ตอนที่ 17 ความทรงจำสีจาง

1469 Words
“ฟื้นแล้วเหรอคะ” สองพูดขึ้นในขณะ ที่เธอกำลังลืมตาตื่น “คนอื่นล่ะ…..อั้มไปไหน” “ไม่มีใครอยู่หรอกคะ” “ยังเจ็บแผลมากมั้ยคะ” “เจ็บไม่มากแล้ว หลับไปนานมั้ย” “ 3 วันคะ ช่วงก่อนหน้านี้นอนไม่หลับบ่อยเหรอคะ” เธอที่ได้แต่เพียงเงียบใส่สองไปเท่านั้น เพื่อจะเลี่ยงที่จะตอบคำถามของสองและเปลี่ยนคำถามแทน “พี่ล่ะ เป็นไงบ้าง แผลดีขึ้นหรือยัง?” “พี่ดีขึ้นเยอะแล้ว หิวมั้ย อยากกินอะไรหรือป่าว” “ไม่คะ แต่อยากเข้าห้องน้ำ” “งั้นเดียวพี่พาไปคะ เดินไหวหรือเปล่าหรือพี่ไปเอากระโถนให้แทนดีกว่า” “ไม่ต้อง เดินได้ เจ็บแขน ไม่ได้พิการถึงเดินไม่ได้สักหน่อย” “ไม่ต้องล็อกนะคะ ถ้ามีอะไรเรียกพี่นะ” “หลบ! เอาหัวออกไปอย่ามอง!” สองที่ทำหน้าที่คอยดูแลเธอ ตลอดไม่ว่าจะป้อนข้าว ป้อนน้ำ สั่งอาหารที่เธอชอบ หรือแม้แต่คอยนั่งคุยเป็นเพื่อนเวลาที่เธอนอนไม่หลับในตอนกลางคืน จนเธอเองเริ่มรู้สึกปลอดภัยกับสองมากขึ้นและกล้าที่จะไว้ใจสองมากขึ้นมาอีกระดับนึงเลยก็ว่าได้ จนถึงวันที่เธอใกล้จะออกจาก โรงพยาบาลน็อตก็ได้พาอั้มมาหาเธอ และอยู่เป็นเพื่อนเธอที่ภูเก็ต เพื่อรอจนกว่าที่น้องสาวของธีร์จะมารับศพของพี่ชายเพื่อไปทำพิธีทางศาสนา “พี่ทีน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหรือยังอยากแวะหาอะไรกินก่อนกลับหรือเปล่า” “ไม่…แล้วพี่สองกับพี่น็อตล่ะ” “ไปขึ้นเครื่องกันแล้ว พี่สองให้น้องพาพี่ไปอยู่ที่คอนโดก่อน แล้วค่อยให้น้องขึ้นไปรับของขวัญกับจัดการเรื่องการขายร้านของพี่อีกทีนึง” “มีคนมาซื้อร้านต่อแล้วเหรอ?” ร้านที่เธอรู้สึกคุ้นเคย ร้านที่เธอสร้างมันเองกับมือ แต่ทว่าถ้าเรื่องนี้ยังไม่จบเธอก็จะกลับไปที่นั้นไม่ได้อีก เธอที่ในตอนนี้ทำได้เพียงต้องกลั้นน้ำตาที่มันพร้อมจะเอ่อล้นออกมาไปเพียงเท่านั้น ร้านที่มีทั้งความสุขความทรงจำที่ดีของเธอ แต่ในวันนี้เธอกลับจะไม่ได้เห็นมันอีก…. ‘ที่นี่รับสมัครงานมั้ยครับ ผมขอโอกาสได้มั้ยครับให้ผมทำอะไรก็ได้ผมทำได้หมดเลยครับ ผมพร้อมเรียนรู้งานทุกอย่างให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ’ ‘หนู! ทำไมมั้ยหนูถึงได้มีรอยช้ำแบบนี้ทั้งตัวเลยล่ะ' หญิงสาวที่เป็นเจ้าของร้านโทรศัพท์ถามขึ้นด้วยความตกใจที่เห็นเด็กหนุ่มร่างบางในวัยสิบกว่าปี ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำ ได้เดินเข้ามาของานทำเพราะหวังมีชีวิตรอดต่อไป ‘หนู! เข้ามาก่อนบอกพี่มาได้มั้ยว่าทำไมหนูถึงอยู่ในสภาพแบบนี้' ‘พ่อผมได้ไปกู้เงินมา แล้วไม่มีเงินไปจ่ายคืนพวกมันครับมันเลยมาทำร้ายและยึดบ้านผมไปครับ' ‘แล้วพ่อเราละ พ่อไปไหน' ‘พ่อผมเสียแล้วครับ’ ‘ตอนนี้หนูพักอยู่ที่ไหน พักกับใคร' ‘ไม่มีครับ บ้านผมถูกยึดไปแล้ว' ‘งั้นเอาอย่างงี้ ประตูทางด้านหลังของร้านมีห้องว่างอยู่ห้องนึงงั้นเราไปพักที่นั่นก่อนแล้วนี่เรายังเรียนอยู่ไหม’ ‘เรียนครับใกล้จะจบม.6แล้วครับ’ ‘งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวมาอยู่กับพี่ก่อน ส่วนเรื่องเรียนก็ไปเรียนตามปกติเดียวพี่จะส่งเราต่อเอง ส่วนของใช้ต่าง ๆเดี๋ยวพี่ให้คนจัดการให้’ ‘แต่…….’ ‘เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจเดี๋ยวพี่จะดูแลเราต่อแทนจากพ่อเราเองส่วนเรื่องบ้านถ้ามีโอกาสค่อยไปซื้อเครื่องกลับมาแล้วกันนะ ถ้าเราอยากได้มัน แต่ถ้าเราเกรงใจหลังจากเลิกเรียนแล้วค่อยมาช่วยพี่ที่ร้านแล้วกัน ถือเป็นค่าตอบแทน' ‘ขอบคุณครับ' หลังจากวันนั้นเธอก็ได้ส่งอั้มให้เรียนจนจบปริญญาและอยู่กับเธอดูแลเธอทุกอย่างจน หยางผู้เป็นสามีได้จ้างเขาเพิ่มให้มาเป็นผู้ช่วยค่อยดูแลเธอ “ใช่ทั้ง 2 ร้านเลย ทั้งคาเฟ่และก็ร้านโทรศัพท์เลย” “อ่อ….อื้ม…” เธอทำได้เพียง นึกเสียดายไปเท่านั้น “มีที่ไหนที่เรา ต้องขายอีกมั้ย?” “คอนโดที่นี่ อีกที่เดียวแล้วที่จะต้องขายส่วนบาร์ คุณเหมยกับคุณกวินมาทำต่อ” เหมยคือน้องสาวของหยางและแน่นอนว่ากวินคือเพื่อนสนิทของหยางทั้งคู่ต่างคบและแต่งงานกันหลังที่ทั้งคู่เรียนจบได้ไม่นาน 🌻 หลังจากที่สองออกจากโรงพยาบาลน็อตก็ได้นั่งเครื่องลงมารับสองทันทีและทั้งคู่ก็รีบเดินทางกลับกรุงเทพทันทีโดยที่น็อตแทบจะเรียกว่าไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ “มึงจะแค่ลงมารับกูหรือมึงจะแค่มาส่งใคร?” “สำคัญตัวผิดนะมึงอ้ะ กูก็ไม่ได้อยากลงมารับมึงหรอกถ้าไอ้พุไม่ขอกูและออกเงินค่าตั๋วให้กูอ้ะ ล้าชิปหาย” “มึงกลายเป็นคนเห็นแก่เงินตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมช่วงนี้มึงช็อตเหรอ หรือแค่หาข้ออ้างหลอกกูไม่ได้?” “เปล่ากู…ไม่มีอะไรหลอกมึง แต่กูคิดว่าถ้ากูมีโอกาสหาเงินเข้ากระเป๋าแบบง่าย ๆกูก็ทำ” “เออ! สีข้างถลอกยังมึงอ้ะแถชิปหาย ถ้าถึงแล้วมึงก็ไปพักเถอะเห็นสภาพกูล่ะสงสาร” “เออ…” “เรื่องของ น้องไอ้ธีร์เป็นไงบ้างว่ะ” หลังจากที่น็อต และสองมาถึงที่เซฟเฮ้าส์ น้ำพุที่เพิ่งประชุมเสร็จก็รีบมุ่งหน้ามาหาเพื่อนทั้งสองคนทันที “เรื่องของน้องธีร์เป็นยังไงบ้างวะได้เรื่องอะไรมั้ย ?” “ได้ดิ ได้เรื่องว่าที่นั่นไม่ได้มีแค่น้องของธีร์คนเดียวไง” “ทำไม? มีหลายคนหรอที่พวกมันจับตัวไป” “ใช่กูไปสืบมาแล้วที่นั่นลักลอบค้าประเวณีด้วยมันจะส่งผู้หญิงพวกนั้นไปขายที่สิงคโปร์ แล้วมันจะนัดส่งผู้หญิงพวกนั้นไปขายในอีก 2 วันข้างหน้า” “ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็น่าจะรู้แล้วว่าภูมินทร์หักหลังมันมันถึงได้รีบส่งตัวผู้หญิงพวกนั้นไปขายเร็วขนาดนี้” “มึงพอจะสืบให้กูได้มั้ยว่าใครคือเจ้าของตัวจริงของที่นี่” “กูไปสืบมาแล้วว่าภูมินทร์กับเวย์เป็นแค่หุ้นส่วนหลอกเท่านั้นเพราะที่จริงแม่ง! 2คนแทบจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับที่นั่นเลย ชื่อพวกมันถูกใช้แค่บังหน้า” “แล้วเจ้าของตัวจริงคือใคร” “หลิวเหยียนผิง” “ผู้หญิงหรอวะ?” “ใช่! มันใช้ชื่อเปิดบริษัทในนามว่าเหยียนผิงกรุ๊ปมันมีบริษัทเปิดที่ไทยหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมร้านอาหารมีการร่วมลงทุนอีกหลายบริษัท” “มันเปิดบังหน้าทั้งหมดเลยหรอวะแล้วมันจดทะเบียนบริษัทที่ไหน” “จีนบริษัทใหญ่อยู่ที่จีนถ้าเป็นในไทยที่เช็คได้มันก็แค่นักลงทุนมือสะอาดคนนึงเท่านั้น” “แต่….เดี๋ยวนะบริษัทเปิดที่จีนแต่ส่งค้าประเวณีที่สิงคโปร์” “อื้ม สตอรี่คุ้นมั้ยล่ะ?” “มึงจะบอกว่าหยางรู้?" หลังจากที่สองพูดประโยคนั้นจบ น้ำพุกลับไม่พูดอะไรต่อทำแค่เพียงพยักหน้าเพื่อเป็นการรับรู้แต่กลับไม่มีคำตอบของเรื่องนี้และได้หยิบกาแฟขึ้นดื่ม “แต่กูว่าหยางเขาไม่น่าจะรู้เรื่องนี้” “ทำไมมึงคิดงั้น?” “เพราะตั้งแต่หยางตายกูได้รู้อะไรเยอะขึ้นหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวย์” “ยังไง? แต่ช่างเถอะเพราะกูเริ่มไม่ติดใจอะไรแล้วเรื่องที่พวกมันต้องการจะฆ่ามึงด้วยอีกคน ไม่ใช่เพราะมึงไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องที่สนิทเท่านั้นแต่มึงเสือกรู้ทุกเรื่องของหยางไง..สอง” สองที่ยังคงนั่งฟังเพื่อนเขาพูดต่อไปด้วยท่าทีที่เรียบเฉย “อีก 2 วันใช่ไหม?" “เออ! แล้วมึงจะเอายังไง? “มันขนส่งยังไงเรือ รถหรือเครื่องบิน” “รถโดยมันจะขับลงไปทางใต้โดยจะเข้าผ่านมาเลย์และจะมีคนมารับไปต่อ” “งั้นกูขอยืมตัวลูกน้องมึงสัก 10 คนได้ไหมกูจะไปดักรอจังหวะที่มันกำลังขึ้นรถเลย” หลังจากสองพูดจบสองที่ยิ้มด้วยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD