี้เหร่แน่นอน
หลับสบายทั้งคืน วันรุ่งขึ้นอุไรพรเผลอนอนหลับนานเกินไป นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีใครปลุกเธอ เธอนั่งอยู่ที่ลานบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก เป็นกังวลว่าควรจะทำอย่างไรดีกับภารกิจนั้น
เวลาก็เหลือไม่มากแล้ว จนถึงคืนนี้เวลาสำหรับภารกิจก็จะสิ้นสุดลง ถ้าเกิดว่าทําไม่สําเร็จทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ก็จะถูกลบล้างไปทั้งหมด
ลมพัดผ่านมา กระดาษต้นฉบับของการออกแบบที่เธอวาดไว้อย่างไม่เป็นทางการบนโต๊ะ ถูกพัดปลิว อุไรพรรีบเก็บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอมองต้นฉบับในมือ จู่ ๆ ก็มีความคิดดี ๆ
หลังจากทุกคนกินข้าวเสร็จในตอนกลางคืน อุไรพรก็มาที่ห้องของดุจเดือน เธอกําลังปักผ้าเช็ดหน้า ลวดลายที่ดูประณีต ทําให้อุไรพรอดที่จะเอ่ยปากชมขึ้นมาไม่ได้
“อุไร ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน จะมาหาฉันทำไม”
อุไรพรนั่งลงข้าง ๆ เธอด้วยรอยยิ้ม มองดูใบหน้าที่ยังคงงดงาม ถึงแม้จะเคยถูกทุบตีมาอย่างรุนแรง แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดความงามนี้ได้ แค่มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเพียงเท่านั้น เลือกแต่งงานผิดคนเป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง
“แม่จ๋า หลายวันก่อนหนูก็เคยบอกแล้วว่าฝีมือการเย็บปักของแม่มันสุดยอดมาก คืออย่างนี้นะแม่ หนูอยากจะลองเปิดร้านขายเสื้อผ้า แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังปรึกษากับแม่สามีอยู่ เธอมีความกังวลอยู่ในใจ หนูเลยอยากขอความช่วยเหลือจากแม่สักหน่อย
มองด้วยตาก็สามารถมองเห็นได้ว่าสีหน้าของดุจเดือนดูตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด เธอโบกมือปัด
“แม่ช่วยอะไรหนูไม่ได้หรอก แม่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง”
อุไรพรดึงมือของเธอมาจับไว้ และเอ่ยปลอบ
“แม่จ๋า อย่าคิดแบบนี้เด็ดขาดเลยนะ แม่ต้องเชื่อว่าความเห็นของหนูที่มีต่อแม่สิ ถ้าแม่ยอมช่วยหนูตัดเสื้อผ้าสักตัวหนึ่ง แม่ก็อาจจะเห็นด้วยกับคําขอร้องของหนูแล้ว”
ดุจเดือนโดนเธอพูดโน้มน้าว จึงมองเธออย่างหมดหนทาง
“งั้นแม่ควรจะต้องทํายังไงบ้าง?”
อุไรพรรู้ว่าทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว หยิบแบบร่างการออกแบบของตัวเองที่ศึกษามาเป็นเวลาสองวันออกมา
“แม่จ๋า คุณก็ตัดเย็บเสื้อผ้าตามแบบจากในรูปนี้ ส่วนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หนูก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ เหมือนกัน แม่ลองออกแบบเพิ่มเองบ้างก็น่าจะได้อยู่”
ดุจเดือนไม่เคยตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อน แต่ว่าก่อนที่เธอจะออกเรือน เธอเคยช่วยที่บ้านของเธอ ตัดเย็บเสื้อผ้าชาวบ้านมาก่อน
วัสดุผ้าอุไรพรก็เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เธอนําเงินบางส่วนที่เธอเก็บออมไว้ จากการไม่กินไม่ดื่มตอนอยู่ที่บ้านตระกูลสุพรรณศิลป์ ไปซื้อผ้าคุณภาพดีมากระสอบหนึ่ง
ดุจเดือนพยักหน้า อุไรพรเห็นผมหงอกของดุจเดือนที่เพิ่งจะอายุแค่ 34 ปี ก็รู้สึกเจ็บปวดใจไม่น้อย
“แม่จ๋า แม่กำลังรู้สึกผิดกับตัวเองอยู่เหรอ? คิดโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกสาวอย่างหนูได้”
ดุจเดือนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า เธอจะไม่รู้สึกผิดได้อย่างไร ตั้งแต่วันที่เธอถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัว ก็คิดอยู่เสมอว่าอย่าให้ต้องส่งผลกระทบต่อลูกสาวเลย แต่ทว่าวันนั้นก็มาถึงเข้าเสียแล้ว
มองดูลูกสาวของตัวเองถูกปฏิบัติแบบนั้นในทุก ๆ วัน จากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นิสัยร่าเริงที่สวยงามราวดอกไม้ กลับกลายเป็นสาวขี้เหร่ที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย ดุจเดือนจะยอมยกโทษให้ตัวเองได้อย่างไร
เธอพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ อุไรพรถอนหายใจออกมา นี่ก็อาจจะเป็นความปรารถนาในใจของเจ้าของเดิมของร่างนี้ล่ะมั้ง
“แม่จ๋า เรื่องในอดีตมันผ่านไปแล้ว แม้รอยแผลเป็นบางแผลก็ไม่สามารถลบเลือนได้ แต่รอยแผลเป็นเหล่านั้นมีเพื่อย้ำเตือนเราไม่ให้ลืมช่วงเวลาที่ยากลําบากเหล่านั้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณเอามาทรมานตัวเองหรอกนะ”