ตอนที่8 พี่สะใภ้
หนึ่งเดือนผ่านไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” เสียงเรียบของชาร์วีเอ่ยอนุญาต ตามมาด้วยร่างสูงกำยำของมือซ้ายคนสนิทที่พักนี้หายหน้าหายตาไปไม่ค่อยเข้ามาให้เจอหน้าสักเท่าไหร่
“หาทางกลับบ้านถูกแล้วหรือไง” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยถามขึ้นขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่เอกสารในมือ
“ช่วงนี้ผมยุ่งนิดหน่อยครับ” ลุคค์ตอบคนเป็นนายกลับไปแต่ก็ไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด
“หึ งานยุ่งหรือมัวแต่ยุ่งอย่างอื่นอยู่”
“เรื่องส่วนตัวครับ” เสียงเรียบใบหน้านิ่งตอบกลับเจ้านายกลับไปจนคนได้ฟังถึงกลับหยุดชะงักขณะกำลังตวัดปลายปากกาเซ็นลงบนกระดาษ
“มึงกินเลือดไอ้ธาราเข้าไปหรือไงเดี๋ยวนี้ปากหมาแทบไม่ต่างกัน” มาเฟียหนุ่มว่ากลับเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“เลือดแบบนั้นผมไม่เอามาผสมเลือดดีๆ ของผมหรอกครับ นายเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ” ลุคค์ตอบกลับไปพร้อมถามเจ้านายกลับ
“โซนใหม่ที่จะเปิดเดินเรื่องไปถึงไหนแล้ว”
“ผมให้ไอ้โชเข้าไปดูสถานที่เรียบร้อยแล้วครับไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จะนัดสถาปนิกเข้ามาคุยรายละเอียดเร็วๆ นี้ครับ”
“นี่เอกสารเอาไปอ่านแล้วเซนต์ซะ” แฟ้มสีเทาเข้มถูกเลื่อนไปวางตรงหน้ามือซ้ายคนสนิท
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเงินไม่ได้สำคัญสำหรับผม ขอตัวก่อนนะครับ” ลุคค์หยิบแฟ้มเอกสารมากางออกและกวาดสายตาอ่านพอลวกๆ แล้วยื่นแฟ้มกลับคนเป็นนายแล้วตั้งท่าจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
“มึงทำเป็นงานอดิเรกเหรอไอ้ห่า” ชาร์วีว่าออกไป
“ผมมีเหตุผลที่ทำครับ”
“แล้วเป็นห่าอะไรไม่ชอบอยู่ผับ ปล่อยให้แทนไทมันดูอยู่คนเดียว”
“ผมบริหารจัดการงานผมได้ครับ ไม่เหมือนนายที่ชอบให้คนอื่นทำงานแทนตัวเอง ปรับปรุงตัวด้วยนะครับ ผมขอตัวก่อนผมมีธุระที่ต้องไปทำ” บอดี้การ์ดหนุ่มว่าเจ้านายกลับสีหน้าไม่สะทกสะท้าน พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
“ไอ้ลุคค์”
“อย่าเสียงดังไปครับ ถ้าน้องพลอยใสได้ยินนายจะเดือดร้อนเอานะครับ” เสียงทุ้มตะโกนกลับเข้ามาในห้อง บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าเวรอยู่บริเวณนั้นต่างหันมาทางต้นเสียงเพราะคิดว่าทั้งสองกำลังทะเลาะกัน
“พี่ไปทำอะไรให้นายหัวร้อนอีกล่ะ เดี๋ยวนายก็มาพาลพวกผมอีก” บอดี้การ์ดรุ่นน้องเอ่ยถามชายหนุ่มขณะเดินผ่านหน้าไป
“แค่บอกให้นายปรับปรุงตัวเองแค่นั้น ไม่มีอะไรมากหรอก” ชายหนุ่มตอบกลับราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“พี่ว่าอะไรนะ พี่กล้าไปสั่งนายขนาดนั้นเลยเหรอพี่ ช่วงนี้พี่ธาราไม่อยู่บ้านไม่มีใครช่วยพี่ได้นะ ระวังนายเอาพี่ตายนะ” บอดี้การ์ดรุ่นน้องเอ่ยเตือนรุ่นพี่เสียงติดๆ ขัดๆ ใบหน้าออกอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“แค่มีพลอยใสชีวิตทุกคนจะปลอดภัย” ลุคค์ตอบกลับสาวเท้ายาวเดินดุ่มๆ ไปขึ้นรถแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว ปล่อยให้เหล่าบอดี้การ์ดที่เฝ้าเวรยามอยู่ในบ้านร้อนๆ หนาวๆ ไปตามกัน
บนรถ
ตู๊ด..
“บ้านพี่ไม่มีนาฬิกาหรือไงถึงโทรหาผมตอนนี้” เสียงบอดี้การ์ดรุ่นน้องบ่นอุบอิบมาตามสายเมื่อโดนรบกวนการพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งคืน
“นัดสถาปนิกให้เข้ามาหากูช่วงบ่ายวันนี้ ไปเจอกูที่ผับ” ลุคค์บอกความต้องการของตัวเองกลับไปไม่สนใจเสียงบ่นพึมพำของลูกน้องสักนิด
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกให้ผมนัดล่วงหน้า มานัดปุ๊บปั๊บแบบนี้ใครเขาจะว่าง” แทนไทว่ากลับบอดี้การ์ดรุ่นพี่
“กูสั่งให้มึงโทรนัดไม่ได้ขอความเห็นว่าเขาจะว่างหรือไม่ว่าง” เสียงทุ้มเข้มตอบกลับไปตามสาย พูดจบก็ตัดสายทันทีไม่รอฟังเสียงบ่นหรือเสียงโอดครวญของบอดี้การ์ดรุ่นน้อง
“แม่งนับวันนิสัยยิ่งจะเหมือนเจ้านายขึ้นไปทุกที พี่ธารามีเมียไปแล้วคิดว่าจะหมดเงาของนายนี่ยังมีพี่ลุคค์เป็นตัวตายตัวแทนอยู่อีก ชีวิตทำไมมันน่าเศร้าขนาดนี้วะ” แทนไทบ่นกับหน้าจอโทรศัพท์ขณะเลื่อนหาเบอร์โทรศัพท์สถาปนิกที่เรียกใช้งานประจำ เมื่อนัดหมายเสร็จเรียบร้อยก็โยนโทรศัพท์ไปไว้อีกฟากของเตียงใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากที่ต้องตื่นขึ้นมาทั้งที่พึ่งหลับไปยังไม่ถึงสองชั่วโมง
บอดี้การ์ดหนุ่มหลังจากออกจากคฤหาสน์ฮาร์เปอร์ก็ขับรถตรงดิ่งไปที่ผับทันที ร่างกายที่ไร้การพักผ่อนมาเกือบยี่สิบชั่วโมงยังไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาให้ได้เห็น
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าหนังราคาแพงกระทบกับพื้นทางเดินขณะที่ร่างกำยำสาวเท้าเดินขึ้นไปยังห้องทำงานและห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของผับ สะโพกสอบหย่อนลงนั่งบนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานหยิบแฟ้มที่ถือติดมือมาด้วยกวาดสายตาอ่านรายละเอียดอีกรอบ จากนั้นก็หยิบไอแพดขึ้นมาพร้อมกับปากกาลงมือวาดออกแบบผังผับโซนใหม่คร่าวๆ ตามที่ต้องการ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่ลุคค์ครับสถาปนิกที่นัดไว้มาแล้วครับ” บอดี้การ์ดหน้าประตูตะโกนบอกเจ้าของห้องที่อยู่ด้านใน
“ให้เข้ามา”
แอ๊ด…
“สวัสดีครับ”
“เชิญนั่งครับ” เสียงเรียบนิ่งพอๆ กับสีหน้าของคนพูดเอ่ยบอกจนสถาปนิกหนุ่มรีบนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามบอดี้การ์ดหนุ่มดูเกร็งๆ
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นผมไม่ฆ่าคุณหรอก” เสียงเรียบนิ่งแต่ดูอ่อนนุ่มจากก่อนหน้าบอกออกไปเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของสถาปนิกและเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบริเวณหน้าผาก
“ครับ”
“ผมต้องการออกแบบโซนใหม่ โดยรวมผมต้องการประมาณนี้ ส่วนพื้นที่จริงเดี๋ยวผมจะให้คนของผมพาไปดู ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่” ไอแพดที่ร่างรายละเอียดทั้งหมดไว้คร่าวๆ เลื่อนไปตรงหน้าสถาปนิกหนุ่ม
“ไม่เกิน 3 วัน เสร็จแล้วผมจะรีบส่งให้คุณลุคค์ดูอีกรอบครับ”
“โอเค ไม่มีอะไรแล้วคุณลงไปดูสถานที่ข้างล่างกับคนของผมได้เลย”
“ครับ สวัสดีครับ”
หลังจากที่เคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณว่าต้องการพักผ่อน ร่างสูงลุกจากเก้าอี้เดินไปหลังห้องและเลื่อนเปิดประตูที่เชื่อมไปยังห้องนอนที่อยู่ติดกัน
คฤหาสน์ฮาร์เปอร์
“เมื่อเช้าเห็นรถไอ้ลุคค์ขับเข้ามาแล้วขับออกไป นายใช้ให้มันไปทำงานอะไรครับ มันพึ่งกลับจากผับไม่ใช่เหรอครับ” ธาราเอ่ยถามขึ้นขณะนั่งจิบกาแฟช่วงบ่ายกับชาร์วี
“มันมาเอาเอกสารแล้วคุยเรื่องผับโซนใหม่ที่มันจะเปิด”
“ผับโซนใหม่ นี่มันจะเปิดให้ได้จริงๆ ใช่ไหมครับ พ่อแม่มันได้สาปแช่งนายตายห่าสามชาติเจ็ดชาติ แค่นี้มันก็ไม่มีเวลากลับไปช่วยงานที่บ้านแล้ว” ธาราพูดขึ้นเสียงดัง ชะงักมือที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจิบสายตาคมมองหน้ามาเฟียหนุ่มเชิงตำหนิ
“ก็มันอยากเปิดกูก็ไม่อยากขัด มันดูแลไหวก็เรื่องของมัน”
“แค่งานที่ผับก็วุ่นวายจะตายห่า ยังอยากเสือกเปิดบาร์โฮสต์ทำงานหนักจนสมองกลับไปแล้วหรือไง” ธาราบ่นออกไปน้ำเสียงและสีหน้าเอือมระอาเมื่อพูดถึงงานมากมายที่พวกเขาทั้งสามคนต้องรับผิดชอบจนไม่มีเวลาได้พักหรือหยุดอยู่กับครอบครัว
“เรื่องของมัน มันคงอยากสร้างเนื้อสร้างตัวมั้ง”
“สาบานว่านายคิดแบบนั้น บ้านไอ้ลุคค์มีธุรกิจโรงแรมอยู่ทั่วทุกภาคของเมืองไทย แถมไอ้ลุคค์เองก็มีเงินมากมายจนสามารถเลี้ยงลูกและเมียได้เป็นสิบๆ คน”
“มันอยากทำก็ปล่อยมัน มึงจะไปเสือกอะไรด้วย” ชาร์วีว่ากลับให้มือขาคนสนิท
“ถ้าพ่อแม่มันสาปแช่งนายก็รับไปคนเดียวนะครับ ไม่ต้องแบ่งมาให้ผม แกร๊ก! ครืด..” พูดจบก็วางแก้วกาแฟแล้วลุกเดินออกไปทันที
ทางด้านดีไซน์
“ยัยซีแกว่าแอปพลิเคชันหาคู่ที่เขากำลังฮิตเล่นกัน เขาได้แฟนกันจริงๆ ไหม” ดีไซน์เอ่ยถามขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์กันแค่สองคน
“บางคนเขาก็บอกว่าได้จริงๆ แต่ส่วนมากก็เจอแต่มิจฉาชีพ” ซีไนซ์ตอบกลับไปตามที่เห็นในหน้าโซเชียลที่มาแชร์กัน
“แล้วถ้าเราจะหาแค่เพื่อนคุยล่ะ แกว่าจะมีไหมคนที่แค่ต้องการหาใครสักคนเป็นเพื่อนคุยเฉยๆ”
“ก็อาจจะมีนะ แต่ฉันเองก็ไม่เคยเล่นเหมือนกัน ต้องลองไปเล่นดูแต่ต้องเล่นอย่างมีสตินะ ไม่ใช่ไปโดนผู้ชายในนั้นหลอกมาล่ะ แค่โดนไอ้เชี่ยโยหลอกครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับผู้หญิงสวยๆ อย่างแกยัยไซน์”
“ฉันรู้ ฉันแค่อยากมีใครสักคนไว้คุยแก้เหงาแค่นั้นเอง คืนนี้กลับไปฉันว่าฉันจะลองโหลดมาเล่นดู”
“ถ้าแกเหงาแกไม่ลองเปิดใจให้พี่ชายฉันดู คนนี้หล่อ รวย ใจดี พูดเพราะแถมยังโสดร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยนะ”
“ไม่อะ ฉันยังไม่อยากจริงจังกับใครตอนนี้”
“แกจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนยัยไซน์”
“ไม่รู้ จนกว่าฉันจะเบื่อมั้ง” ปากบางตอบกลับน้ำเสียงและสีหน้าปกติยากที่อีกฝ่ายจะคาดเดาความรู้สึก ณ ตอนนี้ได้ ขนาดซีไนซ์ที่คบกันมาหลายปีก็ยังเดาใจไม่ออกว่าภายในใบหน้าสวยนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันภาวนาให้แกเบื่อเร็วๆ แล้วกัน” ซีไนซ์พูดทิ้งท้ายก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกเมื่อลงมาถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นลานจอดรถของบริษัท
“แต่ชีวิตที่ไม่ต้องยึดติดกับใครก็สบายใจไปอีกแบบนะ ถ้าเหงาก็แค่หาเพื่อนคุย” ดีไซน์ตอบกลับ
“แกอย่าเอาผู้ชายเลวๆ แค่คนเดียวมาตัดสินผู้ชายทั้งโลกสิ อย่างน้อยก็ขอยกเว้นพี่ชายฉันไว้สักคน”
“ดูเหมือนว่าแกอยากได้ฉันเป็นพี่สะใภ้มากเลยนะยัยซี” น้ำเสียงประชดประชันถามกลับแบบไม่จริงจังนัก
“ไหว้พระขอพรวัดไหนฉันก็ขอแบบนั้นนะ รอดูว่าพรที่ฉันขอกับพระท่านไว้กับความปรารถนาที่ต้องการอยู่คนเดียวของแกอะไรจะถึงคิวก่อนกัน แต่ฉันบอกไว้ก่อนว่าฉันบนไว้หนักมาก พระท่านต้องเลือกฉันค่ะ” ซีไนซ์ตอบกลับน้ำเสียงจริงจังพร้อมสะบัดหน้าใส่ดีไซน์และเบ้ปากใส่เล็กน้อย ตามาด้วยเสียงหัวเราะของทั้งสองระหว่างเดินไปยังลานจอดรถ