สำรวจ 2

1389 Words
“ขอรับ ‘หนิงชิงหง’ คือบุตรสาวที่เจ้าของหอนางโลมเจี่ยเจียรักมาก ข่าวว่ามีน้อยคนนักที่จดจำและพบเห็นนางเนื่องจากนางมิชอบออกมาพบปะกับผู้ใด อาจจะเป็นสตรีที่ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวหรือไม่ก็อาจจะอับอายที่ตนมีมารดาขายเรือนร่าง” “อับอายรึ” โจวเหวินหลงมองตามติดผู้อยู่ในบทสนทนานั้นพลางคิดถึงเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ “แต่ดูเหมือนหลายปีมานี้หนิงเจี่ยเจียรับเพียงแค่ขุนนางผู้นั้นผู้เดียวใช่รึไม่” ถามคนสนิทข้างกายในขณะที่สายตาก็ยังไม่ละจากสตรีผิวขาวร่างเล็กที่มีใบหน้าสะกดใจนั้นเลย “แอบคบหากับอดีตนางโลมเพื่อปิดบังความจริงกับฮูหยินของตนเองไม่พอ ยังกล้าทูลถามถึงเรื่องสมรสให้บุตรสาวของตนอีก สงสัยคงกลัวว่าเมื่อเดินทางออกไปจากเมืองหลวงแล้วจะหมดอำนาจสินะ” ดวงตาคมมองตามร่างสตรีตัวน้อยจนลับไป พลันนึกถึงเหตุการณ์ในท้องพระโรงเมื่อวันวาน ‘หากเขาไม่ยอมรับสมรสที่ราชทูตผู้นั้นเป็นคนขอ เขาควรจะทำสิ่งใดก่อนเป็นอันดับแรก’ แต่เดิมการแต่งงานตามหน้าที่และสะสมความมั่นคงมันคือเรื่องที่รัชทายาทเช่นเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะที่เลี่ยงไม่ได้ตัวเขาก็อยากจะเป็นผู้เลือกสตรีเหล่านั้นด้วยตนเอง มิใช่ต้องจำใจเลือกตามที่ขุนนางขอ! “บางครั้งข้าก็อยากปลดระวางตำแหน่งของตนเองบ้าง” ร่างแกร่งเดินย้อนกลับไปทางวังหลวงหลังจากที่ออกมาสำรวจแล้วจนพอใจ ในจังหวะเดียวกันกับสายตาเหลือบไปเห็น ‘หวังเฟยหรง’ สหายร่วมสำนักศึกษานั่งทานน้ำชาในร้านเล็กๆ ข้างถนนกับบ่าวชาย ไม่รอให้ความสนุกได้ผ่านไป รัชทายาทหนุ่มเดินเข้าไปทักทายอย่างเป็นกันเอง “เฟยหรง” เจ้าของนามหันตามเสียงเรียกก่อนจะเผยยิ้มส่งให้ “ยินดีที่ได้พบคุณชาย เหวินหลง” ^^ สหายรู้ใจก็ยังคงรู้ใจเหมือนเดิม รัชทายาทโจวเหวินหลงนั่งลงตรงเก้าอี้ทางฝั่งตรงกันข้ามที่เดิมของบ่าวชายผู้รู้หน้าที่ ซึ่งรีบลุกขึ้นจากที่นั่งและอ้อมไปยืนสงบนิ่งอยู่ด้านหลังตอนก่อนหน้า “ยามเช้าเช่นนี้ เจ้ามาทำสิ่งใด” จำได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเตรียมตัวเพื่อเข้ารับตำแหน่งนายกอง ช่วงหลังนี้จึงมิได้มีการนัดพบสนทนากันเหมือนเดิมและการบังเอิญได้พบในครั้งนี้ไม่พ้นต้องนัดหมายร่ำสุรา “จัดเตรียมสิ่งของเพื่อเดินทางเรียบร้อยแล้วรึ จึงได้มีเวลาออกมาเที่ยวเตร่” ผู้ถูกเย้าสั่นศีรษะ “อันที่จริงการจัดเตรียมสิ่งของเหล่านั้นมิใช่เรื่องสำคัญเหมือนเช่นสตรีที่ต้องเดินทางไกล หากท่านเป็นข้าก็คงคิดไม่ต่าง ไม่พบกันนับสิบวันท่านสบายดีหรือไม่ขอรับ พี่เหวินหลง” ความนับถือที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าตนหนึ่งปี หนำซ้ำยังเป็นถึงรัชทายาท หวังเฟยหรงจึงเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม “ก็บอกว่าอย่าได้มากพิธี อันที่จริงแล้วข้าสบายดี แม้จะยังมีความไม่ชอบใจเกี่ยวกับขุนนางผู้หนึ่งที่ขอให้ท่านพ่อมอบสมรสให้ข้ากับบุตรสาวของเขาอยู่” จิบน้ำชาหอมกรุ่นตรงหน้าที่องครักษ์ข้างกายเป็นฝ่ายรินให้ “ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิด ว่าแต่ธุระของเจ้าเล่า” หวังเฟยหรงมองผ่านไปยังด้านหลังของรัชทายาทรูปงามก่อนจะเห็นสตรีที่เขาหมายตากำลังเดินออกไปขึ้นรถม้าคันหนึ่ง “ข้ากำลังช่วยเหลือคุณหนูสกุลเฉินตามจับคนร้ายน่ะขอรับ คนร้ายที่ว่าเป็นนางโลมอันดับหนึ่งในหอนางโลมเจี่ยเจีย เมื่อวานนี้นางเข้ามาอำลากับลูกค้าของนาง” “หืม?” รัชทายาทรูปงามรีบหันหลังกลับไปมองตามสายตาของหวังเฟยหรงและพบเข้ากับรถม้าสกุลโหยว “นั่นรถม้าของราชเลขาของท่านพ่อมิใช่รึ” ท่านพ่อที่รัชทายาทเอ่ยถึงนั้นก็คือฮ่องเต้โจวเหวินซวน ‘และที่น่าสนใจมากกว่าก็คงเป็นสถานที่อย่างหอนางโลมเจี่ยเจีย’ “ใช่ขอรับ โหยวซานซุนและโหยวต่วนได้ทำการซื้อตัวฉินอ้าย สตรีนางโลมอันดับหนึ่งผู้นี้มานานกว่าสามเดือนแล้ว ข่าวว่าแต่ก่อนนั้นนางเข้าๆ ออกๆ จวนพระราชทานหลังใหม่ของโหยวซานซุนและหอนางโลมเจี่ยเจียจนเมื่อวานนี้ได้ทำการอำลาจริงๆ และจะไม่กลับเข้าไปขายเรือนร่างอีก ช่างน่าแปลกที่นางกลับกล้าวางยาพิษกับคุณหนูเฉิน บุตรสาวของท่านรองแม่ทัพ” โจวเหวินหลงเคยรับรู้มาแบบผ่านๆ เกี่ยวกับเรื่องราวความไร้ยางอายของเฉินลี่หลินที่ตามติดโหยวซานซุน จนข่าวลือนั้นโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือเหตุใดหวังเฟยหรงจึงคล้ายกับเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือทั้งๆ ที่มิใช่เรื่องของตน “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” “เอ่อ” หวังเฟยหรงเกาหลังคอคล้ายขัดเขิน ก่อนจะตอบความจริงด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก “ยามนี้ข้าเป็นคนรักของเฉินลี่หลิน ก็ย่อมต้องเกี่ยวข้องโดยตรงขอรับ” “หืม?” แล้วความลับและความรักของอีกฝ่ายกับสตรีไร้ยางอายก็ถูกเล่าสู่กันฟัง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของรัชทายาทรูปงามที่ดังลั่นไปจนสุดถนน ในตอนนั้นโจวเหวินหลงจึงตัดสินใจเข้าร่วมสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีของนางโลมฉินอ้าย ความจริงของสกุลโหยวกับสกุลเถิน หากทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกันแม้เพียงนิด เรื่องสมรสที่ไม่อยากให้เกิดก็ย่อมไม่เกิด สำคัญคือเขาจะเริ่มจากตรงไหนก่อนระหว่างเข้าไปเที่ยวในหอนางโลมเจี่ยเจียบ่อยๆ ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องดีหรือเขาควรจะหาตัวช่วยที่อยู่ในหอนางโลมนั้น อย่างเช่นบุตรสาวของเจ้าของหอนางโลม ‘หนิงชิงหง?’ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มตรึงใจนางนั้น แต่การจะได้มาซึ่งข้อความสำคัญกับความจริง คงไม่พ้นต้อง ล่อลวงนางให้ตกหลุมพราง? ยามซื่อ (10.00) หนิงชิงหงออกจากเรือนพักขนาดเล็กของตนเองแล้วเดินลัดเลาะไปทางด้านหลังของหอนางโลมเจี่ยเจียด้วยความคุ้นเคย จุดมุ่งหมายของนางคือห้องทำงานของมารดากับการเรียนรู้ว่าต่อจากนี้นางควรใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้อับจน อยากมีเบี้ยหวัดเยอะๆ ต้องเริ่มจากที่ใด อยากมีกิจการของตนต้องใช้เบี้ยเท่าไหร่ รวมถึงถ้าอยากมีบุรุษรูปงามเคียงข้างกายต้องสำรวจจากตรงไหนก่อน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปทางด้านหลัง เสียงเหล่าสตรีนางโลมและเสียงบุรุษก็ดังเข้ามาในโสตประสาทให้นางต้องยกยิ้มตรงมุมปาก ไม่ว่าจะคิดยังไงนางก็ยังถูกใจที่ตนเองย้อนยุคมาอยู่ในร่างของบุตรสาวของนายหญิงเจี่ยเจียอยู่ดี ^^ “อาหารตามีให้ดูมากมายเสียจริงๆ” อย่างเช่นกลุ่มทหารรูปร่างกำยำที่นั่งรับสำรับกันอยู่ตรงห้องโถงด้านหน้า ‘แล้วแต่ละคนนี่นะ...อื้อหือ หล่อเข้มจนอ่อนระทวยกันเลยทีเดียว’ ระหว่างที่ลอบเก็บบรรยากาศอันน่าภิรมย์ ดวงตากลมมองสบเข้ากับหนึ่งในนางโลมคนสนิทที่ได้พบกันเมื่อวาน ‘พี่ยี่หวา’ ซึ่งเมื่อนางได้เดินเข้าไปใกล้ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางสอบถามอาการด้วยความห่วงใยปนบ่น หนิงชิงหงยิ้มรับให้กับความเป็นห่วงนั้นพลางตอบไปว่านางสบายดี “แล้วพี่ยี่หวาเล่า ยามนี้ยังมิไปรับรองลูกค้ารึเจ้าคะ” ในความเข้าใจคือเมื่อหอนางโลมเปิดให้บริการ ลูกค้าน่าจะสามารถเรียกนางโลมเข้าห้องได้โดยไม่สนเรื่องเวลา ไหนเลยจะรู้ว่าหอนางโลมเจี่ยเจียนั้นแตกต่างกับหอนางโลมเม่ยตานอยู่นิดหน่อย “รับรองอย่างไรของเจ้า” ยี่หวาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “หอของเรารับลูกค้าได้ตั้งแต่ยามอุ้ย (13.00) เจ้าหัวกระแทกจนลืมไปแล้วรึ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD