“ฟื้นแล้วเหรอคะ” สองพูดขึ้นในขณะ ที่เธอกำลังลืมตาตื่น
“คนอื่นล่ะ…..อั้มไปไหน”
“ไม่มีใครอยู่หรอกคะ”
“ยังเจ็บแผลมากมั้ยคะ”
“เจ็บไม่มากแล้ว หลับไปนานมั้ย”
“ 3 วันคะ ช่วงก่อนหน้านี้นอนไม่หลับบ่อยเหรอคะ”
เธอที่ได้แต่เพียงเงียบใส่สองไปเท่านั้น เพื่อจะเลี่ยงที่จะตอบคำถามของสองและเปลี่ยนคำถามแทน
“พี่ล่ะ เป็นไงบ้าง แผลดีขึ้นหรือยัง?”
“พี่ดีขึ้นเยอะแล้ว หิวมั้ย อยากกินอะไรหรือป่าว”
“ไม่คะ แต่อยากเข้าห้องน้ำ”
“งั้นเดียวพี่พาไปคะ เดินไหวหรือเปล่าหรือพี่ไปเอากระโถนให้แทนดีกว่า”
“ไม่ต้อง เดินได้ เจ็บแขน ไม่ได้พิการถึงเดินไม่ได้สักหน่อย”
“ไม่ต้องล็อกนะคะ ถ้ามีอะไรเรียกพี่นะ”
“หลบ! เอาหัวออกไปอย่ามอง!”
สองที่ทำหน้าที่คอยดูแลเธอ ตลอดไม่ว่าจะป้อนข้าว ป้อนน้ำ สั่งอาหารที่เธอชอบ หรือแม้แต่คอยนั่งคุยเป็นเพื่อนเวลาที่เธอนอนไม่หลับในตอนกลางคืน จนเธอเองเริ่มรู้สึกปลอดภัยกับสองมากขึ้นและกล้าที่จะไว้ใจสองมากขึ้นมาอีกระดับนึงเลยก็ว่าได้ จนถึงวันที่เธอใกล้จะออกจาก
โรงพยาบาลน็อตก็ได้พาอั้มมาหาเธอ และอยู่เป็นเพื่อนเธอที่ภูเก็ต เพื่อรอจนกว่าที่น้องสาวของธีร์จะมารับศพของพี่ชายเพื่อไปทำพิธีทางศาสนา
“พี่ทีน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหรือยังอยากแวะหาอะไรกินก่อนกลับหรือเปล่า”
“ไม่…แล้วพี่สองกับพี่น็อตล่ะ”
“ไปขึ้นเครื่องกันแล้ว พี่สองให้น้องพาพี่ไปอยู่ที่คอนโดก่อน แล้วค่อยให้น้องขึ้นไปรับของขวัญกับจัดการเรื่องการขายร้านของพี่อีกทีนึง”
“มีคนมาซื้อร้านต่อแล้วเหรอ?”
ร้านที่เธอรู้สึกคุ้นเคย ร้านที่เธอสร้างมันเองกับมือ แต่ทว่าถ้าเรื่องนี้ยังไม่จบเธอก็จะกลับไปที่นั้นไม่ได้อีก เธอที่ในตอนนี้ทำได้เพียงต้องกลั้นน้ำตาที่มันพร้อมจะเอ่อล้นออกมาไปเพียงเท่านั้น ร้านที่มีทั้งความสุขความทรงจำที่ดีของเธอ แต่ในวันนี้เธอกลับจะไม่ได้เห็นมันอีก….
‘ที่นี่รับสมัครงานมั้ยครับ ผมขอโอกาสได้มั้ยครับให้ผมทำอะไรก็ได้ผมทำได้หมดเลยครับ ผมพร้อมเรียนรู้งานทุกอย่างให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ’
‘หนู! ทำไมมั้ยหนูถึงได้มีรอยช้ำแบบนี้ทั้งตัวเลยล่ะ'
หญิงสาวที่เป็นเจ้าของร้านโทรศัพท์ถามขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นเด็กหนุ่มร่างบางในวัยสิบกว่าปี ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำ ได้เดินเข้ามาของานทำเพราะหวังมีชีวิตรอดต่อไป
‘หนู! เข้ามาก่อนบอกพี่มาได้มั้ยว่าทำไมหนูถึงอยู่ในสภาพแบบนี้'
‘พ่อผมได้ไปกู้เงินมา แล้วไม่มีเงินไปจ่ายคืนพวกมันครับมันเลยมาทำร้ายและยึดบ้านผมไปครับ'
‘แล้วพ่อเราละ พ่อไปไหน'
‘พ่อผมเสียแล้วครับ’
‘ตอนนี้หนูพักอยู่ที่ไหน พักกับใคร'
‘ไม่มีครับ บ้านผมถูกยึดไปแล้ว'
‘งั้นเอาอย่างงี้ ประตูทางด้านหลังของร้านมีห้องว่างอยู่ห้องนึงงั้นเราไปพักที่นั่นก่อนแล้วนี่เรายังเรียนอยู่ไหม’
‘เรียนครับใกล้จะจบม.6แล้วครับ’
‘งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวมาอยู่กับพี่ก่อน ส่วนเรื่องเรียนก็ไปเรียนตามปกติเดียวพี่จะส่งเราต่อเอง ส่วนของใช้ต่าง ๆเดี๋ยวพี่ให้คนจัดการให้’
‘แต่…….’
‘เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจเดี๋ยวพี่จะดูแลเราต่อแทนจากพ่อเราเองส่วนเรื่องบ้านถ้ามีโอกาสค่อยไปซื้อเครื่องกลับมาแล้วกันนะ ถ้าเราอยากได้มัน
แต่ถ้าเราเกรงใจหลังจากเลิกเรียนแล้วค่อยมาช่วยพี่ที่ร้านแล้วกัน ถือเป็นค่าตอบแทน'
‘ขอบคุณครับ' หลังจากวันนั้นเธอก็ได้ส่งอั้มให้เรียนจนจบปริญญาและอยู่กับเธอดูแลเธอทุกอย่างจน หยางผู้เป็นสามีได้จ้างเขาเพิ่มให้มาเป็นผู้ช่วยค่อยดูแลเธอ
“ใช่ทั้ง 2 ร้านเลย ทั้งคาเฟ่และก็ร้านโทรศัพท์เลย”
“อ่อ….อื้ม…”
เธอทำได้เพียง นึกเสียดายไปเท่านั้น
“มีที่ไหนที่เรา ต้องขายอีกมั้ย?”
“คอนโดที่นี่ อีกที่เดียวแล้วที่จะต้องขายส่วนบาร์ คุณเหมยกับคุณกวินมาทำต่อ”
เหมยคือน้องสาวของหยางและแน่นอนว่ากวินคือเพื่อนสนิทของหยางทั้งคู่ต่างคบและแต่งงานกันหลังที่ทั้งคู่เรียนจบได้ไม่นาน
🌻
หลังจากที่สองออกจากโรงพยาบาลน็อตก็ได้นั่งเครื่องลงมารับสองทันทีและทั้งคู่ก็รีบเดินทางกลับกรุงเทพทันทีโดยที่น็อตแทบจะเรียกว่าไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ
“มึงจะแค่ลงมารับกูหรือมึงจะแค่มาส่งใคร?”
“สำคัญตัวผิดนะมึงอ้ะ กูก็ไม่ได้อยากลงมารับมึงหรอกถ้าไอ้พุไม่ขอกูและออกเงินค่าตั๋วให้กูอ้ะ ล้าชิปหาย”
“มึงกลายเป็นคนเห็นแก่เงินตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมช่วงนี้มึงช็อตเหรอ หรือแค่หาข้ออ้างหลอกกูไม่ได้?”
“เปล่ากู…ไม่มีอะไรหลอกมึง แต่กูคิดว่าถ้ากูมีโอกาสหาเงินเข้ากระเป๋าแบบง่าย ๆกูก็ทำ”
“เออ! สีข้างถลอกยังมึงอ้ะแถชิปหาย ถ้าถึงแล้วมึงก็ไปพักเถอะเห็นสภาพกูล่ะสงสาร”
“เออ…”
“เรื่องของ น้องไอ้ธีร์เป็นไงบ้างว่ะ”
หลังจากที่น็อต และสองมาถึงที่เซฟเฮ้าส์ น้ำพุที่เพิ่งประชุมเสร็จก็รีบมุ่งหน้ามาหาเพื่อนทั้งสองคนทันที
“เรื่องของน้องธีร์เป็นยังไงบ้างวะได้เรื่องอะไรมั้ย ?”
“ได้ดิ ได้เรื่องว่าที่นั่นไม่ได้มีแค่น้องของธีร์คนเดียวไง”
“ทำไม? มีหลายคนหรอที่พวกมันจับตัวไป”
“ใช่กูไปสืบมาแล้วที่นั่นลักลอบค้าประเวณีด้วยมันจะส่งผู้หญิงพวกนั้นไปขายที่สิงคโปร์ แล้วมันจะนัดส่งผู้หญิงพวกนั้นไปขายในอีก 2 วันข้างหน้า”
“ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็น่าจะรู้แล้วว่าภูมินทร์หักหลังมันมันถึงได้รีบส่งตัวผู้หญิงพวกนั้นไปขายเร็วขนาดนี้”
“มึงพอจะสืบให้กูได้มั้ยว่าใครคือเจ้าของตัวจริงของที่นี่”
“กูไปสืบมาแล้วว่าภูมินทร์กับเวย์เป็นแค่หุ้นส่วนหลอกเท่านั้นเพราะที่จริงแม่ง! 2คนแทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับที่นั่นเลย ชื่อพวกมันถูกใช้แค่บังหน้า”
“แล้วเจ้าของตัวจริงคือใคร”
“หลิวเหยียนผิง”
“ผู้หญิงหรอวะ?”
“ใช่! มันใช้ชื่อเปิดบริษัทในนามว่าเหยียนผิงกรุ๊ปมันมีบริษัทเปิดที่ไทยหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมร้านอาหารมีการร่วมลงทุนอีกหลายบริษัท”
“มันเปิดบังหน้าทั้งหมดเลยหรอวะแล้วมันจดทะเบียนบริษัทที่ไหน”
“จีนบริษัทใหญ่อยู่ที่จีนถ้าเป็นในไทยที่เช็คได้มันก็แค่นักลงทุนมือสะอาดคนนึงเท่านั้น”
“แต่….เดี๋ยวนะบริษัทเปิดที่จีนแต่ส่งค้าประเวณีที่สิงคโปร์”
“อื้ม สตอรี่คุ้นมั้ยล่ะ?”
“มึงจะบอกว่าหยางรู้?"
หลังจากที่สองพูดประโยคนั้นจบ น้ำพุกลับไม่พูดอะไรต่อทำแค่เพียงพยักหน้าเพื่อเป็นการรับรู้แต่กลับไม่มีคำตอบของเรื่องนี้และได้หยิบกาแฟขึ้นดื่ม
“แต่กูว่าหยางเขาไม่น่าจะรู้เรื่องนี้”
“ทำไมมึงคิดงั้น?”
“เพราะตั้งแต่หยางตายกูได้รู้อะไรเยอะขึ้นหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวย์”
“ยังไง? แต่ช่างเถอะเพราะกูเริ่มไม่ติดใจอะไรแล้วเรื่องที่พวกมันต้องการจะฆ่ามึงด้วยอีกคน ไม่ใช่เพราะมึงไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องที่สนิทเท่านั้นแต่มึงเสือกรู้ทุกเรื่องของหยางไง..สอง”
สองที่ยังคงนั่งฟังเพื่อนเขาพูดต่อไปด้วยท่าทีที่เรียบเฉย
“อีก 2 วันใช่ไหม?"
“เออ! แล้วมึงจะเอายังไง?
“มันขนส่งยังไงเรือ รถหรือเครื่องบิน”
“รถโดยมันจะขับลงไปทางใต้โดยจะเข้าผ่านมาเลย์และจะมีคนมารับไปต่อ”
“งั้นกูขอยืมตัวลูกน้องมึงสัก 10 คนได้ไหมกูจะไปดักรอจังหวะที่มันกำลังขึ้นรถเลย”
หลังจากสองพูดจบสองที่ยิ้มด้วยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยขึ้น