หมับบบ...อ๊ะ!
ฉันสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับเซถลาไปข้างหน้าตามแรงลากของคนตัวสูงที่คุ้นตา ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างนั่นไปด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ถูก จนในที่สุดร่างฉันก็ถูกลากเข้ามาในห้องพักฟื้น VIP ของโรงพยาบาลที่ไม่มีคนไข้มาใช้บริการ ประตูถูกปิดลงอย่างแรงด้วยฝีมือของเฮียวาโยและแผ่นหลังฉันถูกดันจนชิดติดผนังห้องในเวลาต่อมาด้วยฝีมือของคนเดียวกัน
ปึกกก
ฝ่ามือหนายกขึ้นตบผนังข้างๆ ใบหน้าฉันอย่างแรงทั้งสองข้าง จนฉันต้องหดคอหลับตาหนีด้วยความหวาดกลัว เสียงทุ้มต่ำดังลอดไรฟันออกมาจากคนตัวสูงตรงหน้า
“เธอหลอกฉันทำไม”
ฉันหรี่ตาขึ้นและพบว่าใบหน้าของเราสองคนอยู่ห่างเพียงคืบ เขาจ้องฉันอย่างไม่ลดละ แววตาวาวโรจน์โกรธจัด ซ้ำยังขบกรามแน่นคล้ายกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เหล่านั้นอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างถูกแสดงออกมาทางสายตาจนหมดสิ้น
ว่าแต่ฉันไปหลอกอะไรเขาตอนไหนกัน เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันนะ และพอฉันเงียบไปสักพักคนหัวร้อนตรงหน้าก็เร่งเร้าเอาคำตอบจากฉันด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีกโทน
“ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้!”
“ละ...หลอกอะไรคะ” เสียงเขาทำให้ฉันตกใจหลุดพูดในสิ่งที่คิดออกไปแบบรีบๆ และดูเหมือนมันจะยิ่งไปกระตุ้นภูเขาไฟในร่างกายคนตรงหน้าให้ปะทุสูงขึ้นไปอีก เฮียวาโยกัดฟันจนได้ยินเสียงกรอดเล็ดลอดออกมา ใบหน้าหล่อเหลาก็ดูมีสีขึ้นกว่าเดิม อาการของคนเลือดขึ้นหน้ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง และถ้าเดาไม่ผิดฉันโดนอีกแหงๆ
“อย่ามาตีหน้าซื่อ พูดมา!!” นั่นไง...โดนจริงๆ ด้วย งื้ออออ เฮียขา หนูทำอะไรผิดอีกแล้ว
“พูดค่ะ...พูดๆ” ฉันรีบตอบรับทันทีแบบรีบๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่รู้จะพูดอะไร เลยถามออกไปแบบโง่ๆ เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ละ...แล้วจะให้หนูพูดอะไรล่ะคะ”
“พูดอะไร? นี่เธอไม่มีแม้แต่คำอธิบายให้ฉันงั้นเหรอ ยัยเด็กบ้า!!”
แต่มันก็ยังดังอยู่ดี เพราะดูท่าทางคนฟังจะไม่พอใจเอามากๆ กับประโยคของฉัน แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็ไม่รู้จริงนินา แล้วยังมีคำอธิบายอะไรเพิ่มเข้ามาอีกอะ งงหนักเข้าไปอี๊ก เครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มถูกเขวี้ยงเข้าหน้าฉันอย่างจัง
“....?”
“อย่าบอกว่าเธอไม่รู้ ว่าฉันกะไอ้หมอเป็นเพื่อนกัน ตอนวันเกิดไอ้ดินฉันก็อยู่ ไม่เห็นฉันหรือจำฉันไม่ได้เลยรึไงวะ” เขาพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดพลางยกมือขึ้นบีบไหล่ทั้งสองข้างของฉันแน่น ความจริงฉันก็ควรเจ็บนะ แต่ช็อกมากกว่า ถ้าเขาจำได้แล้ว...ว่าฉันเป็นคนถูกลากเข้าไปให้โทรหลอกเพื่อนพวกเขา งั้นก็แสดงว่าคุณหมอไวน์ต้องบอกอะไรเฮียวาโยแน่ๆ เลยใช่ไหม เขาถึงมาถามฉันแบบนี้
แต่ฉันเนี่ยนะที่จะจำเขาไม่ได้หรือทำเป็นไม่เห็นเขาทั้งๆ ที่เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในสายตาฉันตลอด เฮียต่างหากที่ไม่เคยเห็นหนูอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง เฮียต่างหากที่ไม่เคยจำหนูได้
“ทำไมถึงไม่บอกฉันวะ ฮะ!” เฮียวาโยตะคอกใส่ฉันเสียงลั่น จนฉันถึงกับสะดุ้งโหยง ก่อนจะตอบกลับตามความจริงด้วยเสียงอ่อยๆ
“ก็เฮียไม่ได้ถามหนิคะ”
“เหอะ...” เฮียวาโยเค้นเสียงในลำคออย่างหงุดหงิดก่อนจะลดมือลงเท้าเอวตัวเองทั้งสองข้าง แล้วพูดถามฉันเสียงเรียบแล้วส่ายหน้าไปมาซ้ำๆ
“สรุปฉันผิด?”
“เปล่านะคะ หนูไม่ได้ว่าเฮียผิดซะหน่อย” ฉันรีบปฏิเสธทันที เพราะฉันไม่ได้ว่าเขาจริงๆ ใครจะกล้าว่า โหดขนาดนี้...โดนฆ่าปาดคอเอาง่ายๆ เลยนะ
“แล้วยังไง!! สุดท้ายฉันก็ผิดอยู่ดี” เขาหันกลับมาตะคอกฉันเสียงลั่นและผ่อนเสียงลงอีกระดับในประโยคหลัง แถมแววตาเขายังดูเศร้าลงไปเยอะเลย
“เฮียเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“สนุกไหม ทำแบบนี้สนุกดีไหม” ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังที่ฉันถามไปสักนิดเลย คนอุตส่าห์เป็นห่วง แต่เขากลับถามเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีซับเจค ไม่เกริ่นบทนำ มาแบบโล้นๆ ให้ตีความหมายเองตลอด มันคงเป็นเรื่องที่ฉันมาทำงานที่นี่ล่ะมั้ง
“ก็ดีนะคะ แต่หนูเหนื่อยมากกว่า เพราะตะ…”
“พอ!! แม่งเอ๊ยยย!” เฮียวาโยเอ่ยปากห้ามเสียงแข็ง จนฉันรีบเม้มปากเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรงพร้อมกับกลืนประโยคที่ว่า เพราะต้องเรียนไปด้วยแล้ววันไหนไม่มีเรียนก็ต้องมาทำงานที่นี่ กลับลงไปในลำคอเหมือนเดิม แต่ฉันพูดอะไรผิดอีกงั้นเหรอ ก็ไม่มีคำไหนผิดแล้วก็ไม่เพราะเลยนินา งง? นะเนี่ย...
“ฉันจะใช้คำไหนกับเธอดีนะ ถึงจะเหมาะสม...ฮะ!!!”
“มะ...ไม่รู้ค่ะ” ริมฝีปากบางขยับตอบแบบรีบๆ ทันทีเพราะกลัวว่าจะโดนดุอีก
“นี่เธอ!!!”
นั่นไง...มัวแต่กลัว ลืมกลั่นกรองไปเลย ว่ามันเป็นประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบรึเปล่า ทำไมโง่แบบนี้นะ เฮียเขาแค่บ่นน่ะ รู้จักไหม...เฌอนารีน อยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายจริงๆ ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยขอโทษเขาเสียงแผ่ว
“ขอโทษค่ะ”
“จิ๊! ให้ตายเถอะ ไอ้หมอมันเลือกเธอได้ยังไงกันวะ”
“น่าจะเพราะหนูมาสายนี้มั้งคะ” ก็ฉันเรียนสายพยาบาลมาโดยตรง ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยที่คุณหมอไวน์จะรับฉันเข้าทำงานพาร์ทไทมที่โรงพยาบาล เฮียวาโยคงจะกลัวว่าฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนตัวเองใช่ไหมล่ะ แล้วเฮียวาโยก็หันมามองหน้าฉันแบบอึ้งๆ ฉันก็งงๆ แต่ก็ส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้เขา
“เหอะ! ต้องมั่นเบอร์ไหนวะ”
“คะ?” ฉันขอใช้ตัวช่วยทวนคำถามอีกครั้ง ขอแบบกระจ่างแจ่มแจ้งกว่านี้อะ แบบนี้ไม่เก็ทเลย งง?
“โว้ยยย! เลิกทำหน้าแบบใสซื่อบริสุทธิ์ซะทีได้ไหม เห็นแล้วรำคาญลูกตาชะมัด” เฮียวาโยร้องขึ้นเสียงลั่นพร้อมกับดึงทึ้งผมตัวเองอย่างหัวเสีย ส่วนฉันทำได้แค่ผงะถอยจนติดผนังแนบชิดเข้าไปอีก ถ้าทะลุไปห้องข้างๆ ได้ก็คงทะลุไปแล้วอ่ะ มองคนตรงหน้าตาปริบๆ วันนี้ทำไมเขาดูอารมณ์ไม่ดีเลย ฉันทำอะไร พูดอะไรก็ดูขัดหูขัดตาเขาไปหมด ฉันเงียบดีกว่าเนอะ...เอ๊ะ! หรือควรออกไปจากตรงนี้ดี
ฉันรีบก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเองอย่างไวเมื่อสายตาพิฆาตตวัดมองมา ใจฉันเต้นระส่ำไปหมด ทั้งกลัว ทั้งตกใจ ทั้งงง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ…