ภายในครัว...
ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าเมียที่ไม่ได้เลือกกำลังล้างผักอยู่ตรงซิงค์ล้างจานคนเดียว
ช่อฟ้าวุ่นวนอยู่กับการละเมียดละไมล้างผักให้สะอาด ทุกขั้นตอนที่เธอทำทั้งใจเย็นและเนี๊ยบสุดๆ นอกจากจะอร่อยแล้วยังสะอาดที่หนึ่ง
"ป้าจุ๋มตั้งเตาได้เลยนะคะ เดี๋ยวช่อล้างผักเสร็จ น้ำจะได้ร้อนพอดี" เธอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาเข้าใจว่าเป็นป้าจุ๋ม
"เมียใครขยันจัง" ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง หญิงสาวสะดุ้งตกใจ
"อุ้ย!! พี่ขุน" ผักในมือแทบร่วงหล่น ไม่คิดว่าจะเป็นเขาที่เดินเข้ามา..
"ตกใจอะไรขนาดนั้น ทำยังกับไม่เคยถูกผัวกอด" ใบหน้าหล่อยิ้มอารมณ์ดีและดูจะเบิกบานกว่าทุกๆวัน
"ปะเปล่าค่ะ" ก็เขามาด้านหลังใครจะไม่ตกใจ เธอยอมรับว่าไม่เคยชินกับคำพูดตรงๆ ห่ามๆ และความมือไวของเขา
"วันนี้ทำอะไรกิน" โน้มหน้าลงแทบจะชิดแก้มเนียนใส ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบแกล้งให้เมียเขินอาย คงเพราะเขาเป็นคนชอบแกล้งคนอื่นเป็นทุนเดิม..
"วันนี้ช่อกับป้าจุ๋มทำแกงส้มกับผัดผักแล้วก็ปลาทับทิมทอดราดพริกค่ะ"
"เหรอ..น่ากินจัง" เหมือนเขาจะพูดถึงอาหารแต่สายตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของภรรยาและเหมือนจะก้มมองต่ำเสียด้วย
"วันนี้ใส่เสื้อคอกว้างไปนะ ก้มทีเห็นไปถึงข้างใน ทำกับข้าวเสร็จแล้วรีบขึ้นไปเปลี่ยนเลยนะ เข้าใจไหม" ไม่พูดเปล่าแต่ล้วงมือหยาบเข้าไปใต้เสื้อยืดของภรรยาบีบขย้ำเต้าอวบใหญ่เป็นการเตือน
"ว๊ายย!! คุณขุนคะ อย่า" ช่อฟ้าตกใจรีบวางผักจับให้มือของเขาหยุดซุกซน ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจอใครที่ปากว่ามือถึงเท่ากับเขาเลยจริงๆ นี่มันในครัวนะ
"ทำไม..ก็แค่จับนม" คนหน้าหนาดูจะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พูดแบบหน้าด้านๆ
"เดี๋ยวป้าจุ๋มมาเห็นจะดูไม่ดีค่ะ ที่นี่ในครัว ช่อว่าไม่ควร" เป็นครั้งแรกที่เธอใช้น้ำเสียงตึงเข้มกับเขา ก็มันไม่ถูกต้องจริงๆ
"เดี๋ยวนี้มีเถียง ใช้น้ำเสียงเข้มข่มขู่ผัวงั้นเหรอ" ยอมลดมือลงแต่ยังไม่ขยับถอยห่าง...
"ช่อไม่ได้เถียงแต่ช่อกำลังบอกคุณว่าไม่ควรทำค่ะ" รู้ว่าทุกพื้นที่คือบ้านของเขาและเขาคงทำทุกอย่างจนเคยชินแต่เธอไม่ชิน..
"ไม่มีกฎข้อไหน ห้ามจับนมเมียในครัว แต่ก็ช่างเถอะขี้เกียจเถียง เอาไว้คุยกันต่อบนเตียงก็แล้วกัน" พูดจบแล้วก็ยิ้ม ยิ่งเธอมีอารมณ์ขุ่นมัวเขาก็ยิ่งเย้าแหย่..คงสนุกมากนั่นแหละ
"ทำไมคุณถึงชอบพูดจาลามกจังเลยคะ" บางทีก็รู้สึกเหนื่อยใจที่ได้ฟัง คนอะไรพูดได้ไม่อายฟ้าอายดิน ถ้าคุณย่าเธอได้ยินมีหวังได้หัวใจวายแน่ๆ หรือคุณย่าท่านจะรู้ถึงได้รีบด่วนจากเธอไป ถ้าคุณย่าเธอยังอยู่เขาคงโดนบ่นหูชาแน่ๆ
"ลามกตรงไหน ไม่มีคำไหนเลยที่ลามก เธอนี่ตลกจริงๆ นะช่อ วันนี้พี่อารมณ์ดีจะยอมทำตามที่เธอพูดก็แล้วกัน" ไม่ควรก็ไม่ควร ขี้เกียจเถียงแล้วเหมือนกัน
"อารมณ์ดีเรื่องอะไรเหรอคะ" เมื่อเห็นว่าเขาอารมณ์ดีเธอก็ถาม..ปกติไม่เคยเห็นเขาจะบอกว่าอารมณ์ดี วันนี้มาแปลก
"ก็เรื่อง..เรื่อง" ใบหน้าหล่อทำท่าครุ่นคิด "เธอยังไม่ต้องรู้หรอก เอาไว้ให้ทุกอย่างชัดเจนกว่านี้แล้วพี่จะบอก จำเรื่องที่พี่เคยถามได้ใช่ไหม"
"เรื่องอะไรเหรอคะ" ช่อฟ้าเองก็นึกไม่ออกจำไม่ได้จริงๆ
"ก็เรื่อง..เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกัน สอนพี่ล้างผักหน่อยสิ" รีบเปลี่ยนเรื่องคุย ตรงนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องนี้ แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ เธออาจจะเป็นฝ่ายมากอดขาอ้อนวอนขอร้องไม่ยอมไปคิดแล้วเธอก็น่าสงสารอยู่นะ แต่เขาก็คิดแผนสำรองเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากเธอไม่ยอมหย่าก็อยู่ด้วยกันสามคนผัวเมียกันไปเลย ยุคสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอยู่กันหลายๆ คนก็คงอบอุ่นดี แต่คนที่จะไม่ยอมคนแรกคงเป็นเตี่ยกับน้องสาวเขานั่นแหละ แต่ก็ไม่แน่ถ้าหากเขาพูดบอกตรงๆ เตี่ยก็อาจจะยอมรับได้..ได้ลูกสะใภ้ถึงสองคนย่อมดีกว่าหนึ่งอยู่แล้วส่วนเขาก็ได้เมียสอง มีแต่ได้กับได้ อันนี้เขาแค่คิดเอาไว้เล่นๆ ซึ่งความจริงนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่นอน..สุดท้ายก็ต้องเลือกและคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาจะเลือกใคร
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องวิธีการล้างผัก ป้าจุ๋มกับน้ำหวานก็เดินเข้ามา..
"ป้าว่าหน้าที่ในครัวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้หญิงจะดีกว่านะคะ คุณขุน" ป้าจุ๋มผู้อยู่ดูแลบ้านหลังนี้มานานพูดขึ้น ที่ป้าจุ๋มพูดแบบนั้นเพราะรู้จักชายหนุ่มดี..ชอบมาก่อกวนภรรยาที่หนึ่ง รู้ว่าหญิงสาวเขินอายก็ยิ่งชอบแกล้ง..
"ผมก็ว่างั้นแหละครับ" ร่างสูงใหญ่ขยับออกห่างภรรยาหันไปยิ้มเมื่อถูกป้าจุ๋มทัก ป้าจุ๋มอยู่เลี้ยงดูแลเขากับน้องมาตั้งแต่เด็ก..
"ค่ะป้าก็ว่าอย่างนั้น คุณขุนขึ้นไปอาบน้ำ รอทานข้าวเย็นดีกว่าค่ะ จะได้สบายเนื้อสบายตัว" ถึงป้าจะแก่แต่ป้าก็รู้ก็เห็นว่านิสัยของทุกคนในบ้านเป็นยังไง
"ครับ" ชายหนุ่มหันมองป้าจุ๋มจากนั้นก็เดินออกไป
น้ำหวานยิ้มสะใจเธอเป็นคนเดินไปบอกป้าจุ๋มว่าเฮียขุนกำลังก่อกวนพี่ช่ออยู่ในครัว ให้ป้าจุ๋มรีบมาจัดการ..
"พี่ช่อถึงไหนแล้วเดี๋ยวหวานช่วย"
"พี่ล้างผักเสร็จแล้วเหลือหั่นผัก ยังไงพี่ฝากหวานช่วยหั่นต่อไปก่อนนะ พี่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อแป๊บหนึ่ง" สามีทักว่าเสื้อเธอคอกว้างจึงรู้สึกไม่ค่อยดี
"ไปเปลี่ยนทำไมเหรอคะ หรือว่าเสื้อจะเลอะ"มองดูก็ไม่เลอะนะ
"พี่คิดว่าเสื้อมันคอกว้างเกินไป"
"ฮะ! คอกว้างตรงไหนก็ปกติ อย่าบอกนะว่าเฮียขุนบอกให้พี่ช่อไปเปลี่ยน"
ช่อฟ้าพยักหน้ายอมรับว่าเขาบอกให้เธอไปเปลี่ยน
"แล้วพี่ช่อก็เชื่อเหรอคะ เสื้อพี่ช่ออะปกติ แต่คนบอกให้ไปเปลี่ยนต่างหากที่ไม่ปกติ ไม่เชื่อพี่ช่อก็ถามป้าจุ๋มได้เลย เสื้อพี่อะปกติ ดูเสื้อหวานสิ ยังกว้างกว่าอีก" ถ้าแบบนี้บอกคอกว้าง คงต้องใส่เสื้อคอเต่าแล้วไหม พี่ชายเธอน่าจะบ้า
"คุณช่อไม่ต้องไปเปลี่ยนหรอกค่ะ เสื้อคอวีใครเขาก็ใส่กัน คอไม่ได้กว้างเลยค่ะ" ป้าจุ๋มยิ้มให้กำลังใจ หลายครั้งที่ชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเสียความมั่นใจ เสื้อที่หญิงสาวใส่ไม่ได้คอกว้างอะไร นอกเสียจากจะตั้งใจก้มหน้าลงไปมองถึงได้บอกว่าคอกว้าง
"อย่างนั้นเหรอคะ งั้นช่อไม่ไปเปลี่ยนแล้วค่ะ" พอทุกคนพูดเธอก็มั่นใจมากขึ้น ตอนแรกเธอแอบตกใจคิดว่าคอกว้างไปจริงๆ
ทั้งสามใช้เวลาช่วยกันทำกับข้าวประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ...พร้อมรับประทาน
วันนี้เตี่ยเทพกลับบ้านช้ากว่าทุกวันเนื่องจากมีประชุมและต้องเข้าไปคุยงานที่โกดัง..ส่วนลูกชายตัวดีหายหัวไปทั้งวันทั้งที่วันนี้มีประชุมกับลูกค้าคนสำคัญ
ห้องอาหารด้านใน
ทุกคนนั่งประจำที่รอเตี่ยเทพมานั่งกินข้าวพร้อมกัน ช่อฟ้าถูกสามีมองตำหนิที่ไม่ยอมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อตามคำบอก..เธอเอาแต่นั่งก้มหน้าเมื่อถูกสามีตำหนิด้วยสายตา
ร่างท้วมสูงใหญ่ตาตี่ใบหน้าอวบอิ่มท่าทางน่าเกรงขามเดินเข้ามานั่งหัวโต๊ะประจำที่ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในบ้านนั่นคือ เสี่ยเทพ..เจ้าของโรงสียักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ที่ลูกชายเข้ามาช่วยบริหารงาน เสี่ยเทพก็ขยับขยายธุรกิจออกไปต่างจังหวัด มีโรงสีสาขาย่อยเกิดขึ้นมากมาย...
"วันนี้เตี่ยกลับบ้านช้า เป็นเพราะเฮียแอบอู้ไม่ไปช่วยงานเตี่ยใช่ไหมคะ" น้ำหวานได้จังหวะก็หาเรื่องให้พี่ชายโดนเตี่ยบ่น ดูจากสายตาของเตี่ยก็รู้ว่าอารมณ์ไม่ค่อยดี ส่วนเฮียนั่งนิ่งทำตัวปกติ
เสี่ยเทพหันมองลูกชายด้วยสายตาตำหนิ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากเหมือนเมื่อก่อน สาเหตุเพราะลูกสะใภ้นั่งอยู่ด้วย ตั้งแต่ที่ช่อฟ้าย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เตี่ยเทพก็บ่นลูกชายกับลูกสาวน้อยลง
"วันนี้ทำไมลื้อไม่เข้าประชุม ลื้อก็รู้ว่ามีประชุมสำคัญ มีเรื่องอะไรที่มันสำคัญกว่างานอั๊วงั้นหรือ ลื้อมันไม่ได้เรื่องจริงๆ อาขุน" เตี่ยเทพหันไปพูดตำหนิลูกชายแต่อีกฝ่ายกลับยิ้มหล่อตอบรับ ไม่สะทกสะท้านใดๆ
"ก็ธุรกิจที่ทำกับไอ้เอื้อไอ้บาสนั่นแหละเตี่ย พอดีมันโทรมาบอกกะทันหันก็เลยต้องรีบไปคุย ผมบอกผ่านเลขาเตี่ยไปแล้วนะ ว่าไม่เข้าประชุม"
"อั๊วเห็นพวกลื้อทำอะไรกันก็เจ๊ง ครั้งนี้ถ้าเจ๊งอีก อั๊วจะไม่ช่วยแม้แต่บาทเดียว" เตี่ยเทพทำหน้าหงุดหงิด ไม่ว่าจะเปิดผับเปิดร้านอาหารเปิดอะไรก็เจ๊งหมด ทำธุรกิจเหมือนเล่นขายของเหนื่อยกับทั้งลูกสาวลูกชาย ที่บอกลูกสาวเพราะก่อนนั้นเตี่ยเทพให้เงินลงทุนเปิดร้านขายขนมได้ไม่กี่เดือนก็เจ๊ง..ส่วนธุรกิจลูกชายไม่ต้องพูดถึงเจ๊งหมด
"โถว ทำธุรกิจมันก็ต้องมีได้มีเสียเป็นเรื่องธรรมดาครับเตี่ย" เสียเป็นเรื่องปกติ จะมีสักกี่เรื่องที่เขาทำสำเร็จ มันก็ต้องมีบ้างแหละ ก่อนนั้นดวงเขาไม่ค่อยดีทำอะไรก็เจ๊งหลังจากนี้ถึงคิวดวงรุ่งโรจน์รวยเละเขาเชื่อแบบนั้น
"เฮ้อ กินข้าวเถอะ อั๊วไม่อยากคุยกับลื้อให้ปวดกบาล อาช่อลื้อกินให้เยอะๆ นะ จะได้มีหลานชายให้อั๊วเร็วๆ อั๊วอยากเลี้ยงหลาน" พอพูดถึงเรื่องหลานชาย เตี่ยเทพก็อารมณ์ดี ไม่รู้จะแก่ตายวันไหน หันมองสะใภ้อย่างคาดหวังว่าจะได้หลานชายในเร็ววัน
ขุนเขากับช่อฟ้าหันมองหน้ากันจากนั้นก็เงียบไป จะมีได้ยังไงในเมื่อเขาป้องกันทุกครั้ง..ช่อฟ้ายิ้มแห้งหันไปพูดคุยกับเตี่ยเทพจากนั้นก็กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน