ดุจเดือนเริ่มปักผ้าเช็ดหน้าอย่างเงียบ ๆ ชั่วขณะหนึ่งในห้องนั้นเงียบเชียบจนแอบน่ากลัวไม่น้อย มีเพียงแค่เสียงของแสงเทียนที่ส่องไสว
“ถ้าแม่อยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดทั้งชีวิต แล้วแม่จะให้หนูทํายังไงดี ในใจหนูไม่เคยโทษแม่เลย เพราะหนูรู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่ก็ไม่สามารถทําอะไรกับมันได้ ถ้าแม่มีหนทางที่ดี จะทําให้เราสองคนต้องลําบากไปทำไม ใช่ไหมล่ะคะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดุจเดือนก็กลั้นน้ําตาเอาไว้ไม่อยู่ มือที่ลอกเปื่อยของเธอตบที่มือของอุไรพรเบา ๆ
“แต่ถ้าในตอนแรกฉันไม่ได้แต่งงานกับพลศักดิ์ หนูก็คงไม่ต้องพบเจอกับเจ็บปวดขนาดนี้”
อุไรพรยกยิ้มขึ้นแล้ว เจ้าของเดิมก็คงจะเคยคิดแบบนี้แน่ ๆ แต่ในเมื่อตอนนี้มีภารกิจนี้ขึ้นมา ก็ต้องเป็นเพราะตัวเจ้าของเดิมเองก็ไม่ได้ถือโทษแม่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“แม่จ๋า ในโลกนี้มีคนมากมายที่ล้วนตัดสินใจผิดพลาดไป ไม่แปลกที่เราจะนึกเสียใจในภายหลัง ยังมีอีกหลายอย่างที่แม่สามารถช่วยหนูได้ บางครั้งแม่ก็เข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป”
ดุจเดือนมองไปที่เธอ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีก
“แม่จ๋า แม่อย่ารู้สึกผิดอะไรต่อหนูอีกเลย ถ้าแม่ไม่พาหนูไปแต่งงานใหม่ เราอาจจะไม่รอดทั้งคู่ แม้ว่าที่ตระกูลสุพรรณศิลป์ก็เกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว ต่อจากนี้ไปเราใช้ชีวิตต่อไปอย่างดีกันเถอะ ลืมเรื่องร้าย ๆ เหล่านั้นไปซะ”
ดุจเดือนพยักหน้า อุไรพรยังคงต้องการเธอมากจริง ๆ ทําให้เธอรู้สึกสุขใจมาก สัมผัสได้ถึงความสําเร็จในการเป็นแม่คน แต่ผ่านไปนานแล้วเสียงแจ้งว่าภารกิจสำเร็จแล้วก็ไม่ได้ดังขึ้นเลย
อุไรพรก็ไม่ฝืนอีกต่อไป เธอก็คิดไว้อยู่แล้วว่ารอยแผลเป็นที่มีมานานขนาดนั้น จะหายเป็นปิดทิ้งไปในวันสองวันได้อย่างไร ขอแค่ทําให้ใจของดุจเดือนรู้สึกผิดน้อยลง ก็ถือว่าตัวเองได้ทําสิ่งที่มีความหมายแล้ว
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นและจากไปอย่างอิ่มเอมใจ มองเวลาของภารกิจนับถอยหลัง เหลือเพียงสิบนาทีเท่านั้น เธอยกยิ้มขึ้นมา ถึงจะทำไม่สำเร็จก็แค่อาจจะต้องเริ่มต้นใหม่ ก็ยังดีที่ไอเท็มของเธอก็มีอยู่ไม่มาก
[ ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ภารกิจสำเร็จแล้ว ได้รับยาถอนพิษ 2 เม็ด]
ฝีเท้าของอุไรพรหยุดอยู่กับที่ในทันที ยังไม่ทันได้ดีใจ เธอก็รู้สึกถึงแรงดึงที่ดึงตัวเธอไปข้างหน้าอย่างรุนแรง เธอร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ยินเลย
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง อุไรพรได้เข้าสู่สถานที่ลี้ลับที่ล้อมรอบไปด้วยสีขาวทั้งหมด เธอก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ บนพื้นที่เป็นสีโปร่งใสเกิดคลื่นน้ำกระเพื่อมเป็นระลอก อุไรพรมองไปที่มันอย่างอยากรู้อยากเห็น
ที่นี่ก็ไม่ใช่ในระบบนี่ เธอคงไม่ได้หลุดเข้าไปอยู่ที่อีกโลกหนึ่งอีกใช่ไหม เธอคิดแบบนี้แล้วมองย้อนกลับไป ก็มองเห็นเงาร่างที่ดูงดงาม
เธอขมวดคิ้ว มองดูเงาร่างที่กำลังเดินเข้ามาหาตัวเอง จนในที่สุดก็เห็นใบหน้าของเธอคนนั้นอย่างชัดเจน ช่างเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยงามมาก
ดวงตาที่ดูเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ดูงดงามราวกับฤดูใบไม้ผลิ ไฝน้ําตาข้าง ๆ ทำให้ดูน่าทะนุถนอมไม่น้อยเลย ทั้งบริสุทธิ์และน่าปรารถนา ปากเล็ก ๆ สีเชอร์รี่ที่เป็นกระจับ จมูกงอน ๆ เล็ก ๆนั่นยิ่งทำให้ดูน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ ถ้าเป็นในยุคปัจจุบันนั่นเป็นระดับของเกิร์ลกรุ๊ปที่ได้เดบิ้วต์เลยนะ
อุไรพรกลืนน้ําลายลงคอ มองสาวสวยตรงหน้าด้วยความสงสัย หน้าตาดูราวกับว่าเป็นภูติผี คงไม่ใช่ว่าจะมาทำอะไรเธอหรอกนะ
“สวัสดีค่ะ ขอถามหน่อยว่าคุณคือ...?”
เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนั้นยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เสียงพูดของเธอคนนั้นเหมือนกับเธอโดยสิ้นเชิง
“ฉันก็คือเธอ เธอก็คือฉัน”
อุไรพรตอบสนองต่อความหมายของประโยคนี้ ด้วยการเบิกตาโพล่งด้วยความประหลาดใจ และชี้ไปที่เธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เธอ... เธอคืออุไรพร!”
ไม่คิดว่าเจ้าของเดิมก่อนที่จะเสียโฉมจะสวยถึงขนาดนี้ และก็ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนวางยาพิษกันแน่ ช่างไม่มีความเป็นมนุษย์เอาเสียเลย มันต้องเป็นเพราะความอิจฉาริษยาอย่างจริงแท้แน่นอน
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย แค่เธอยิ้มออกมาเพียงครั้งเดียว ก็สามารถส่งผลกระทบต่อหัวใจของผู้คนได้
“ขอบคุณเธอที่ช่วยคลี่คลายปมในใจของแม่ฉัน ครั้งนี้ฉันก็สามารถจากไปได้อย่างสบายใจแล้ว”
อุไรพรมองไปที่เธอ ในใจก็มีความเศร้าโศกเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“เธอจะไปที่ไหนเหรอ?”
หญิงสาวดูสบายใจอย่างหาที่สุดมิได้
“ไปที่ที่ไม่ต้องโดนตบตีอีกต่อไป ฉันหวนกลับไปไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ไปเธอก็จะไม่ได้เจอกับฉันอีก ส่วนแม่ของ ก็คงต้องขอมอบให้เธอคอยดูแลแทนแล้วล่ะ”
พอพูดจบก็เห็นว่าหญิงสาวเดินห่างออกไปไกลทีละก้าว เงาร่างของเธอนั้นโปร่งใสจนสามารถมองทะลุได้ แต่ทว่าอุไรพรกลับมีความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ภายในใจ ไม่แน่ว่าเธออาจจะมีความคิดที่อยากจะจากไปมาตั้งนานแล้ว
รู้สึกไม่อยากที่จะไปจากแม่ของตัวเอง แม้คราวนี้เธอมีโอกาสได้เลือก แต่เธอก็ยังคงเลือกที่จะจากไปตลอดกาลอยู่ดี อุไรพรไม่ได้คิดว่าเธอเห็นแก่ตัว เพราะการมีชีวิตอยู่ในยุคนี้มันเป็นเรื่องที่ยากเกินไปจริง ๆ
จนกระทั่งเงาหลังของผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ ห่างออกไป อุไรพรที่จิตหลุดไปขณะหนึ่ง ก็กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ลมหนาวพัดผ่าน อุไรพรตัวสั่นระริก แล้วห่มเสื้อผ้ากลับเข้าไปในบ้าน
[ ขอแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลพิเศษเพิ่มเติม ยาเพิ่มความสวย 1 เม็ด, ยาเพิ่มความสวย 1 เม็ด, ]
มีรางวัลพิเศษแถมให้อีกหรือนี่? ในใจของอุไรพรตอนนี้เหมือนมีดอกไม้ไฟปะทุ แต่ยาเพิ่มความสวยนี่ถึงตัวเองจะมีไว้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะหน้าตาอุไรพรคนที่เพิ่งเห็นไปเมื่อครู่ ช่างดูงดงามเหลือคณา
ถ้ากินยาเพิ่มความสวยเข้าไปอีกจนเต็มพิกัด เธอกลัวว่าตัวเองอาจจะถูกจับตัวไป เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นภูติปีศาจจริง ๆ ก็ได้ แต่ว่าถ้าเอาไปขายล่ะ?
“เฮ้อ ยาเพิ่มความสวยนี่ ฉันจะเอาออกไปขายเองได้ไหมนะ?”
[ นี่เป็นทางเลือกของผู้เล่น ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับระบบ ]
งั้นก็คือได้สินะ อุไรพรรู้สึกว่าตัวเองเห็นวิธีการหาเงินแล้ว
ตระกูลสุพรรณศิลป์...ในเวลาที่ควรจะพักผ่อนกลับมีแสงไฟส่องไสว ตาเฒ่าพลนั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำตระกูล ถือไม้เท้ามองพลศักดิ์ที่นั่งดื่มชาอยู่ด้านล่างอย่างสงบเสงี่ยม
เขาเคาะไม้เท้าไปหนึ่งหน พลศักดิ์นั่งตัวตรงขึ้นมาทันใด
“พ่อ ทําอะไรน่ะ?”
ฝนทิพย์และปราณีที่อยู่ข้างๆ ล้วนยืนขึ้นอย่างซื่อๆ ไม่กล้าแม้แต่จะยุกยิก มีแค่พลศักดิ์เจ้าคนไม่รู้จักเกรงกลัวที่เหมือนจะไม่รู้จักสังเกตสีหน้าเอาเสียเลย ก็ไม่ได้เห็นตาเฒ่าพลอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“นึกไม่ถึงว่ามึงจะยังนั่งนิ่งได้อยู่อีก ยัยอุไรพรนั่นทําอะไรลงไปใจมึงไม่ใช่ว่ารู้ดีอยู่หรอกเหรอ ยังจะมีกะใจมัวแต่นั่งจิบชาอยู่อีก
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานออกไปก็ไม่เห็นว่าจะมีความสามารถนี้ ตอนนี้ออกไปแล้วทำไมถึงได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ กวางตัวใหญ่ขนาดนั้น จะขายได้สักเท่าไหร่เชียว?
พลศักดิ์เห็นว่าตอนนี้สองแม่ลูกมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน แต่ครั้งที่แล้วที่เขาไปบ้านตระกูลจิรพิทยาวงษ์ โดนทุบตีเกือบตาย จนตอนนี้มือยังพันแผลไว้อยู่เลย เขาจะกล้าไปยุ่งกับแม่เสืออุไรพรได้ยังไงกัน ผู้หญิงคนนั้นช่างรับมือยากจริง ๆ
ถ้าไม่มีคนห้ามเอาไว้ คาดว่าเธอสามารถถึงขั้นลงมือฆ่าเขาได้เลย ตอนนี้พอนึกขึ้นมา พลศักดิ์ก็ยังรู้สึกหวั่นใจอยู่
“พ่อ แต่ยัยอุไรพรจะไม่เป็นคนเข้ามาหาเรื่องเราเองแน่นอน ครั้งที่แล้วพ่อไม่ได้ยินที่ยัยนั่นพูดเหรอ จะตัดความสัมพันธ์กับพวกเรา ถ้าผมไปไม่แน่พ่ออาจจะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายของพ่ออีกต่อไป”
ตาเฒ่าพลมองเขาอย่างเกลียดชัง เขาก็ไม่กล้าไป ยัยอุไรพรนั่น ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรกระตุ้นมา เปลี่ยนไปเป็นคนที่รับมือยากขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นเขาเองก็จะสามารถจับกวางตัวนั้นได้แน่นอน
บรรยากาศเงียบไปชั่วครู่ พลศักดิ์เห็นเช่นนั้นจึงอ้าปากหาววอดใหญ่ ใจคิดอยากแอบกลับไปนอนงีบสักหน่อย แต่กลับถูกตาเฒ่าพลเรียกยั้งเอาไว้
“วันนี้ถ้ามึงกล้าไป มึงไม่ใช่คนตระกูลสุพรรณศิลป์อีกต่อไป!”