ครอบครัว

1721 Words
1 เดือนผ่านไป สนามบิน “น้ำพุ มึงอยู่ไหนวะ” [คอนโด มึงกลับมาแล้วหรอ] “เออ..แล้วรถเสร็จยังวะ” [เสร็จแล้ว แลนด์โลเวอร์แม่งยากจัดแล้ว..ตอนนี้มึงอยู่ไหน?] “สนามบิน” [มึงเพิ่งลงเครื่องใช่มั้ย? กูกับน็อตว่าจะเข้าไปที่เซฟเฮ้าส์พอดีมึงจะให้กูไปรับมึงไหม] “ไม่ต้องเดี๋ยวกูกลับเองไปเจอกันที่เซฟเฮ้าส์เลย” ก่อนที่สองจะกลับเข้าไปที่ เซฟเฮ้าส์ก็ได้แวะไปที่ห้างชื่อดังแห่งนึงในกรุงเทพฯเพื่อจะซื้อของใช้และโทรศัพท์ให้กับคนที่รออยู่ที่ safe house สำหรับของเธอก็น่าจะมีแค่รุ่นเดียวที่เลือกเพราะเป็นพนักงานเก่า “สวัสดีค่ะ คุณลูกค้า ดูเป็นรุ่นไหนดีคะ” “OPPO ครับ” “OPPO ด้านนี้เลยค่ะคุณลูกค้า คุณลูกค้าอยากได้ราคาประมาณไหนดีคะ” “เอาเป็น Find 1 เครื่องครับมีสีขาวไหมขอเป็นสีขาวแล้วก็ Reno 5g อีก 3 เครื่องครับแค่เปิดประกันพอนะครับอย่างอื่นไม่ต้องเดี๋ยวคุณเขาไปจัดการเองครับ” และหลังจากที่สองซื้อโทรศัพท์มือถือให้กับคนที่อยู่ที่เซฟเฮ้าส์เสร็จสองก็อยู่เลือกของต่อให้กับเธออีก 2-3 อย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวหรือแม้แต่ของกินที่เธอชอบไปให้ด้วย เพราะสองคงคิดว่าเธอคงน่าจะเบื่ออาหารที่จำกัดให้กินในการฝึกร่างกายแน่ๆและถือเป็นรางวัลก่อนวันทำงานจริงแล้วกัน 16:45 น. เซฟเฮ้าส์ 🏡 “อ้าว! พี่สองน้องนึกว่าพี่จะไม่กลับมาแล้วไปทีเป็นเดือนเลย” อั้มทักสองหลังจากที่เห็นสองเดินเข้ามาและยังมีของที่ถือมาจนเต็มไม้เต็มมืออีกด้วย “กลับสิ.. พี่จะไม่กลับได้ยังไงในเมื่อครอบครัวพี่อยู่ที่นี่” “ครอบครัว?” อั้มถามย้ำกับคำพูดของสองเพราะอะไรสองถึงได้ใช้คำนี้กับที่นี่กันหรือแค่เพราะคุ้นเคยกับคุณหยางผู้เป็นเจ้านาย “อ๋อ…เออช่างเถอะเอาอาหารพวกนี้ไปจัดการและอุ่นไว้เป็นอาหารเย็นนะ ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองสำหรับงานใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นละกัน” “อ่อ…โอเคครับ อ้อ! แล้วอาหารทะเลพวกนี้จะให้ทำเมนูอะไรบ้างเหรอ” “กุ้งกับปูนึ่งก็ได้ถ้าเป็นอบหรือย่างทีนคงไม่น่าชอบ” “อ่อ…ส่วนกุ้งแม่น้ำ อันนี้อย่านึ่งจนสุกมากนะทีนเขาไม่ชอบทีนชอบกินแบบมันเยิ้มๆนะส่วนปลาหมึกนี่น้องจะทำอะไรก็แล้วแต่เลย” “อ้อ….พี่ลืมบอก…ว่ามีผักสลัดอยู่ด้วยนะไว้ทำสลัดให้ทีนเขาด้วยชีสกับมะเขือเทศก็อยู่ในถุงนะ” “ครับ……?” อั้มที่ได้แต่ทำหน้างงกับคำสั่งของสองว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอผู้เป็นเจ้านายของเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรแต่ยังไม่ได้ทันได้ถามออกไปสองก็รีบเดินหนีหายไปทางโรงรถด้านหลังทันที “มาสักทีนะมึง! กูคิดว่ามึงคงหลงทางอยู่ในกรุงเทพฯแล้วล่ะมั้ง” น็อตถามขึ้นหลังจากที่มานั่งรอเพื่อนรักอย่างสองเกือบ 1 ชั่วโมงเต็ม “เออ.. ขอโทษว่ะพอดีไปซื้อของมาเลยนาน” “เออ! แต่ถ้ามึงช้าอีกนิดกูคงจะชวนไอ้พุกลับละ” น็อตพูดทั้งหัวเสีย “เออๆโทษๆ แล้วรถเป็นไงบ้างวะกูจะต้องเชื่อมต่ออะไรกับรถบ้างไหม” หลังจากของโทษน็อตเสร็จสองก็หันไปถามเพื่อนอีกคนอย่างน้ำพุทันที “ถ้าออนไลน์เลยก็มือถือส่วนถ้าต้องการเช็คว่ารถทุกคันอยู่ตรงไหนก็สามารถเช็คกับ notebook เครื่องนี้ได้เลยเหมือนกันอ่ะนี่ notebook !” น้ำพุพูดขึ้นพร้อมกับส่งโน๊ตบุ๊คแบรนด์ดังสีขาวให้กับเพื่อนรักอย่างสอง “อ๋อ…เออ…ขอบใจว่ะแล้วอย่างอื่นมีอะไรอีกมั้ย” “เอาโทรศัพท์มึงมาก่อนเดี๋ยวกูเชื่อมต่อออนไลน์ให้มึงเลยระบบอันนี้จะเป็นการเชื่อมต่อกันทั้ง 3 คันนะ ถ้ามึงอยากรู้ว่าคันไหนอยู่ตรงไหนมึงก็เช็คหรือเลือกได้เลยตามนี้” น้ำพุพูดขณะที่สอนเพื่อนอย่างสองใช้แอปที่ตัวเองเขียนโค้ดสร้างขึ้นมา “ส่วนช่องเก็บของมึงก็เลือกไปที่เมนูคำสั่งบนจอของรถนะแล้วกดไปที่วิทยุแล้วมึงก็ใส่รหัส XXXXX ถ้ามึงใส่ถูกช่องเก็บของลับก็จะเปิดออกมาแบบนี้” ทันทีที่น้ำพุกดรหัสเสร็จช่องเก็บของด้านล่างจอก็เปิดออกและทำให้เห็นเป็นช่องกว้างเปิดขึ้นให้เห็น และสองที่อยู่ในท่าทางยืนดูอย่างตั้งใจ “อ๋อและถ้ามึงกดรหัสผิดวิทยุก็จะทำงานตามปกตินะ” “สุดยอด…สมแล้วที่เป็นมึงเรื่องไอทีนี้ต้องเป็นมึงจริงๆ” “เออ….ขอบคุณครับคุณเพื่อน” “อีก 2 คันก็เหมือนกันนะรหัสเดียวกันนะมึง” “เค…งั้นเข้าไปข้างในกันดีกว่า” หลังจากทั้ง 3 คนเช็ครถกันเสร็จแล้วก็ได้เดินเข้ามาข้างในตัวบ้านของเซฟเฮ้าส์โดยที่ทั้ง 3 คนเดินคุยเรื่องต่างๆกันจนเข้ามาถึงในตัวห้องยิมชั้นล่างห้องในสุดของตัวบ้าน ห้องยิมหรือโรงยิมจะเป็นห้องที่มีอุปกรณ์ครบแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเครื่องออกกำลังกายอุปกรณ์การต่อสู้หรือแม้แต่สระว่ายน้ำ และพอเข้ามาถึงทั้ง 3คน ก็ได้ยืนดูเธอที่กำลังซ้อมอยู่อย่างขะมักเขม้น สักระยะนึงจนสองได้เอ่ยเรียกเธอคนนั้น “ทีนคะ พักได้แล้วค่ะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะแล้วก็ลงมาเจอกันที่โต๊ะทานข้าวนะ” แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอที่กำลังซ้อมการต่อสู้อยู่กับภูอยู่นั้นจนต้องชะงักกับเสียงเรียกของผู้ชาย ด้านหลังที่ก่อนหน้านี้ได้โทรมาบอกข่าวว่าเด็กๆสบายดีและได้ให้เธอคุยกับเด็กๆโดยผ่านการคุยและวีดีโอคอลในโทรศัพท์ของชายผู้เป็นหมอที่ถูกจ้างงานมาจากสองให้มาหาเธอในสัปดาห์ที่ผ่านมา “OK ตอนแรกที่โทรมานึกว่าจะกลับเร็วกว่านี้ซะอีก ชักช้า!” เธอที่หันมาพูดกับสองพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบกับชายที่ถือว่าตอนนี้ได้เป็นลูกน้องเธออย่างเต็มตัวส่วนในความคิดของเธอนั้น เธอเองก็ยอมรับว่าในตอนนี้ที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีสามีแต่การที่เธอยังคงมีทุกคนอยู่กับเธอในเวลานี้พวกเขาเปรียบเสมือนกับคนในครอบครัวของเธอด้วยเช่นกัน เพราะไม่ว่าตอนที่เธอป่วยก็ยังมีอั้มผู้ช่วยคนสนิทที่คอยดูแลเธอ และจัดการธุระต่างๆให้เธอได้ไม่มากก็น้อยหรือไม่ว่าจะเป็นภู ธีร์เองก็ตามที่คอยดูแลความปลอดภัยและยังคงคอยเป็นพ่อบ้านจัดหาหรือซื้อของเข้าบ้านให้ตลอด และคนสุดท้ายที่แม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้าบ่อยอย่างกับอั้มภูหรือธีร์ แต่การที่เขาคอยช่วยเหลือดูแลเด็กๆแทนนี่คือเรื่องที่ดีมากเลยเช่นกันเพราะต่อให้เธอจะรู้ว่าสิงคโปร์มันจะปลอดภัยกับลูกของเธอและเด็กๆจะไม่มีวันลำบากแน่นอนเพราะมีแม่บ้านคอยดูแลให้ตลอดแต่การที่มีซันคอยดูแลเรื่องต่อสู้และฝึกการป้องกันตัวนั้นกลับกลายเป็นเรื่องที่เธอกังวลใจมากเช่นเดียวกันไม่ใช่ว่าซันกับทรายไม่ดีนะ แต่ครั้งแรกที่สองบอกกับเธอว่าจะให้เด็กๆฝึกศิลปะป้องกันตัวนั้นเธอกลับกลัว และกังวลไม่ใช่น้อยเพราะคนที่ฝึกนั้นเป็นซัน เธอกลัวว่าลูกของเธอจะฝึกจนเหนื่อยเกินไป และกลัวว่าเด็กๆจะอยู่ไม่ได้เพราะด้วยนิสัยของซันแล้วนั้น ซันคือคนที่ซื่อสัตย์มากคนนึงเลยก็ว่าได้แถมเป็นลูกน้องที่ดีมาก ๆ คนนึงแต่ซันมีนิสัยที่แข็งเกินไป จนแม้บางครั้งจะหักหรืองอ นั้นยังจะยากเกินไป ซันแทบจะเป็นคนที่ถือได้ว่าเป็นคนเก่งแต่ก็โหดมากเช่นกัน เพราะเขาไม่มีความอ่อนโยนในตัวเลยแม้แต่น้อย ถึงซันจะมีคนรักแล้วก็ตาม แต่กับทรายเธอที่ทั้งแข็งและแกร่งไม่แพ้กัน ทั้งคู่เป็นคนที่มีรักและรู้จักรักด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งแน่นอนว่าความเป็นห่วงเป็นใยกันนั้นมีให้กันตลอด แต่ทั้งคู่กลับหาความอ่อนโยนและปราณี ต่อคู่ต่อสู้ไม่ได้เลยเช่นกัน เธอกลัวว่าวันนึงลูกของเธอจะกลายเป็นคนแข็งและเฉยชาจนสูญเสียตัวตนของตัวเองไป เพราะก่อนที่สามีของเธอจะจากไปนั้น สามีเธอมักจะบอกกับเธอเสมอว่าจะให้เด็ก ๆ คอยมีสองเป็นคนดูแลเพราะสองนั้นเป็นคนเก่งไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ต่างกันนั้นคือ..สองยังมีความอ่อนโยน ความแข็งแกร่งได้ในคนคนเดียวแต่ถ้าเปรียบกับซัน แล้วนั้นความอ่อนโยนแทบไม่มีเลยและเรื่องนี้เธอก็เห็นด้วยกับสามีเธอทุกประการ และหลังจากที่เธอเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนไปถึงห้องนอนของเธอนั้นก็ได้พบกับถุงสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ารองเท้าหรือแม้แต่เครื่องสำอาง เพราะตั้งแต่เธอที่ต้องหนีออกมาในวันนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้ไปข้างนอกหรือซื้อของใช้ส่วนตัวได้อีกเลยได้แต่ใช้ของที่เขาซื้อและจัดเตรียมไว้ให้เท่านั้นตั้งแต่ก่อนที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำเพราะของที่ถูกซื้อตุนไว้มันก็มากพอให้เธอและทุกคนได้ใช้เป็นปี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD