DANGEROUS LOVE : 05

1523 Words
@ อพาร์ตเม้นท์ JJ ฉันหอบของพะรุงพะรังขึ้นมาบนห้อง ส่วนมากก็ของสดทั้งนั้น ฉันชอบทำอาหารกินเองเพราะมันอร่อยกว่าซื้อกินเป็นไหนๆ และอีกอย่างฝีมือการทำอาหารของฉันไม่ได้ต่างจากเชฟมืออาชีพสักเท่าไหร่หรอก ไม่อยากคุย โฮะๆ แต่ทุกคนที่ได้กินก็บอกแบบนั้น พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จฉันก็พาตัวเองมาอยู่หน้าเตาทันที วันนี้ฉันตั้งใจจะทำอาหารหลายเมนูเพราะพี่สาวฉันมันไลน์มาบอกว่าอยากมากินกับข้าวฝีมือฉัน เราสองคนพี่น้องแทบไม่เคยได้เจอกันเลย เพราะเรียนกันคนละที่ ไกลกันมากด้วย นานๆ จะเจอกันสักที คิดถึงมันจะแย่ ไม่ได้เจอกันมาสามเดือนกว่าได้แล้วมั้ง หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…. ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกพร้อมกับอาหารเมนูสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะพอดิบพอดี ฉันถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนที่ฉันกำลังรออยู่พอดี เฮ้ย!!! ปึงงง ฉันปิดประตูกลับคืนด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังพิง คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่พี่สาวฉัน แต่เป็น...หรือฉันคิดถึงเขาจนหลอน เห็นหน้าพี่สาวตัวเอง เป็นเขารึเปล่า เพื่อความมั่นใจ ฉันเลยหันไปเปิดประตูดูอีกรอบ แต่ก็ยังเป็นเขาอยู่ดี และประตูกำลังจะถูกปิดลงอีก แต่… หมับบบ ผู้มาเยือนใช้มือหนาเพียงข้างเดียวดันประตูไว้ ก้าวเข้ามาในห้องฉันอย่างอุกอาจ ปึงงงง!!! ก่อนประตูจะถูกปิดลงอย่างแรงด้วยฝีมือเขา เล่นเอาซะฉันสะดุ้งเลย เสียงทรงพลังถูกเปล่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม “ใครสั่งให้ปิดประตูใส่หน้าฉัน ฮะ!” ยิ่งทำให้ฉันกลัวหนักเข้าไปอีก ทำอะไรไม่ถูกเลยทีนี้ ตัวสั่นเทาไปหมด ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น นะ...นี่ฉันได้เจอเขาอีกแล้ว ได้ใกล้เขาอีกแล้ว งื้ออออ...ใจฉัน ใจฉันมันเต้นแรงมากเลย ฉันจะช็อกตายไหม มือเล็กบีบกันแน่นอยู่ด้านหลัง ในสมองฉันนึกอะไรไม่ออกนอกจาก... “ขะ...ขอโทษค่ะ” “เหอะ! ช่างเหอะ! ฉันมาเอาคำตอบ” “คำตอบ?” ฉันเลิกคิ้วถามขึ้นด้วยความสงสัย คำตอบอะไรหว่า “คุกกี้นั่นไง” เขาว่าพลางชี้ไปที่โหลคุกกี้บนหลังตู้เย็น ตาฉันโตขึ้นทันที นี่เขาสนใจมันจริงๆ เหรอ นึกว่าพูดเล่นซะอีก แสดงว่าเขาต้องได้กินมันทุกครั้งแน่ๆ ถึงจำมันได้ หรือฉันควรจะบอกเขาไปเลยดีนะ แต่ฉันไม่ทันอ้าปากเขาก็แทรกขึ้นมาก่อน “แค่นี้ก็ลืมแล้วเหรอ เหอะ! นอกจากเธอจะบ้าแล้ว ยังความจำสั้นอีกเรอะ” มาเป็นชุดเลย ฉันได้แต่เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง กะพริบตาปริบๆ ยืนฟังเขาพูดอยู่แบบนั้น ผู้ชายอะไรปากร้ายชะมัด ว่าฉันบ้าได้ยังไงกัน...งื้อออ “งั้นเอาเบอร์เพื่อนมา ฉันจะโทรไปถามเอง” “ไม่มีค่ะ” ฉันตอบกลับทันควัน แบบไม่ต้องคิดเลย จะมีได้ไงก็ฉันโกหกเขาเรื่องคุกกี้นั่น “อะไร! เป็นเพื่อนประสาอะไรไม่มีเบอร์” “.....” ฉันเงียบ ไม่ใช่ อะไรนะ คิดคำตอบไม่ทัน สมองไม่ประมวลผลแล้วตอนนี้ ใครใช้ให้เขามายืนจ้องหน้าแบบนี้กันเล่า เขินวุ้ย...จะตายอยู่แล้วเนี่ย “หรือว่าหวง” เขาพูดขึ้นพลางโน้มหน้าลงมาในระดับเดียวกัน รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้น และมันทำให้ใจฉันแทบจะละลายหายไปกับท่าทางแบบนี้ของเขา บ้าบอที่สุด จะฆ่าฉันให้ตายเลยรึไง แต่เขาบอกว่าอะไรนะ เมื่อกี้ อะไรหวงๆ “หวงเพื่อนหรือหวงฉันล่ะ หึ!” เจอประโยคนี้เข้าไปตายเลยฉัน ไปไม่เป็น หวงเขา? ฉันมีสิทธิ์นั้นด้วยเหรอ อร๊ายยยย...หนูอยากกรี๊ดให้ดังไปถึงโลกที่สาม คุณขา...หนูจะตายไหมคะ ใจหนูมันเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ได้แล้ว ความร้อนก็เห่อขึ้นใบหน้าจนทะลุสมองไปแล้วมั้ง งื้อออ ถ้านี่เป็นฝันก็คงเป็นฝันดีที่สุดและฉันคงไม่อยากตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกแห่งความจริงอีกเลย ครืดดดด~ ครืดดดด~~ ป๊อก!! โอ๊ะ!! นิ้วเรียวดีดมาบนหน้าผากเพื่อเรียกสติฉัน และมันได้ผล ฉันกลับมาสู่โลกแห่งความจริง พร้อมกับยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ “มีสายเข้า” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบพลางหยัดยืนเต็มความสูงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนตัวเองทั้งสองข้าง พยักพเยิดหน้าไปทางมือถือฉันที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ฉันเดินมาหยิบมือถือขึ้นเลื่อนสไลด์รับสายพี่สาวตัวเอง ทั้งที่ยังลอบมองผู้มาเยือนเป็นระยะ [หนูเฌอ เค้าไปไม่ได้แล้วว่ะ มีธุระด่วนอะ ไว้วันหลังนะ] เสียงหวานกรอกมาตามสาย ดึงสติฉันให้กลับมา สมองฉันตัดเรื่องคุณวาโยออกไปชั่วขณะ เพราะพี่สาวที่รักเทฉันในวินาทีสุดท้ายอีกแล้ว ทำแบบนี้กับฉันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ลมหายใจถูกพ่นออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะครางรับกลับไป “อืม” ติ๊ด!! และพอได้รับคำตอบจากฉัน ปลายสายก็กดวางสายทันที ฉันควรจะชินได้แล้ว อาหารฉันเป็นสายบัวรอเก้ออีกแล้ว ฉันวางมือถือลงบนโต๊ะอาหาร และหยิบจานอาหารกำลังจะเทลงถังขยะ แต่มีมือหนามาคว้าไว้ซะก่อน “ทำอะไร” เขาถามขึ้นเสียงเข้มพลางแย่งจานอาหารจากมือฉันไปวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ยัยพี่สาวตัวดีทำให้ฉันลืมไปเลยว่ามีอีกคนอยู่ในห้องด้วย “ทิ้งค่ะ ในเมื่อไม่มีใครอยากจะกินมัน ก็ต้องทิ้งไม่ใช่เหรอคะ” ฉันพูดบอกเขาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจพี่สาวตัวเอง ฉันรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมานอยใส่คนที่ไม่รู้เรื่อง แต่มันอดไม่ได้นี่นา นัดทุกเดือน แต่ไม่เคยมาตามนัดสักที ฉันก็ยังบ้าบอ ทำอาหารรอเธอทุกครั้ง และจบด้วยการเททิ้งทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน “บ้านรวยนักรึไง ขนาดบ้านฉันรวยล้นฟ้ายังไม่เคยทิ้งอาหารเรี่ยราดแบบนี้เลย” “.....” นี่เขากำลังด่าฉันอีกแล้วใช่ไหม “ตักข้าวมาดิ” เขาพูดขึ้นพลางเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งอย่างถือวิสาสะ “หื้มม” ฉันหูฝาดไปรึเปล่านะ นะ...นี่เขากำลังจะกินอาหารฝีมือฉัน เรื่องจริงใช่ไหม...? “ก็ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ เรื่องที่เธอหาคำตอบให้ฉันไม่ได้ก็แล้วกัน” “ก็ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษ เรื่องที่เธอหาคำตอบให้ฉันไม่ได้ก็แล้วกัน” “.....” ฉันอึ้งไปเลย แบบนี้ก็ได้เหรอ แล้วสรุปคือฉันผิดใช่ไหมเนี่ย ก็พอจะรู้มาบ้างนะ ว่าคุณเขาเป็นคนมึนๆ แต่ไม่คิดว่าจะมึนขนาดนี้ “เอ้า! ยืนเอ๋ออยู่ได้ ฉันจะได้กินข้าวไหมวันเนี้ย” “อะ...อ๋อค่ะ” ฉันกุลีกุจอตักข้าวใส่จานแบบร้อนรน มือไม้สั่นไปหมด เม้มปากกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม นะ...นี่เขากำลังจะลดตัวลงมากินอาหารพื้นๆ ฝีมือฉันจริงๆ เหนือความคาดหมายไปมากเลย ฉันถือจานข้าวไปบรรจงวางตรงหน้าเขา ก่อนจะถอยออกมาก้าวหนึ่ง เอามือไขว้หลัง ทอดสายตามองไปยังผู้มาเยือนแสนพิเศษ ดีนะที่มื้อนี้ฉันตั้งใจทำสุดฝีมือ อย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้ฉันมีอะไรดีขึ้นมาบ้างในสายตาเขา แค่นี้ก็พอแล้ว… “ทำไมยืนค้ำหัวฉัน” เสียงทุ้มปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ก่อนจะก้าวขาถอยหลังไปอีกสามก้าวยาวๆ ทีนี้ก็ไม่ค้ำหัวเขาแล้ว “ยัง!” ยังอีกเหรอ นี่มันก็ไกลมากแล้วนะ คิ้วบางขมวดเป็นปมอย่างสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป ทำได้แค่ถอยหลังไปอีกสามก้าว “ยังอีก” ฮะ!! ยังอีก ฉันเอี้ยวตัวไปมองด้านหลังตัวเอง ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูงที่นั่งมองฉันอยู่ที่โต๊ะอาหารโน่น คืออีกก้าวเดียวฉันจะออกไปอยู่นอกห้องแล้วนะ ยังค้ำหัวเขาอยู่อีกเหรอ แต่สุดท้ายฉันก็ถอยไปอีกก้าวจนติดกำแพง “ยังๆ ยังไม่เดินกลับมานั่งอีก ฉันบอกให้ถอยไปรึไงฮะ!” เสียงทรงพลังแผดขึ้นจนฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนเท้าเล็กจะสาวกลับไปที่โต๊ะอาหารลากเก้าอี้ออกมานั่งอย่างไว พลางก้มหน้างุดลงกับจานเปล่าตรงหน้า เอ่ยบอกเขาแบบรีบๆ “นั่งแล้วค่ะ หนูนั่งแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD