ตอนที่11 ทดสอบทฤษฎี 21 วัน (วันที่ 2) วันที่ 2

2030 Words
ตอนที่11 ทดสอบทฤษฎี 21 วัน (วันที่ 2) วันที่ 2 ลุคค์ตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นเป็นเวลาเดียวกันกับที่หญิงสาวเลิกงาน สิ่งแรกที่ทำหลังตื่นนอนคือหยิบมือถือขึ้นมากกดพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาว ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น มือเล็กรีบละจากหน้าแป้นพิมพ์เลื่อนลงไปหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายขึ้นมาเปิดดู ‘เลิกงานหรือยังครับ วันนี้งานของคุณเป็นอย่างไรบ้างหวังว่าจะราบรื่นดีนะครับ’ ‘กำลังจะเก็บของแล้วค่ะ งานราบรื่นดีค่ะ พึ่งตื่นเหรอคะ’ ‘ครับ ตื่นมาก็ส่งข้อความหาคุณเลย’ ชายหนุ่มแสดงถึงความจริงใจให้หญิงสาวเห็นแบบไม่โจ่งแจ้งมากนัก ‘อ้อ..ค่ะ นอนหลับสบายดีนะคะ’ ‘ครับ หลับฝันดีมากครับ’ ‘ดีแล้วค่ะ การที่ได้นอนหลับเต็มอิ่มไม่ต้องคอยฝันร้ายเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ฉันเองก็อยากนอนหลับฝันดีทุกคืนเหมือนกัน’ ‘ต่อไปผมจะทำให้คุณนอนหลับฝันดีทุกคืนครับ วันนี้เหนื่อยไหมครับ’ ใบหน้าเรียวเล็กเปื้อนยิ้มเล็กน้อย อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานตลอดทั้งวันหายเป็นปลิดทิ้งราวว่าได้ยาวิเศษ ‘นิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว’ ‘เป็นเพราะผมหรือเปล่าครับ555’ ชายหนุ่มหยอดมุขเพื่อไม่ให้การแชตพูดคุยตึงเครียดและดูเป็นทางการมากเกินไป ซึ่งมันได้ผล ‘คงจะใช่มั้งคะ555’ ‘ผมดีใจนะครับที่ได้ยินแบบนั้น เก็บของกลับบ้านพักผ่อนเถอะครับทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ถึงบ้านแล้วรบกวนทักบอกผมด้วยนะครับ ถ้าคุณสะดวก’ เป็นคำบอกเล่าแบบปลายเปิดที่แฝงไปด้วยคำสั่งกลายๆ ให้อีกฝ่ายทำตาม เป็นสิ่งที่ลุคค์เรียนมาโดยตรงเกี่ยวกับหลักจิตวิทยาแนวนี้ ‘ได้ค่ะ ขอเก็บของกลับบ้านก่อนนะคะ’ ‘ครับ’ หลังจากแชตกับหญิงสาวเสร็จร่างกำยำก็หยิบไอแพดที่หัวเตียงขึ้นมาเปิดเช็กอีเมลงานต่างๆ เมื่อเช็กและตอบกลับอีเมลบางส่วนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ก้าวเท้าลงจากเตียงเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวลงไปทานมื้อเย็นก่อนจะเข้าผับเพื่อไปดูแลความเรียบร้อย ด้านล่าง “คุณลุคค์จะรับมื้อเย็นก่อนเลยไหมคะ” ป้าณีแม่ครัวคนเก่าคนแก่เดินเข้ามาถามชายหนุ่มเมื่อตอนนี้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว “นายกับพี่ธารายังไม่กลับเหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะเดินไปหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ตำแหน่งที่นั่งประจำ ป้าณีที่รู้ใจก็จัดการตักข้าวและกวักมือเรียกเด็กยกอาหารในครัวมาเสิร์ฟ “ยังค่ะ วันนี้คุณธาราแจ้งว่าจะนอนที่บ้านโน้นค่ะ” “นึกว่าทำงานจนลืมไปแล้วว่าตัวเองมีลูกมีเมีย ถ้าไม่สะดวกเดินทางแทนที่จะพาดาด้าและคุณมุกดามาอยู่ที่นี่ บ้านช่องก็ออกจะใหญ่โต จะสร้างบ้านอีกหลังตรงข้างๆ นี่ยังได้เลย” ชายหนุ่มบ่นออกไปไม่จริงจังนัก “เห็นบอกว่ารอให้คุณหนูดาด้าโตกว่านี้ก่อนค่ะเพราะคุณมุกดาไม่ยอมจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยเลี้ยง เลี้ยงเองดูแลเองทุกอย่าง อยู่บ้านโน้นยังมีคุณยายช่วยเลี้ยงด้วย ถ้าพามาอยู่นี่กลัวจะรบกวนนายหญิงหรือเปล่าคะ” “รบกวนอะไรบ้านเรามีคนออกจะเยอะแยะ ป้าณีก็เลี้ยงพี่ธารากับนายโตมาขนาดนี้ได้ แค่หลานสาวคนเดียวทำไมจะช่วยกันเลี้ยงไม่ได้ผมว่าพี่ธาราหวงคุณมุกดามากกว่า กลัวว่าบอดี้การ์ดจะมองเมียตัวเอง” “คุณลุคค์ก็พูดไปค่ะ” “เอ้า! ผมพูดความจริงนะครับป้า พี่ธาราแกขี้หึงมาก ขนาดแต่ก่อนยังไม่ได้เป็นแฟนกันยังหึงหวงผู้ชายทุกคนเลย ขนาดกับผมพี่ธารายังหวงเลย” “ไม่ได้นินทากูมันแดกข้าวไม่ลงหรือไง” เสียงเรียบคุ้นหูดังมาจากประตูด้านหน้าบ้านพร้อมกับเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นทางเดินตามจังหวะการเดินของทั้งสอง “เพื่อเพิ่มบรรยากาศในการทานข้าวครับ นั่งทานคนเดียวมันเหงาเลยชวนป้าณีคุยเรื่องสนุกไปด้วย แล้วพี่มาทำไม” “กูก็กลับมานอนบ้านสิ” เสียงเรียบดูเหนื่อยๆ ตอบกลับ มือสองข้างค่อยๆ ปลดกระดุมแขนเสื้อและพับขึ้นเกือบถึงศอกแล้วดึงเนกไทคลายออกและปลอดกระดุมคอเสื้อเม็ดบนออกสามเม็ด หย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ตัวที่นั่งประจำ “ไหนป้าณีบอกว่าวันนี้พี่จะกลับไปนอนบ้านโน่นไง” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามบอดี้การ์ดรุ่นพี่ขณะที่มือยังถือช้อนส้อมคาอยู่ “มีงานด่วนที่ต้องทำ” “นายโยนงานอะไรให้พี่ทำอีก นี่หลานผมจะจำหน้าพ่อมันไม่ได้อยู่แล้ว” ถามกลับน้ำเสียงและสีหน้าเอือมระอากับการบ้างานของเจ้านายและบอดี้การ์ดรุ่นพี่ “เปล่า งานที่ฝั่งยุโรปมีปัญหาวันนี้มีนัดประชุมด่วนกับทีมบริหารทางโน้นด้วย” “ที่บ้านเมียพี่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไง ถ้าแค่ประชุมประชุมที่ไหนก็ได้ไหม” “มีงานหลายอย่างที่ต้องเตรียม” น้ำเสียงขอธาราดูเหนื่อยอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนชายหนุ่มไม่อยากถามอะไรไปมากกว่านี้จึงนั่งทานข้าวต่อเงียบๆ “คุณธารายังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเลยใช่ไหมคะ ตอบป้ามาตามตรง” ป้าณีเดินถือจานอาหารออกมาจากในครัวเอ่ยถามขึ้นเสียงดุ มือเหี่ยวย่นตามกาลเวลายื่นจานสปาเกตตีซอสมะเขือเทศที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆ ลงตรงหน้าชายหนุ่ม “ครับ งานยุ่งน่ะครับ” ธาราตอบกลับเสียงอ่อยไปตามความจริง “มันน่าตีจริงๆ ทำงานหนักจนไม่ทานข้าวทานปลากัน ป้าบอกกี่ครั้งแล้วคะ ว่าถึงงานจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องพักทานข้าวก่อน โบราณท่านว่าไว้ว่าเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ พอเขาโตมาเขาจะทำยังไงกับร่างกายของเขาก็ได้” เสียงแหบของหญิงวัยหกสิบปลายๆ เอ่ยพูดขึ้นเชิงประชดปนน้อยใจ แต่มือก็ยังคอยเสิร์ฟอาหารให้ชายหนุ่มที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ทั้งซุปที่เคี่ยวไว้ติดครัวตลอด ไหนจะนมอุ่นๆ อาหารและเครื่องดื่มบำรุงร่างกายจัดเสิร์ฟให้ชายหนุ่ม แค่เพียงเห็นอาหารตรงหน้าร่างกายที่เหนื่อยล้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง “ขอบคุณครับ” “นายล่ะคะไม่กลับมาพร้อมกัน” “นายมีนัดทานข้าวกับลูกค้าต่อครับ แล้วพลอยใสกับลอนดอนล่ะครับ ทานมื้อเย็นหรือยัง” “ป้าให้คนยกขึ้นไปให้บนห้องแล้วค่ะ วันนี้คุณหนูไม่ลงมาข้างล่างเลยค่ะ แถมอ้อนให้คุณแม่ไปอยู่เป็นเพื่อนน่าจะไม่ค่อยสบายตัวแหละค่ะ” “นายน้อยไม่สบายทำไมไม่มีใครบอกผมเลยครับ แล้วเรียกหมอมาดูหรือยัง” ลุคค์ชะงักช้อนในมือหันไปถามป้าณีเสียงเรียบ “น่าจะแค่ไม่สบายตัวค่ะเลยงอแง หนูพลอยใสวัดไข้ตอนเย็นก็ไม่มีไข้เลยไม่อยากรบกวนคุณลุคค์มั้งคะ” ป้าณีตอบกลับไปตามความจริง แก๊ก! เสียงรวบช้อนส้อมเข้าหากัน พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “ผมขอตัวไปดูนายน้อยก่อนนะครับ ถ้าขืนปล่อยให้เป็นเยอะจะรักษายาก” ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงเดินดุ่ม ดุ่ม ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน มุ่งหน้าสู่โซนด้านขวาของคฤหาสน์ซึ่งเป็นห้องของนายน้อยของบ้านฮาร์เปอร์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “พี่เองครับ ขออนุญาตเข้าไปดูนายน้อยสักครู่ครับ” เสียงทุ้มนุ่มตะโกนบอกคนในห้องเพื่อขออนุญาต “พี่ลุคค์เองเหรอคะ เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ” เมื่อได้รับคำอนุญาต ไม่รอช้าเปิดประตูสาวเท้าเดินเข้าไปด้านใน “นายน้อยเป็นยังไงบ้างครับ มีไข้และปวดตรงไหนหรือเปล่าครับ” จิตวิญญาณความเป็นหมอเดินไปย่อเข่านั่งลงตรงหน้าแล้วเอ่ยถามเด็กน้อยวัยสามขวบน้ำเสียงทุ้มนุ่มดูอบอุ่น “ลอนดอนไม่ได้เป็นอะไรครับ แม่พลอยวัดไข้แล้วก็ไม่มีไข้ครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้อาลุคค์เป็นห่วง” เด็กน้อยตาสีน้ำตาลอ่อนเหมือนคนเป็นพ่อเอ่ยตอบเสียงอ่อยราวคนสำนึกผิดที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วง “อาขอตรวจดูหน่อยได้ไหมครับ แม่พลอยและคนอื่นๆ จะได้สบายใจ” “ได้ครับ” ใบหน้าสมบูรณ์แบบราวลูกรักพระเจ้าหยุดนิ่งเพื่อที่จะให้ชายหนุ่มนั้นตรวจได้อย่างละเอียด ไฟฉายอันเล็กที่พกติดตัวตลอดส่องไปยังดวงตาเล็กสองข้างและกวาดสายตาตรวจอย่างละเอียดก่อนพูดขึ้น “ตาดูแดงๆ นะครับ มีอาการเคืองหรืออะไรบ้างไหม” “นิดหน่อยครับ น่าจะเป็นเพราะว่าผมขยี้ตาเมื่อวานครับ” คำตอบโตเกินวัยพร้อมวินิจฉัยอาการผิดปกติของตัวเองเสร็จศัพท์ ลุคค์ได้แต่ชื่นชมในใจว่าทายาทคนต่อไปของฮาร์เปอร์ฉลาดหัวไวไม่ต่างจากคนเป็นพ่อเลย “อ้าปากหน่อยครับ” “คอแดงหน่อยนะครับ น่าจะอักเสบเลยมีอาการคั่นเนื้อครั่นตัวไม่สบายตัว เดี๋ยวพี่จะจัดยาฆ่าเชื้อมาให้ทานหลังอาหารเดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้นครับ” “นายน้อยก็ต้องเชื่อฟังคุณแม่นะครับ ทานข้าวทานยา ลงไปสูดอากาศข้างนอกบ้างจะได้ดีขึ้นครับ นอนตากแอร์ทั้งวันแบบนี้ไม่หายง่ายๆ นะครับ” ลุคค์พยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ลอนดอนออกจากห้องอย่างใจเย็น “ครับ” “งั้นอาขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” เมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก็ได้เวลาที่ต้องไปทำงานแล้ว ฝ่ามือหนาลูบหัวเด็กชายเบาๆ อย่างรักใคร่หันไปบอกกับพลอยใสที่นั่งมองสองคนอาหลานตลอดเวลา “พี่ไปทำงานก่อนนะ มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ” “ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ” “ครับ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงหันหลังเดินออกจากห้องไป ซูเปอร์คาร์สีดำจอดรอตรงลานจอดรถหน้าบ้านโดยมีบอดี้การ์ดยืนถือกุญแจรออยู่ข้างรถ “กุญแจครับพี่ลุคค์” “อืม..ขอบใจ” ซูเปอร์คาร์คันหรูพุ่งทะยานออกจากบ้านฮาร์เปอร์ไปด้วยความเร็วมุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของผับดังที่ลุคค์ดูแลอยู่ แต่ขึ้นทางด่วนไปได้ไม่ไกลก็ต้องแตะเบรกและหักพวงมาลัยชิดขอบทางกะทันหันเมื่อมีแจ้งเตือนข้อความเข้า ติ๊ง! ‘ถึงบ้านแล้วนะคะ คุณไปทำงานหรือยังคะ’ ‘กำลังขับรถครับ อย่าลืมหาอะไรทานด้วยนะครับ’ ‘ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ’ ‘ครับ ถึงที่ทำงานผมจะทักหานะครับ’ ‘ค่ะ’ “พี่ ตรงนี้จอดไม่ได้เดี๋ยวตำรวจก็มาเคาะกระจกกวักมือเรียกพี่หรอก” แทนไทเอ่ยขึ้น “ก็แค่เสียค่าปรับ ไฟฉุกเฉินก็เปิดค้างไว้ไม่แหกตาดู แค่บอกตำรวจไปว่าเครื่องยนต์ขึ้นสัญญาณเตือนว่ามีปัญหาเลยจอดดู มันจะไปยากอะไร” “รถราคาเกือบสามสิบล้านพี่คิดว่าตำรวจเขาจะเชื่อหรือไง” “กูไม่ได้ตอบให้เขาเชื่อ แค่ตอบให้จบๆ ไปแล้วเขียนใบสั่งมาแค่นั้น” “พี่แม่ง! การที่จะมีเมียสักคนมันต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ แค่เอาหน้าหล่อๆ กับเงินในบัญชีไปให้เขาดูเขาก็ตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่แล้วไหมวะ” “ผู้หญิงไม่ได้ชอบเงินกันทุกคน ผู้หญิงสมัยนี้เขาดูแลตัวเองได้ เผลอๆ หาเงินเก่งกว่าผู้ชายซะอีก มึงอย่าดูถูกผู้หญิงไป”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD