DANGEROUS LOVE : 24

980 Words
ร่างฉันถูกวางลงบนเบาะรถหนานุ่มฝั่งคนนั่งอย่างเบามือ ก่อนที่เฮียวาโยจะโน้มตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดผ่านตัวฉันไปกดล็อกอีกฝั่ง เขาดึงตัวกลับไปยืนตรงเหมือนเดิมแล้วถอดเสื้อแจ็กเกตมาคลุมให้ ยกมือลูบหัวทุยเล็กเบาๆ อย่างอ่อนโยน แล้วดันประตูรถปิดเข้ามา วิ่งอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งอย่างเร่งรีบ เขาจัดระเบียบให้ตัวเองขณะที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยภายในเวลาอันรวดเร็วและขับรถออกไปทันที สายตาฉันยังคงจับจ้องไปที่เขาตลอดเวลา พลางคิดไปถึงว่าเขามาไม่ทันล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรับมือกับเหตุการณ์แบบนั้นได้ยังไง และยิ่งคิดเบ้าตามันก็ยิ่งร้อน น้ำใสก็ยิ่งเอ่อ สุดท้ายมันก็หยดแหมะลงมาบนมือที่จับกันไว้แน่นบนตัก ฉันรีบเบือนหน้าไปมองนอกกระจกรถด้านข้าง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆ บางทีฉันก็ไม่อยากอ่อนแอให้เขาเห็น ไม่ว่าเขาจะเป็นห่วงฉันในฐานะอะไรก็ตาม ฉันก็ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาฉันอยู่ดี สักพักรถก็เคลื่อนมาจอด ณ ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งฉันไม่คุ้นตาเอาซะเลย แต่อาจรู้จักนะ ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นสนามแข่งรถของเขา แล้วเฮียวาโยพาฉันมาที่นี่ทำไมกันล่ะ ฉันหันกลับไปทางคนขับเพื่อจะถาม แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ร่างหนาก็ออกไปอยู่นอกรถพร้อมกับสาวเท้าอ้อมมาเปิดประตูให้ฉันซะแล้ว “ฮะ...เฮีย ทำอะไรคะ” ฉันโพล่งขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผงอกแกร่งที่โน้มตัวเข้ามาในรถตรงตำแหน่งที่ฉันนั่งอยู่ และด้วยพื้นที่แสนคับแคบทำให้เราใกล้กันเกินไป แบบนี้มันเป็นอันตรายต่อหัวใจฉันมากเลยนะ “อยู่เฉยๆ” เสียงดุเล็ดลอดออกมาจากคนตรงหน้าก่อนที่เข็มขัดนิรภัยของฉันจะถูกปลดออกด้วยฝีมือของคนคนเดียวกัน ร่างฉันลอยลิ่วขึ้นกลางอากาศมาอยู่ในอ้อมแขนเฮียวาโยในเวลาต่อมา แขนเล็กยกขึ้นคล้องคอเขาโดยอัตโนมัติเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวกันตัวเองร่วงลงสู่พื้น “เฮีย หนูเดินเองได้นะ” “ไม่ต้องพูด” สิ้นเสียงเขาริมฝีปากฉันก็เม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรงทันที โดนดุอีกแล้ว เฮียวาโยคนอ่อนโยนเมื่อครู่นี้ไปไหนแล้วล่ะ แล้วเฮียวาโยก็อุ้มฉันไปยังจุดหมายที่ฉันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าที่ไหน ฝีเท้าเฮียวาโยหยุดลงพร้อมกับร่างฉันถูกบรรจงวางลงให้เท้าแตะพื้นอย่างเบามือโดยยังมีเฮียวาโยประคองไว้อยู่แบบนั้น แต่ก็ดีนะ...เพราะไม่งั้นฉันคงล้มลงไปกองกับพื้นแน่ๆ จุกท้องชะมัด…ฉันยกมือขึ้นกุมหน้าท้องไว้เพราะมันอาจทำให้ฉันทรงตัวยืนอยู่ได้ แต่มันดันไปเป็นที่สะดุดตาของคนที่พาฉันมานี่น่ะซิ “หนูเฌอ ทำไมกุมท้องแบบนั้น” เสียงเฮียวาโยถามขึ้นในจังหวะเดียวกับที่เขาไขกุญแจและดันประตูห้องห้องหนึ่งเปิดได้สำเร็จ ฉันชะงักไปในทันทีไม่ใช่เพราะประโยคคำถามของเขา แต่เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปของเขาต่างหาก ไหนจะคำแทนตัวเองในตอนนั้นอีก อ๊ะ!! แล้วร่างฉันก็ลอยลิ่วขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนเฮียวาโยอีกครั้ง และถูกวางลงบนโซฟาที่ไกลจากประตูห้องไม่มากนักในเวลาต่อมา แล้วเขาก็ย่อตัวลงชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งเพื่อทรงตัวตรงหน้าฉันในระดับเดียวกัน “ฮะ...เฮีย ไม่ได้นะคะ” จิ๊! ฉันรีบรั้งมือหนาที่กำลังจะดึงชายเสื้อที่หลุดลุ่ยจากการขัดขืนต่อสู้กับคนพวกนั้นเปิดขึ้น แล้วยังมีหน้ามาส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอใส่ฉันอย่างหงุดหงิดอีกนะ คือฉันเป็นผู้หญิงไหม อยู่ๆ จะมาเปิดเสื้อดูแบบนี้มันก็ไม่ได้รึเปล่าอ่า “มันต่อยท้องหนูเหรอ” เฮียวาโยถามขึ้นทั้งๆ ที่มือยังคงจับชายเสื้อฉันไว้แบบนั้น ถึงเขาจะไม่เปิดขึ้น เขาก็ไม่ยอมปล่อย และฉันก็วางใจปล่อยมือจากเขาไม่ได้เช่นเดียวกัน “.....” ฉันเงียบ แล้วก้มหน้างุดลงทันที นั้นก็ไม่ใช่เพราะคำถามอีกนั่นแหละ ทำไมสรรพนามที่เฮียวาโยใช้วันนี้มันทำให้ใจฉันสั่นจนไม่อาจควบคุมได้ทั้งนั้นเลย เรื่องอื่นน่ะ ฉันไม่สนใจอีกแล้ว… “แม่งเอ๊ย!!!” เฮียวาโยสบถออกมาเสียงลั่น จนฉันสะดุ้งสุดตัว หนำซ้ำเขายังกำชายเสื้อฉันแน่นขึ้นอีกพลางหลบสายตาเกรี้ยวกราดคู่นั้นลงจ้องหน้าท้องฉันผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ปกปิดอยู่อย่างไม่ลดละ นี่ขนาดเขาไม่เห็นร่องรอยพวกนั้นนะ ถ้าเห็นล่ะจะขนาดไหน...มีหวังพังพินาศแน่ๆ “รอเฮียอยู่ในนี้ ห้ามไปไหน ใครมาเคาะ ก็ห้ามเปิด ถ้าไม่ใช่เฮีย เข้าใจไหม” เสียงคำสั่งเข้มดังออกมาเป็นชุด ฉันทำได้แค่พยักหน้ารับแทนคำตอบไปก็เท่านั้น เพราะตอนนี้อารมณ์เขายากจะคาดเดา กรามที่ขบกันแน่นจนเป็นสันบ่งบอกอารมณ์ของเขาได้ดีเป็นที่สุด เฮียวาโยหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วหมุนตัวเดินไปออกจากห้องพร้อมดึงประตูปิดลงทันที ทิ้งคำถามไว้ให้ฉันเต็มไปหมด เขาพาฉันมาที่นี่ทำไมกัน ทำไมไม่พากลับห้อง แล้วเฮียวาโยกำลังจะไปไหน ทำไมต้องให้ฉันรอด้วย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD