ตอนที่12 ทดสอบทฤษฎี 21 วัน (วันที่ 3)
วันที่ 3
หลังจากเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเต็มความสูงคว้ากุญแจรถตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะหันไปกำชับลูกน้องคนสนิทที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆ
“กูกลับก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยดีๆ อย่าให้เกิดปัญหา”
“ครับ มีงานด่วนที่ต้องกลับไปทำเหรอครับทำไมวันนี้พี่รีบกลับ”
“เปล่า” พูดจบลุคค์ก็สาวเท้ายาวออกจากห้องไปท่ามกลางสีหน้างุนงงของแทนไท
“พึ่งจะตี 1 จะรีบกลับไปไหนของเขา งานด่วนก็ไม่มี” แทนไทบ่นอุบอิบกับตัวเองและก้มหน้ากลับไปสนใจงานตรงหน้าของตัวเองต่อ สายตาคมไล่เช็กรายการสต๊อกเครื่องดื่มอย่างละเอียด
คฤหาสน์ฮาร์เปอร์
แทนไทขับรถเข้ามาตรงลานจอดรถสายตาคมเหลือบไปเห็นแสงไฟจากห้องของลุคค์ที่อยู่โซนปีกซ้ายยังสว่างอยู่ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาตี 5 กว่าๆ ซึ่งผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมงที่ลุคค์กลับมาถึงบ้าน
“ทำไมไฟห้องพี่ลุคค์ยังเปิดอยู่ พี่ลุคค์กลับมาถึงบ้านตอนกี่โมง” แทนไทตั้งท่าจะเดินไปที่ห้องพักของตัวเองแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่บริเวณนั้น
“ตีหนึ่งกว่าๆ ครับ แต่ดูจะยุ่งๆ นะครับเห็นกดโทรศัพท์ตลอดเวลา” บอดี้การ์ดรายงานตามสิ่งที่เห็น แต่ดูเหมือนแทนไทจะเข้าใจตรงกันข้ามกับสิ่งที่บอดี้การ์ดรายงาน
“แชตกับสาวสิไม่ว่า สร้างภาระไว้ซะเยอะแล้วเสือกอยากมีเมีย” แทนไทเดินไปบ่นไปเหมือนปรับทุกข์กับตัวเอง
“พี่แทนไทมีอะไรหรือเปล่าครับ” บอดี้การ์ดเดินตรวจเวรยามเดินสวนมาพอดีได้ยินที่ชายหนุ่มบ่นจึงเอ่ยถามออกไป
“ไม่มี”
“ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะนะครับ ผมว่าพี่น่าจะทำงานหนักจนเกินไปเลยเป็นแบบนี้” พูดจบบอดี้การ์ดก็วิ่งไปจากตรงนั้นทันที
ตอนเช้าบนโต๊ะอาหาร
“ไอ้ลุคค์กลับมาหรือยัง” ชาร์วีเอ่ยถามธาราเมื่อไม่เห็นมือซ้ายคนสนิทนั่งร่วมโต๊ะทานมื้อเช้า
“กลับมาตอนตีหนึ่งกว่า ๆ ครับ ตอนนี้ยังไม่ออกจากห้องครับ”
“มันเป็นอะไรทำไมถึงตื่นสาย”
“บอดี้การ์ดที่เฝ้าเวรยามเมื่อคืนบอกว่าเห็นไฟห้องมันดับไปตอนเกือบๆ 6 โมงเช้านี่เองครับ”
“มันทำห่าอะไรของมันอยู่พึ่งนอนเอาป่านนี้”
“น่าจะทำงานครับ นายมีอะไรหรือเปล่าครับเดี๋ยวผมไปตามมันให้”
“ไม่ต้อง”
บนห้อง
ชายหนุ่มที่กำลังถูกพูดถึงนอนจ้องมือถืออยู่บนเตียง ขณะที่มือกำลังกดพิมพ์ข้อความแชตไปด้วย
‘ถึง Office หรือยังครับ’
‘พึ่งถึงค่ะ ตื่นแล้วเหรอคะ’
‘ครับ แล้วทานอะไรหรือยังครับ’
‘ทานแซนด์วิชกับกาแฟมาแล้วค่ะ คุณลูคัสล่ะคะทำอะไรอยู่’
‘Missing u’
‘555 ล้อเล่นนะครับ แต่เอาจริงก็คิดถึงคุณเป็นคนแรกเหมือนกันนะครับ พึ่งสังเกตตัวเองก็ตอนนี้แหละครับ’ หยอดคำหวานปนมุกตลกกลับไป
ไอคิวบวกกับจิตวิทยาที่ชายหนุ่มนำมาใช้เหมือนมันจะได้ผล เมื่ออีกฝ่ายนั่งยิ้มให้กับโทรศัพท์แบบไม่รู้ตัว
“ยัยไซน์เป็นอะไร เดี๋ยวนี้ฉันเห็นแกนั่งยิ้มให้โทรศัพท์อยู่บ่อยๆ กำลังมีความรักหรือไง” ซีไนซ์พูดขึ้นข้างๆ ใบหูเล็กจนอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจ
“อ้ะ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมชอบทำให้ตกใจอยู่เรื่อยเลย”
“ฮึ! ขนาดฉันเดินดุ่มๆ มาหาแก แกยังไม่เห็นฉันเลยสงสัยกำลังมีความรักเลยหูหนวกตาบอด”
“ใครหูหนวกตาบอด”
“จะเถียงฉันว่าไม่อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็คงแค่หูตึงตาพร่ามัวถึงมองไม่เห็นว่าคนสวยมายืนอยู่ตรงนี้นานแล้วค่ะ นานพอที่จะเห็นว่าตื่นมาก็มีคนคิดถึงแกแต่เช้า”
“ยัยไซน์ทำไมเสียมารยาทมาแอบดูคนอื่นคุยกันแบบนี้”
“ยอมรับค่ะว่าเสียมารยาท ฉันก็แค่เป็นห่วงเพื่อนกลัวว่าเพื่อนจะเจอผู้ชายชั่วๆ อีก แต่คนนี้ฉันโอเคเพราะเขาหล่อ รวย และเก่งมาก อุ๊ป!” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นไปปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน สีหน้าดูเลิ่กลั่ก
“แกพูดเหมือนรู้จักเขาเลยนะ”
“ฉันดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง ขนาดไอ้โยคบกับแกมาตั้งกี่ปีมันเคยมีสักวันไหมที่จะถามว่าแกตื่นหรือยัง กินข้าวหรือยัง คนนี้เขาดูห่วงใยแกดีออก ฉันว่าเขาน่าจะจริงจังกับแกนะ”
“ฉันยังไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใคร ฉันว่าการอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ดีอยู่นะ ไม่ต้องคอยห่วงใคร ไม่ต้องแคร์ใครแคร์แค่ตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ เหงาก็แค่หาเพื่อนคุย”
“แกอย่าเอาผู้ชายเชี่ย ๆ แค่คนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลก ยังมีผู้ชายดีๆ อีกมากมายรอเข้ามาให้แกเลือกนะไซน์”
“แต่ทุกวันนี้แกก็ยังไม่มีแฟนนะซี นักธุรกิจรวยๆ ต่อแถวเข้ามาให้แกเลือกตั้งมากมายแต่แกก็ไม่คิดจะเลือกใครสักคน ยังมีหน้ามาเชียร์ให้ฉันมีแฟน ตราบใดที่แกยังไม่มีแฟนฉันก็จะโสดอยู่เป็นเพื่อนแกแบบนี้แหละ”
“ฉันแค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจเฉยๆ”
“สาธุค่ะ เจอเมื่อไหร่ขอให้แกหลงเขาหัวปักหัวปำ”
“ไปๆ กลับไปทำงานที่โต๊ะของตัวเองได้แล้ว” ดีไซน์โบกมือไล่เพื่อนกลายๆ ซีไนซ์ไหวไหล่เลิ่กคิ้วเรียวสวยเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าโอเคก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
ติ๊ด!
‘ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี สู้ต่อไปนะพี่ชาย’ ซีไนซ์ส่งข้อความหาพี่ชายทันที
‘ดียังไง อธิบายด้วยยัยซี’
‘ก็ยัยไซน์นั่งยิ้มให้กับโทรศัพท์พี่ว่าดีไหมล่ะ เก่งมากสมกับที่เป็นพี่ชายซี พี่ลูคัส’ คำชมบวกประชดตอบกลับคนเป็นพี่ชาย แต่อีกฝ่ายเผลอยิ้มให้โทรศัพท์ไม่สนใจข้อความที่น้องสาวประชดประชันมาตอนท้ายประโยค
‘ขอบใจ เสื้อคอลเลคชั่นใหม่พี่จะสั่งให้เขาไปส่งให้ที่บ้าน’
‘พี่ชายซีน่ารักที่สุด มีอะไรเกี่ยวกับยัยไซน์ซีจะรีบรายงานทันทีค่ะ’
‘เร็วขึ้นมาเชียวนะ แค่นี้แหละพี่จะลุกไปอาบน้ำ’
‘ค่ะ’
ห้องทำงาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“อรุณสวัสดิ์ครับนาย พี่ธารา” ชายหนุ่มกล่าวทักทายสีหน้ายิ้มแย้มกว่าปกติ ก่อนจะเดินไปหย่อนสะโพกลงนั่งตรงโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ตื่นเอาป่านนี้เมื่อคืนกลับบ้านช้าหรือไง” เสียงเรียบจากคนเป็นนายเอ่ยถามขณะที่สายตายังจ้องเอกสารในมือ
“เปล่าครับ พอดีผมนั่งทำงานต่อพึ่งนอนตอน 6 โมงเลยตื่นสายไปหน่อยครับ” ลุคค์ตอบกลับเจ้านายไปตามความจริง เพราะคนอย่างชาร์วีไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่ามีใครเข้าออกบ้านตอนไหน
“คิดจะแต่งงานมีครอบครัวเมื่อไหร่” ทุกสายตาหันขวับมองไปทางมาเฟียหนุ่ม คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน ธาราเองก็แสดงสีหน้าแปลกใจไม่ต่างจากลุคค์
“นายถามทำไมครับ”
“แกอายุสามสิบกว่าแล้วลุคค์ จะมาใช้ชีวิตสนุกแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ แดดกับมัมพวกเขารอแกกลับไปช่วยงานอยู่ รีบสร้างครอบครัวซะเพราะเวลาเดินไปข้างหน้าแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้”
“ครับ”
“เมื่อคืนนายนอนกี่ทุ่มครับ” ธาราเอ่ยถามแทรกขึ้น
“กูกับมึงก็เข้านอนพร้อมกัน มึงจะถามทำไม” ชาร์วีถามกลับสีหน้างุนงงเล็กน้อย
“นายนอนไม่หลับเหรอครับ”
“ก็หลับปกติ มึงถามทำไม” เสียงเรียบเริ่มแข็งขึ้น
“นายพูดจาแปลกๆ นะครับวันนี้”
“พวกมึงก็เหมือนครอบครัวกู กูก็ห่วงทุกคนมันแปลกตรงไหน แต่ก่อนกูอาจจะไม่เคยมีความคิดแบบนี้ แต่ตั้งแต่มีพลอยใสเข้ามากูก็รู้ว่าเวลาทุกนาทีมีค่า อย่าใช้เวลาที่มีค่าของเรากับการทำงานหนักจนเกินไป” ธาราถึงกลับนึกขอบคุณพลอยใสในใจครั้งที่ร้อยล้านที่เข้ามาเปลี่ยนคนไร้หัวใจให้มีความรู้สึกห่วงใยคนอื่น
“แล้วเมื่อไหร่นายขายธุรกิจฝั่งยุโรปทิ้งครับ แค่บริษัทที่ไทยกับกาสิโนที่ฮ่องกงก็สามารถทำเงินให้นายไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้วนะครับ”
“การขายไม่ใช่เรื่องยาก แต่คนของเราจะตกงานอีกมากมาย พวกเขายังต้องการรายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ฉันกำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้อยู่”
“นายก็ให้คุณมังกรดูแลต่อสิครับ” ธาราเสนอทางออกที่เขาเองคิดมาแล้วสักพักเหมือนกัน
“มันง่ายอย่างที่มึงบอกก็ดีสิ ไอ้มังกรมันก็มีธุรกิจหลายอย่างที่มันต้องดูแล ไหนจะธุรกิจของครอบครัวมันอีก” ชาร์วีตอบกลับไป ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่เขาคิดและไตร่ตรองหลายครั้งแล้ว
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เรื่องมึงว่ายังไงลุคค์เมื่อไหร่มึงจะกลับไปช่วยงานที่บ้านเต็มตัวสักที” ชาร์วีพูดตัดบทหันไปถามลุคค์น้ำเสียงจริงจัง
“น่าจะอีกไม่นานหรอกครับ ขึ้นกับว่าเธอจะยอมไปกับผมเมื่อไหร่”
“ใคร/ใคร” ชาร์วีและธาราเอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน
“ว่าที่ภรรยาในอนาคตครับ ตอนนี้ผมกำลังพยายามอยู่ ฝากบอกแดดกับมัมด้วยนะครับถ้าพวกท่านโทรมาหานายอีก”
“มึงอย่ามาล้อเล่นนะไอ้ลุคค์”
“เวลาไม่สามารถย้อนกลับ คำพูดก็ไม่สามารถลบล้างได้เช่นกันครับ” พูดจบก็ก้มลงสนใจแฟ้มเอกสารในมือ สายตาไล่ตรวจดูความถูกต้องอีกครั้งก่อนส่งให้คนเป็นนายเซนต์