EP.23 [ตัดใจ]

1237 Words
อะไรนะคะ… ฉันหันมองแรมพ์อย่างเข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที เพราะอย่างนี้นี่เอง แรมพ์ถึงได้ทำตัวแปลก ๆ แบบนั้น พี่ไรม์ก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ… แล้วแบบนี้… เขาจะคิดว่าฉันเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกหรือเปล่านะ… ฉันคิดยังไม่ทันจบ ด้านหลังพี่ร๊อคปรากฏร่างสูงคุ้นตา เจ้าของใบหน้าเย็นชาและแววตาเย็นเหยียบ เขาหยุดมองฉันเล็กน้อย หัวคิ้วเลิกขึ้นหน่อย ๆ คล้ายแปลกใจ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์เลยก็ว่าได้ที่ฉันได้เผชิญหน้ากับพี่ไรม์ตรง ๆ แบบนี้ “อ้าว มาอยู่ตรงนี้กันนี่เอง ก็ว่าทำไมฟองกับแรมพ์ไม่เดินตามมา” “นั่นสิ ทำอะไรกันอยู่เหรอ?” เสียงทักจากเพื่อน ๆ ดังตามมาดึงสายตาจากฉันผละออกจากพี่ไรม์ในทันที หวานเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ไรม์ ยัยนั่นชะงักไปเล็กน้อยก่อนขยับมายืนใกล้ฉัน ขณะเพื่อนคนอื่น ๆ หันมองผู้ชายแปลกหน้าสองคนด้วยสีหน้าสนอกสนใจ “สวัสดีครับน้อง ๆ ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนนะครับ พี่ชื่อพี่ร๊อค เป็นพี่ชายของเจ้าแรมพ์” พี่ร๊อคแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มเรียบเรื่อย ต่างจากพี่ไรม์ที่ยังคงยืนนิ่งทำหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยน “แล้วอีกคนใครอ่ะฟอง โคตรหล่ออ่ะ” จินนี่เพื่อนสาวประเภทสองที่สวยกว่าผู้หญิงแท้ ๆ ขยับมาสะกิดแขนฉันเบา ๆ เธอจ้องไปทางพี่ไรม์ซึ่งกำลังมองพวกเราด้วยสายตาเย็นเยียบ “เอ่อ… นี่พี่ไรม์ เขาเป็น… พี่ชายของแรมพ์เหมือนกันน่ะ” เพราะถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัว ฉันเลยแนะนำสถานะพี่ไรม์ไปแบบนั้นโดยหลบสายตาจากแววตาเย็นชาคู่นั้น ก็เขาบอกเองนี่นะว่าห้ามบอกใครเรื่องสถานะของเรา… ฉันทำถูกแล้วสินะ “ว้าว… พวกพี่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของแรมพ์เลยเหรอคะ?” ลดาทำตาเคลิบเคลิ้มมองแรมพ์สลับกับบรรดาพี่ชายทั้งสอง พี่ร๊อคพยักหน้ารับยิ้ม ๆ “โอ๊ยยยอิจฉาฟองอ่ะ! นี่เธอโตมาท่ามกลางพี่ชายรูปหล่อขนาดนี้เลยเหรอ! กรี๊ด ๆ” “นั่นสิ ๆ แค่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกับแรมพ์นี่ก็ว่าน่าอิจฉาแล้วนะ เจองี้ไปพูดเลยว่าอิจหนักมากค่ะ!” จินนี่เขย่าแขนฉันแล้วทำท่ากรี๊ดกร๊าดคู่กับลดา ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร นี่ถ้ารู้ว่าแท้จริงแล้วพี่ไรม์คือสามีของฉัน พวกนี้จะไม่ยิ่งกรี๊ดจนคอแตกกันเลยเหรอเนี่ย… หลังจากผ่านเหตุการณ์บังเอิญจนตั้งตัวไม่ทันนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ วันนี้หวานติดธุระตอนเย็น แรมพ์จึงอาสาจะไปส่งฉัน แต่เขาต้องไปจัดการงานกับทางชมรมก่อน ฉันจึงต้องมารอเขาในห้องห้องหนึ่งของชมรม ภายในห้องเต็มไปด้วยบอร์ดภาพถ่ายจากกิจกรรมต่าง ๆ ฉันไล่มองทีละรูปก่อนมาหยุดลงที่รูปรูปหนึ่ง มันคือรูปถ่ายตอนเผลอตัวของสมาชิกชมรมที่กำลังหามุมถ่ายภาพกันอยู่บนสะพานแขวน ทว่ากลับมีร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังดึงดูดสายตาฉัน ใบหน้าของเขาฉายแววหม่นเศร้าเหม่อมองไปเบื้องล่าง มือข้างหนึ่งจับกล้องที่คล้องคอไว้แน่นราวกับว่าเขาไม่ได้คิดจะหยิบมันขึ้นมากดชัตเตอร์เหมือนคนอื่น ๆ เลย ทำไมนะ… ทำไมเขาถึงทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ… กึง เสียงประตูเปิดกระทบผนังห้องดังก้องเบา ๆ เรียกสายตาฉันหันมอง ลมหายใจสะดุดเมื่อพบว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับผู้ชายในรูป แต่ต่างกันตรงที่สีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าฉันตอนนี้มันไม่ได้หม่นเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างสุดขั้วหัวใจ เมื่อร่างสูงขยับเดินเข้ามาในห้องโดยที่สายตายังจับจ้องมาที่ฉันไม่ยอมละ ฉันจึงได้สติและดึงตัวเองกลับมา ฉันเม้มปากละสายตาหนีก่อนเดินผ่านสวนเขาออกจากห้อง จำได้ไหม… ครั้งล่าสุดที่เราพูดคุยกัน เขาบอกให้ฉันเลิกยุ่งกับชีวิตเขา ซึ่งฉันก็พยายามทำมาตลอดหลายวัน และจะพยายามทำต่อไป เมินใส่เขาซะ เลิกสนใจเขาซะ อย่ายุ่งเกี่ยวกับเขาอีก นี่คือสิ่งที่ฉันคอยตอกย้ำตัวเองซ้ำ ๆ วนไปวนมา ฉันต้องทำให้ได้… ก็แค่ตัดใจจากผู้ชายใจร้ายอย่างเขาซะ… หมับ ท่อนแขนเล็กถูกฝ่ามือกรุ่นร้อนคว้าจับจังหวะที่กำลังเดินผ่านเขามา ฉันหันมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย ใบหน้าครึ่งเสี้ยวของพี่ไรม์ยังคงนิ่งสนิท ขณะที่แรงบีบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ “จะ… เจ็บค่ะ” “…” “พี่ไรม์ ฟองเจ็บ!” เพราะเขาเพิ่มแรงบีบไม่หยุดจนฉันทนความเจ็บร้าวที่แขนไม่ไหวต้องร้องบอกออกไปในที่สุด แต่คนใจร้ายก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ เขาทำเพียงหันมาเผชิญหน้ากับฉัน ดวงตาคมดั่งเสือนักล่าวาววับก่อนจะจางหายไปกลายเป็นเย็นเหยียบเหมือนเดิม มือหนาคลายออกช้า ๆ ฉันหลุบตามองรอยแดงบนแขนตัวเอง ดวงตาร้อนผ่าวกะพริบถี่ไล่หยาดน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาให้เขารำคาญใจ “ถ้าพี่โกรธที่ฟองเข้าชมรมนี้… ฟองก็จะไปลาออกค่ะ” ฉันเปิดปากพูดก่อน ไม่รู้หรอกว่าที่เขาทำร้ายฉันแบบนี้เพราะมีเหตุผลอะไร แต่มันก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ที่เขาเคยตอกย้ำกับฉันหรอก “ฟองไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่อยู่ชมรมนี้ ถ้าฟองรู้… ฟองจะไม่มาค่ะ ฟองขอ… อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ข้อมือถูกลากให้เดินออกจากห้องนั้นมา ความเร็วในการเดินของพี่ไรม์มันเร็วจนฉันต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังเขา ฉันได้แต่ขมวดคิ้วมองแผ่นหลังกว้างที่สวมเสื้อช็อปสีเลือดหมูเข้มด้วยความไม่เข้าใจ จนกระทั่งเดินออกมาเกือบจะถึงหน้าชมรมก็ถูกเสียงเสียงหนึ่งขัดขึ้น “จะพาฟองไปไหนวะพี่รอง?” เป็นแรมพ์ที่วิ่งตามออกมา สีหน้าเขาคล้ายกำลังไม่พอใจ พี่ไรม์ไม่ยอมหยุดเดินเลยสักนิด ไม่สิ เขาไม่ผ่อนความเร็วลงเลยด้วยซ้ำ ทำราวกับว่าเสียงแรมพ์เป็นสายลมผ่านไปอย่างไรอย่างนั้น ฉันได้แต่หันมองตามแรมพ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี มันทั้งตื่นกลัว สับสน และมึนงงไปหมด การกระทำแบบนี้ของเขาไม่ใช่แค่แรมพ์คนเดียวที่เห็น แต่คนอื่น ๆ ในชมรมที่ยังไม่กลับบ้านก็กำลังมองเราสองคนด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ อะไรกันเนี่ย… พี่ไรม์เป็นอะไรไป? ไหนเขาบอกว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องของเราไง? แล้วทำไมเขาถึงทำแบบนี้ล่ะ?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD