หลังจากกินข้าวเสร็จ..ทุกคนก็แยกย้ายเข้านอนทำธุระส่วนตัว
ห้องทำงานเตี่ยเทพ..
ก็อกๆ ก็อกๆ
"เตี่ย..ผมเข้าไปได้หรือเปล่า" ขุนเขายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องทำงาน ถึงเวลาที่เขาต้องคุยเรื่องนี้กับเตี่ยหลังจากที่หลีกเลี่ยงมานาน..
"เข้ามา" เสียงจากด้านในอนุญาต ผู้เป็นลูกชายก็เปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องทำงาน
เตี่ยเทพนั่งอยู่เก้าอี้ตัวโปรดพร้อมกับเอกสารกองโต..เตี่ยเทพตั้งใจวางรากฐานให้ลูกชาย หวังว่าสักวันจะได้อยู่บ้านเลี้ยงหลานสบายๆ หลังจากทำงานหนักมาสามสิบปีก็ตั้งแต่ที่เมียรักเสียชีวิตเตี่ยเทพก็ทุ่มเททำงานหนักเลี้ยงลูกสาวลูกชายมาโดยลำพัง
ใบหน้าหล่อของผู้เป็นลูกชายยิ้มอารมณ์ดี ไม่อยากให้เรื่องที่จะพูดเครียดเกินไป...
"อั๊วรู้ว่าลื้อโกหก วันนี้ลื้อไปไหนมาอาขุน" ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจลูกชายแต่เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดีที่สุด เตี่ยเทพกลัวว่าลูกชายจะนอกใจลูกสะใภ้คนโปรดไปกินข้าวกับสาวจึงให้คนตามไปดู
"นี่เตี่ยให้คนตามผมไปเหรอครับ" คนหล่อหน้าตึง เมื่อคิดว่าเตี่ยไม่ไว้ใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เตี่ยทำแบบนี้และเขาก็โคตรไม่ชอบ..เขาไม่ใช่เด็กสองขวบ
"ก็ลื้อมันสันดานไม่ดีไงอาขุน อั๊วพูดบอกลื้อไปกี่ล้านรอบว่าไม่มีใครดีเท่าอาช่อ คนที่เป็นเมียลื้อในตอนนี้ อั๊วไม่คิดว่าจะมีลูกชายที่โง่เง่าได้ขนาดนี้" ไม่ใช่ว่าเตี่ยเทพไม่รู้ว่าลูกชายกำลังทำอะไร ที่ผ่านมารู้แต่ไม่พูดเพราะยังไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล
"ถ้าเตี่ยรู้แล้วก็ดี ผมก็อยากคุยกับเตี่ยเรื่องนี้เหมือนกัน สำหรับเตี่ยผมอาจจะเป็นลูกชายที่โง่งี่เง่า แต่ไม่เป็นไรผมมีจุดยืนเป็นของตัวเองตั้งแต่แรก เตี่ยก็รู้ว่าผู้หญิงที่ผมเลือกตั้งแต่แรกไม่ใช่ช่อ แต่เตี่ยก็ยังไม่ยอมยกเลิกงานแต่งงาน ทั้งที่ผมก็บอกเตี่ยไปแล้วว่าผมไม่แต่ง ผมไม่ได้อยากจะแต่งกับคนนี้"
"นี่ลื้อกำลังโยนความผิดให้อั๊วอย่างนั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะความโง่งี่เงาของลื้อ เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้ไหมผู้หญิงคนนั้นเป็นคนหรือผียังไม่รู้เลย แต่ถึงยังไงอาช่อก็เป็นสะใภ้ที่อั๊วรักที่สุดและจะเป็นสะใภ้เดียวที่อั๊วยอมรับ" เตี่ยเทพอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ดีว่าอันไหนเพชรอันไหนกรวด อันไหนผีอันไหนคน...
"ก็ถ้าตอนนั้นเตี่ยยอมยกเลิกงานแต่งงานมันก็จบแล้วไง พอเถอะครับ ผมไม่ได้อยากจะเข้ามาคุยเรื่องนี้" ลื้อฟื้นไปก็เท่านั้น
"แล้วลื้อคิดว่ามันยกเลิกได้ง่ายๆ หรือไงวะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา"
"ตอนนี้ผมเจอผู้หญิงที่ผมเลือกแล้ว เธอไม่ใช่ผีอย่างที่ทุกคนคิด เธอมีตัวตนอยู่จริงๆ ถ้าผมพิสูจน์ได้ว่าเธอคือคน เตี่ยต้องยอมให้ผมหย่ากับช่อฟ้า ตกลงไหมครับ" เขาเคยคุยเรื่องนี้กับเตี่ยไว้แล้วแต่ก็ตามหาเธอคนนั้นไม่เจอสักที จนบางทีก็ถอดใจคิดว่าเธอคือผีจริงๆ แต่เพราะความพยายามเขาถึงได้เจอเธอ..
"ลื้อมันโง่จริงๆ อั๊วจะยอมให้ลื้อหย่ากับอาช่อได้ก็ต่อเมื่อลื้อมีลูกชายให้อั๊วแล้วเท่านั้นและถ้าลื้อเลือกผู้หญิงคนนั้น ลื้อก็ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ อั๊วจะไม่รับสะใภ้หน้าไหนทั้งนั้น เพราะอั๊วจะให้อาช่ออยู่ที่บ้านหลังนี้ ส่วนลื้อก็ไสหัวไป" เตี่ยเทพพูดไปด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่คิดคืนคำ คำไหนคำนั้น..
"ฮะ!! นี่เตี่ยพูดตลกหรือเปล่า ผมเป็นลูกชายเตี่ยนะ ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายไป" ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนระหว่างมีลูกชายให้เตี่ยกับการต้องออกไปจากบ้านหลังนี้
"อั๊วไม่ได้พูดตลก ถ้าอาช่อท้องลูกชายให้อั๊วเมื่อไหร่ ลื้อก็ไสหัวไปอยู่กับผู้หญิงที่ลื้อเลือกได้เลย ส่วนเรื่องทรัพย์สินมรดกแม้แต่บาทเดียวอั๊วก็ไม่ให้" ใบหน้าของเตี่ยเทพเข้มขึ้น รอบนี้ท่าทางจะเอาจริง คงจะตัดหางปล่อยวัดลูกชายแล้วจริงๆ
"ฮะ!! ผมว่าเตี่ยทำเกินไป มันไม่ยุติธรรมกับผมเลยสักนิด นี่ผมเป็นลูกชายเตี่ยนะ" โถวชีวิต เคยคิดว่าโชคดีที่เกิดมาพ่อรวย ตอนนี้ต้องคิดใหม่ พ่ออะไรแบบนี้วะ
"แล้วสิ่งที่ลื้อทำมันยุติธรรมกับอาช่อหรือไง อาช่อไม่ได้ผิดอะไร ในเมื่ออั๊วมีส่วนผิดในเรื่องนี้ อั๊วก็จะรับผิดชอบด้วยการยกมรดกของลื้อให้อาช่อเป็นการชดใช้" แบบนี้แหละดีที่สุด
ผู้เป็นลูกชายได้ฟังถึงกับหน้าเครียดเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น นี่ถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่บนเก้าอี้เข่าทรุดแน่ๆ คิดว่าทุกอย่างจะง่ายแต่สภาพ ต้องเลือกระหว่างความรักกับทรัพย์สมบัติ จากลูกชายเศรษฐีสู่ยาจกอย่างแท้จริง แต่แล้วยังไง ทรัพย์สินเป็นสิ่งนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้แต่ความรักนี่สิ ถ้าพลาดแล้วพลาดเลย เขาต้องสู้เพื่อความรักครั้งนี้...
เอาวะ ลองดูสักตั้ง..
"ผมมันไม่ใช่ลูกเตี่ยสินะ แต่ไม่เป็นไรต่อให้ไม่มีสมบัติจากเตี่ยผมก็อยู่ได้" ยอมอยู่แบบอดๆ ยากๆ เพื่อพิสูจน์รักแท้..ของอย่างนี้มันต้องลอง..
"หึ..อั๊วจะรอดูวันนั้น" มันจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ชีวิตเคยอยู่สุขสบายจะออกไปกัดก้อนเกลือกินงั้นหรือ ก็จงโง่ต่อไป
"เตี่ยรอดูวันนั้นได้เลย ไม่แน่ผมอาจจะรวยกว่าเตี่ยก็ได้ แล้วถ้าช่อท้องลูกสาวคนแรกล่ะ เตี่ยจะยังยอมให้ผมหย่ากับเธอหรือเปล่า" แล้วถ้าได้ลูกสาวคนแรกจะทำยังไง ดีที่เขาฉลาดคิดได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกใจหวิวๆ คล้ายกับคนกำลังจะถูกลอยแพโดดเดี่ยว...
"ลื้อจะต้องได้ลูกชายคนแรกให้อั๊วเท่านั้น อั๊วถึงจะยอมให้ลื้อหย่ากับอาช่อ" ยืนยันต้องได้ลูกชายเท่านั้น
"ลูกชายคนแรก!! ของแบบนี้มันบังคับกันได้ที่ไหนล่ะเตี่ย ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ป่านนี้คนเขาคงมีลูกชายคนแรกกันเต็มบ้านเต็มเมืองกันหมดแล้ว" เตี่ยเขาก็ประหลาด เผด็จการจริงๆ ต้องตีลังกาเอาท่าไหนถึงจะได้ลูกชายคนแรกวะ
"งั้นลื้อก็ต้องทำจนกว่าจะได้ลูกชายให้อั๊ว ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าลื้อจะได้ออกไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงที่ลื้อเลือก!!"
"แล้วถ้าผมไม่ได้ลูกชายให้เตี่ยเลยสักคน ผมไม่ต้องทนอยู่กับเธอจนหัวหงอกเลยงั้นเหรอครับ?" แม่งไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ในวันนั้นเตี่ยไม่ได้พูดแบบนี้เลยสักนิด บอกถ้าเจอผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ก็ค่อยมาคุยกันเรื่องแยกย้ายแต่นี่อะไร!!
"นั่นมันขึ้นอยู่กับความสามารถของลื้อ ถ้าลื้อทำไม่ได้ก็ต้องอยู่ต่อไป หรือถ้าลื้อไม่มีน้ำยาไม่สามารถมีลูกชายให้อั๊วได้ อั๊วก็จะหาพ่อพันธุ์ดีๆ มาให้อาช่อสักคน ในเมื่อลูกในสายเลือดมันไม่รักดีก็ปล่อยมันไป"
"เตี่ยไม่มีสิทธิ์หาพ่อพันธุ์หน้าไหนมาให้เมียผมทั้งนั้น" คำพูดของผู้เป็นพ่อทำเอาลูกชายตกใจนั่งไม่ติด จากที่นั่งอยู่เก้าอี้ดีดตัวลุกขึ้นในทันที ใบหน้าหล่อเหล่าแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
"ทำไมอั๊วจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อลื้อไม่เลือก คนดีๆ อย่างอาช่อ อั๊วก็จะหาคนดีๆที่คู่ควรมาให้อาช่อสักคน ซึ่งอั๊วมองๆ เอาไว้แล้ว" เมื่อเตี่ยเทพพูดจบลูกชายก็โกรธหน้าดำหน้าแดง กระแสเลือดแล่นปรี๊ดปราดสถิตไปทั่วร่าง..โกรธมือสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้
"แต่ในตอนนี้ช่อยังเป็นเมียผม เตี่ยไม่มีสิทธิ์หาใครให้กับเธอ ส่วนเรื่องที่ผมพูดก่อนนั้นผมก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้น ใช่คนเดียวกันกับคนที่ผมตามหาหรือเปล่า บางทีเธอก็อาจจะไม่ใช่ ผมยังไม่แน่ใจ" น้ำเสียงของเขาอ่อนลงแต่ใจที่เต้นแรงไม่อ่อนลงเลยสักนิด แล้วทำไมมันต้องเต้นแรงก็ไม่เข้าใจ ถ้าบอกว่าตกใจก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องตกใจกับการที่เตี่ยจะหาผัวให้เมียตัวเอง แค่คิดก็ยอมรับไม่ได้
"จะใช่หรือไม่ใช่ นั่นมันเรื่องของลื้อ ในเมื่อลื้อเป็นคนเลือกเอง ลื้อออกไปได้แล้วอั๊วจะทำงาน" คุยกับลูกชายแล้วปวดกบาล มันไม่ได้พ่อมาเลยสักนิด ปวดหัวจริงๆ ผู้เป็นพ่อก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์โดดเดี่ยวเคว้งคว้าง จะเอายังไงต่อไป...
"ผมขอไปพิสูจน์ก่อนก็แล้วกันว่าเธอใช่คนที่ผมกำลังตามหาอยู่หรือเปล่า" พูดจบก็เดินหันหลังออกไปจากห้อง...
เมื่อลูกชายเดินออกไปแล้ว ผู้เป็นพ่อก็ถอนหายใจยาวเหยียด มันจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว...คนโง่ก็จงโง่ต่อไป คิดแค่นั้น ก็ก้มหน้าทำงานต่อ