ตอนที่13 แรกพบสบตา
สองเดือนผ่านไป
เสียงเพลงดังกระหึ่ม ดวงตากลมโตมองผ่านแสงไฟสลัวภายในผับ เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูงหยุดชะงักไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างกำยำคาดว่าเป็นการ์ดของผับเดินเข้ามาเอ่ยทักหญิงสาว
“พึ่งมาครั้งแรกเหรอครับ สนใจจะมานั่งฟังเพลงเบาๆ หรือมาเต้นผ่อนคลายครับ ตอนนี้ผับของเราเปิดโซนใหม่มีหนุ่มๆ นั่งดื่มเป็นเพื่อนถ้าสนใจสามารถเรียกน้องๆ ได้เลยนะครับ” การ์ดเอ่ยถามและแนะนำด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“นั่งฟังเพลงเบาๆ ค่ะ”
“ถ้างั้นเชิญตามผมมาทางนี้ครับ” การ์ดเดินนำหญิงสาวเข้าไปโซนด้านในที่เปิดเพลงคลอเบาๆ สำหรับลูกค้าที่มาดื่มนั่งฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย แล้วสามารถเรียกหนุ่มโฮสต์มานั่งดื่มเป็นเพื่อนได้ด้วย
หญิงสาวเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปยังโซนด้านในที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนที่มาดื่มคนเดียว
“Cosmopolitan แก้วหนึ่งค่ะ” ดีไซน์สั่งค็อกเทลกับบาร์เทนเดอร์ ไม่นานเครื่องดื่มสีแดงเข้มก็เสิร์ฟในแก้วทรงสูงแบบมาร์ตินี ความแรงของวอดก้าไม่กระทบกับการรับรสของเธอแม้แต่น้อย ดีไซน์ยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้ว
“ขออีกแก้ว”
บาร์เทนเดอร์ชงแก้วใหม่ให้หญิงสาวในเวลาอันรวดเร็ว ระหว่างนั้นลุคค์ที่เดินลงมาตรวจเช็กความเรียบร้อยด้านล่างสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคุ้นตานั่งกระดกวิดกี้อยู่คนเดียว
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิงมาคนเดียวเหรอครับ” ลุคค์กล่าวทักทายหญิงสาวน้ำเสียงสุภาพ ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ หญิงสาว
“ค่ะ คุณทำงานที่นี่เหรอคะ” ดีไซน์ตอบกลับตามมารยาท
“ครับ ผมทำงานที่นี่”
“คืนนี้ต้องการคนดื่มเป็นเพื่อนไหมครับ” ลุคค์ถามความสมัครใจของหญิงสาว ถ้าเธอต้องการคนดื่มเป็นเพื่อนเขาก็จะดื่มเป็นเพื่อนเธอ แต่ถ้าเธอต้องการนั่งดื่มเงียบๆ คนเดียวเขาก็พร้อมที่จะให้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้กับเธอเช่นกัน
“คิดราคาเหมาคืนเท่าไหร่คะ” ดีไซน์ถามกลับหันมองหน้าชายหนุ่มสายตาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา
“แล้วแต่คุณผู้หญิงจะจ่ายครับ” ลุคค์ตอบกลับตามน้ำปล่อยให้หญิงสาวเข้าใจเขาผิดตามนั้น
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ ฉันเลี้ยงคุณเองค่ะ”
“แมนฮัตตั้น” ลุคค์หันไปสั่งบาร์เทนเดอร์ เครื่องดื่มที่ชายหนุ่มสั่งไปนั้นเป็นค็อกเทลที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เมาขนาดนั้น บาร์เทนเดอร์หนุ่มมองหน้าลุคค์อย่างงง ๆ จนต้องย้อนถามกลับ
“คุณลุคค์ไม่ดื่มเหล้าเหรอครับวันนี้”
“ฉันสั่งแมนฮัตตั้น ไม่ได้ยินหรือไง” เสียงเข้มดุตอบกลับไป บาร์เทนเดอร์หนุ่มรีบชงอย่างไว
“คุณทำงานที่นี่นานแล้วเหรอคะ” ดีไซน์ชวนคุยเมื่อแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์
“ก็นานหลายปีแล้วครับ”
“ทำงานแบบนี้สนุกไหมคะ”
“ก็สนุกดีครับ”
“ทำไมถึงเลือกมาทำงานแบบนี้คะ ฉันแค่อยากรู้น่ะค่ะไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกคุณนะคะ” ไซน์เอ่ยถามและอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจถึงเจตนาแท้จริงของเธอ
“ทำงานแบบนี้สนุกดี และอีกอย่างก็ได้เงินเยอะมั้งครับ” ลุคค์ตอบหญิงสาวไปตามความจริง สายตาคมจ้องมองเข้าไปนัยน์ตากลมโตคู่นั้นที่เต็มไปด้วยเจ็บปวดจากบาดแผลในใจ
“ฉันเองก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อสร้างครอบครัวเหมือนกันค่ะ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะไม่ค่อยสำเร็จสักเท่าไหร่ จึงอยากออกมาใช้เงินแก้เบื่อบ้าง” ดีไซน์ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้ชายหนุ่มฟัง นอกจากซีไนซ์แล้วก็มีชายหนุ่มเท่านั้นที่เธอกล้าระบายความทุกข์ใจนี้ให้ฟังแม้พึ่งจะเจอหน้ากันแค่ไม่กี่นาที
“มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจก็เล่าออกมาให้ผมฟังก็ได้ครับ ผมจะนั่งเป็นผู้ฟังที่ดี ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณต้องการความคิดเห็นจากผมก็ถามผมได้เลยครับ”
“นี่สินะคะ ที่คนชอบมาเที่ยวแบบนี้ เพราะพวกเขาสามารถพูดอะไรก็ได้และมีพวกคุณคอยนั่งฟังพวกเขาเหล่านั้นระบาย”
“ครับ ผมเป็นให้คุณได้ทุกอย่าง ทั้งผู้ฟังและผู้ปรึกษาที่ดี” เสียงทุ้มนุ่มบอกออกไป สายตาคมมองหน้าหญิงสาวสีหน้าจริงจังสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับอีกฝ่าย เป็นจิตวิทยารูปแบบหนึ่งที่ชายหนุ่มเคยเรียนมา
“ฉันจับได้ว่าแฟนที่คบกันมา 6 ปีแอบนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น วันนั้นฉันจึงตัดสินใจบอกเลิกเขาไป จนป่านนี้เขายังไม่มีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้ให้ฉันเลย เขาดูเห็นแก่ตัวไปไหมคะ” น้ำเสียงเศร้าสร้อยเล่าเหตุการณ์ที่แสนเจ็บปวดฝังใจที่เธอเจอมาให้ชายหนุ่มฟัง
“คุณต้องการคำอธิบายจากเขาหรือคุณต้องการคำพูดอะไรก็ได้เพราะคุณพร้อมที่จะให้อภัยเขาสำหรับเรื่องที่เขาทำผิดกับคุณครับ” เสียงเข้มถามกลับ คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน
“ฉันแค่ต้องการคำอธิบายจากเขาแค่นั้น ยังไงฉันก็ไม่มีวันให้อภัยเขาสำหรับเรื่องนี้ และฉันก็ไม่มีวันกลับไปคืนดีกับเขาอีกแน่นอนค่ะ”
“ที่ใจคุณยังต้องการคำอธิบายจากเขา เพราะลึกๆ แล้วใจคุณยังต้องการให้อภัยเขา ถ้าไม่อย่างงั้นคุณจะรอคำอธิบายจากเขาทำไมในเมื่อพวกคุณก็เลิกกันแล้ว”
“แต่เราคบกันมานานมากเลยนะคะ”
“คุณอาจจะแค่เคยชินที่มีเขาอยู่ แต่พอวันหนึ่งเขาหายไปคุณก็เลยยังไม่ชินที่ชีวิตต่อไปจะไม่มีเขาอยู่ด้วย แค่นั้นเองครับ” ลุคค์บอกออกไปเสียงเรียบ
“มันก็คงจริงอย่างที่คุณพูด ฉันอาจจะแค่ยังไม่ชินที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ” หญิงสาวพูดออกมาเสียงอ่อย
“คุณพร้อมที่จะเดินต่อไปข้างหน้าหรือยัง ถ้าพร้อมก็จงอย่าหันกลับมองข้างหลัง โลกใบนี้ยังมีผู้คนอีกมากมายที่รอคุณพบเจอ จงออกไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในสิ่งที่คุณต้องการ”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ นี่ค่ะค่าตัวคุณวันนี้ฉันขอตัวกลับก่อน” แบงก์สีเทา 5 ใบวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม ขาเรียวเล็กบนรองเท้าส้นสูงสีดำลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินกลับออกไป
“เดี๋ยวผมไปส่ง” ฝ่ามือหนาจับเข้าที่แขนเรียวเล็กพยุงร่างอรชรที่กำลังออกอาการเซเล็กน้อยไม่ให้ล้ม
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอยู่ทำงานต่อเถอะ ฉันนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ” ดีไซน์ปฏิเสธออกไป
“ผมเลิกงานแล้วเดี๋ยวผมไปส่ง ตามผมมาครับ” ลุคค์เดินนำหญิงสาวไปทางด้านหลังผับซึ่งเป็นทางออก VIP แบบไม่ต้องเดินเบียดเสียดผู้คนออกไปทางประตูด้านหน้า ดีไซน์เดินตามหลังมาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรต่อ
“ทำไมลูกค้าคนนั้นถึงจ่ายเงินให้พี่ลุคค์ หรือเธอเข้าใจว่าพี่ลุคค์เป็นเด็กบาร์โฮสต์ ลูกพี่เราก็เล่นเนียนด้วยนะสงสัยเจอคนที่ถูกใจเข้าแล้ว” บาร์เทนเดอร์หันไปพูดกับแทนไทสีหน้างุนงง ไม่ต่างกับการ์ดที่ยืนดูความเรียบร้อยอยู่แถวนั้นก็งงกันถ้วนหน้า
ติ๊ด!
เสียงสัญญาณปลดล็อกรถเมื่อทั้งสองเดินมาหยุดที่ซูเปอร์คาร์คันหรูสีดำด้านราคาหลายสิบล้าน ดีไซน์ยืนมองอย่างชั่งใจก่อนจะเปิดประตูก้าวขึ้นรถไป
ซูเปอร์คาร์คันหรูเลี้ยวออกจากลานจอดรถด้านหลังเลี้ยวเข้าถนนเส้นหลักมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ไฟเลี้ยวถูกเปิด ลุคค์หักพวงมาลัยเบี่ยงขวาออกไปเพื่อตัดเข้าทางด่วนที่เป็นเส้นทางไปยังคอนโดหญิงสาว
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าคอนโดฉันอยู่ที่ไหน” ดีไซน์ถามออกมาหลังจากที่นั่งเงียบคิดอะไรเพลินๆ
“เปล่าครับ ผมแค่จะพาคุณไปทานข้าวต้มร้านอร่อย รับรองทานแล้วคุณจะติดใจ คุณอิ่มท้องแล้วผมถึงจะส่งคุณกลับบ้านครับ” ลุคค์พูดแก้ต่างออกไป
“หึ คุณนี่แปลกนะคะ ยังมีอะไรเซอร์ไพรส์ฉันอีกไหมคะ ที่ฉันคาดไม่ถึง”
“ผมมีอะไรให้คุณต้องเซอร์ไพรส์ด้วยเหรอครับ”
“ก็งานของคุณ แล้วยังรถคันนี้ที่คุณขับอยู่ อาชีพที่คุณทำอยู่มันคงรายได้ดีจริงๆ สินะคะถึงสามารถซื้อรถคันละหลายสิบล้านมาขับแบบนี้ได้”
“ครับ คงประมาณนั้นแหละครับ”
“แล้วค่าไปกินข้าวต้มมื้อนี้ คุณคิดเท่าไหร่คะ”
“ฟรีครับ แค่คุณเลี้ยงข้าวต้มผมก็พอถือว่าเป็นค่าน้ำมันที่ผมขับรถมาส่งคุณแล้วกัน”
“ใจดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ครับ แค่กับคุณ” เสียงทุ้มนุ่มเน้นน้ำเสียงพร้อมเอียงใบหน้าคมมองเสี้ยวหน้าเรียวเล็กของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“กับลูกค้าคนอื่นก็พูดแบบเดียวกันสินะคะ ฉันไม่แปลกใจเลยทำไมคุณถึงมีรายได้เยอะขนาดนี้ ลูกค้าคงติดคุณมากสินะคะ”
“ไม่ครับ แค่กับคุณผมสาบาน” ใบหน้าคมเข้มหันมองหญิงสาวเมื่อการจราจรข้างหน้าสามารถรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยได้
“ไม่ต้องถึงขั้นสาบานหรอกค่ะ ใกล้ถึงหรือยังคะฉันชักจะเริ่มหิวขึ้นมาแล้วค่ะ”
“แยกข้างหน้าก็ถึงแล้วครับ”
“คุณว่าคันข้างหน้าจะเลี้ยวร้านเดียวกับเราไหม” ลุคค์เอ่ยถามขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงบภายในรถ
“ไม่น่าใช่นะคะ”
“ผมว่าใช่ครับ เอาอย่างงี้เรามาพนันกันว่าใครจะทายถูก คนทายถูกมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรก็ได้หนึ่งข้อ”
“ได้ค่ะ”
ปิ๊บ! ปิ๊บ! ปิ๊บ
วิ่งตามหลังมาอีกประมาณ 500 เมตร รถยนต์สีขาวคันหน้าก็เปิดไฟเลี้ยวส่งสัญญาณพร้อมกับหักพวงมาลัยเข้าด้านซ้ายที่เป็นร้านขายข้าวต้มเจ้าดังที่คนมานั่งทานเต็มตั้งแต่ร้านเปิดจนร้านปิด
“ผมชนะ คุณติดผมอยู่ 1 ครั้งนะครับ”
“โอเคค่ะ วันหลังฉันเลี้ยงข้าวคุณแล้วกันค่ะ”
“พูดเมื่อกี้อีกรอบครับ” ลุคค์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายวิดีโอหันกล้องไปไปทางหญิงสาว
“ทำอะไรคะ” ดีไซน์ถามกลับสีหน้างุนงงปนตกใจ
“ผมจะถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ครั้งหน้าเจอกันเผื่อคุณลืม” ลุคค์ตอบกลับสีหน้าละลื่น
“เล่นอะไรเป็นเด็กคะ ฉันไม่ลืมแน่นอนค่ะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรคะฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ฉันดีไซน์ค่ะ” รอยยิ้มหวานถูกบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่ม
“ลุคค์ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ สแกนไว้เผื่อหลงทางครับ” คิวอาร์โค้ตแอปพลิเคชันแชตยอดนิยมยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว ดีไซน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดสแกนเพิ่มเพื่อนอย่างงง ๆ
อาหารมื้อดึกกับคนแปลกหน้าผ่านไปด้วยดี หลังจากทานข้าวเสร็จลุคค์ก็ขับรถไปส่งดีไซน์ที่คอนโด นั่งรอในรถจนกว่าหญิงสาวขึ้นไปบนห้อง เมื่อเห็นแสงไฟลอดผ่านผ้าม่านก็แน่ใจว่าหญิงสาวนั้นกลับเข้าห้องอย่างปลอดภัยจึงขับรถออกไป