คู่หมั้นของข้าอยู่ที่ไหน2

1344 Words
“และถ้าหากวันนี้คุณหนูมิได้ต้องการจะมาใช้บริการในหอนางโลมของเรา รบกวนหยุดกิริยาไร้ยางอายแล้วกลับไปก่อนเถอะ” ผายมือราวกับขับไล่กลายๆ ในฐานะบุตรสาวเจ้าของหอนางโลม เถินเจาหยีใบหน้าแดงก่ำเพราะโกรธจัด สองมือกำหมัดแน่นด้วยความอับอาย ใจอยากจะเดินหนีออกจากสถานการณ์เช่นนี้ แต่เพราะคำว่าคู่หมั้นสูงศักดิ์ยังอยู่ที่นี่คอยตรึงช่วงขาของนางเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน หากนางหนีไปก็เท่ากับพ่ายแพ้ ผู้คนย่อมเล่าลือกันแน่ว่าหมั้นกันได้ไม่กี่วัน รัชทายาทไม่เพียงไม่ไปงานปักปิ่นกลับออกจากวังหลวงมาเที่ยวหอนางโลมเสียได้ ‘นางไม่ยอมแน่’ “นี่เจ้ากำลังขัดขวางเชื้อพระวงศ์อยู่นะ รู้ตัวหรือไม่หนิงชิงหงสตรีขายเรือนร่างไร้ยางอาย!” ในอดีตนั้นหนิงชิงหงไม่เคยโต้เถียงกับนาง เพราะไม่มีสหาย ต่างกับวันนี้ ที่ดูเหมือนจะไม่เกรงกลัว ‘รู้จักกันด้วย?’ หนิงชิงหงมองสตรีที่ตัวสูงกว่านางไม่ถึงครึ่งนิ้วอย่างเหยียดหยาม คำว่าเชื้อพระวงศ์มิได้ทำให้นางหวาดหวั่นมากไปกว่าการกลัวเสียลูกค้าเพราะความวุ่นวาย นางหันไปสั่งนางโลมลำดับที่สิบสี่ (นางโลมมีป้ายตัวเลขติดตรงหน้าอกทุกคน) “พี่เซียนเซียน เชิญดีดพิณของพี่ต่อไปเถิด” และกวักมือเรียกบุรุษที่รอฟังคำสั่ง “พี่ลั่วฝู รบกวนหิ้วสตรีผู้นี้กับสาวใช้ของนางออกไปทิ้งที่ไหนก็ไป อย่าให้นางมาก่อกวนที่นี่ได้อีก เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ไปอยู่ในวังโน่นมาร้องเรียกหาคู่หมั้นอะไรแถวนี้ราวกับลิงค่าง ไร้สาระ” โบกมือไล่ ก่อนจะมองความวุ่นวายนั้นจากไปพร้อมกับเสียงด่าทอ “ชิ!สตรีเช่นนี้ใครเอาไปเป็นฮูหยินข้าว่าคงนอนตาไม่หลับเป็นแน่ ร้องวี๊ดว๊ายอยู่นั่นล่ะ น่ารำคาญ” กลับไปนั่งต้อนรับแขกที่เดิม พร้อมกับเสียงเพลงบรรเลงต่อไป “...” ‘หึหึหึ’ ^^ รัชทายาทโจวเหวินหลงนั่งไหล่สั่นเพราะกลั้นหัวเราะ ในความจริงแล้วหากหนิงชิงหงจัดการเถินเจาหยีไม่ได้ ตัวเขานี่ล่ะที่จะออกไปจัดการด้วยตนเองเพราะเรื่องมันเกี่ยวข้องกับเขา ‘ที่ไหนได้ บุตรสาวเจ้าของหอนางโลมจัดการเสียเรียบร้อย’ ต่างกับคนอื่นๆ ภายในร้านที่ยังคงเล่าเรื่องวุ่นวายน่าอายของสตรีสกุลเถินเมื่อครู่กันเสียสนุกปาก “หนิงชิงหงช่างเป็นเด็กสาวที่แปลกนะขอรับ” ปู้ฉู่จับสังเกต แม้ริมฝีปากยังติดรอยยิ้ม “อย่างไร” “นางพูดมิค่อยเหมือนคนปกติ อีกอย่างคือนางทำตัวเหมือนอายุมากกว่าสิบสี่หนาว อาจจะเป็นเพราะรอบตัวของนางเป็นเช่นนี้” ลูบปลายคางครุ่นคิด “แต่นางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมากขอรับ จะว่าไปแล้วที่นางบอกว่าใครได้คุณหนูเถินไปเป็นฮูหยิน คงนอนตาไม่หลับ...คงจะจริง” “หึหึหึ” รัชทายาทรูปงามหัวเราะเบาๆ คล้ายกับเห็นด้วย พลางคิดในใจว่าเถินเจาหยีควรจะถูกลงโทษในข้อหาดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ แม้การมาเที่ยวหอนางโลมนั้นคือเรื่องจริง แต่มันหาใช่เรื่องที่นางต้องมาป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ ขนาดออกมานอกวังหลวง ตัวเขายังปลอมตัวทุกครั้ง ‘เป็นแค่คู่หมั้นแล้วมีสิทธิ์อะไรมาหยามเกียรติรัชทายาท’ “พรุ่งนี้ส่งหนังสือไปยังจวนสกุลเถิน ให้ลงข้อความไปว่านางดูหมิ่นเบื้องสูง งดออกไปนอกจวนเป็นเวลาหนึ่งเดือน หากไม่ฟังคำข้าจะถอนหมั้นกับนาง” “ขอรับ” ปู้ฉู่รับคำพลางนึกสงสารอีกฝ่ายในใจ ‘โดนเสียแล้ว’ &&&& “มีคนมาสมัครมากกว่าสามสิบคนเลยเจ้าค่ะท่านแม่” ใบรายชื่อล่าสุดที่อยู่ในมือเรียกรอยยิ้มหวานละมุนบนใบหน้า หากให้เดาความเป็นไปได้ในตอนนี้ คนที่มาสมัครเป็นนายโลม หากมิใช่คนยากไร้ก็คงเป็นบุรุษรักสนุก แน่นอนว่าคนที่นางอยากได้ก่อนก็คงจะเป็นอย่างหลัง ‘สำคัญคือนายโลมจะต้องมีความกล้า กล้าได้กล้าเสีย’ “อีกไม่กี่วันเจ้าจะปิดรับแล้วมิใช่รึ ถึงยามนั้นคงมีให้เลือกมากกว่าห้าสิบคนกระมัง” หนิงเจี่ยเจียมองเหม่อออกไปหน้าเรือนพัก ปากพูดกับบุตรสาวแต่สมองกลับคิดถึงถ้อยคำของบุรุษชุดดำ ‘บุรุษที่เถินอี้ฉวนส่งมา’ “ข้าต้องสัมภาษณ์พวกเขาด้วยตนเอง แน่นอนว่าใบหน้าหล่อเหลาต้องมาก่อนสิ่งใด ต่อมาก็ต้องเป็นเรื่องของลับอันใหญ่ ท่านแม่ว่าอย่างไรเจ้าคะ” เรื่องหลังนี้ ถ้าจะให้นางทดลองก็คงไม่ไหว อายุไม่ถึงยังไม่สำคัญเท่าตัวนางมิได้อยู่ในภพเดิมที่พร้อมมาก! “...” “...” หนิงชิงหงเอียงคอมองมารดาที่คล้ายว่าท่านกำลังคิดเรื่องสำคัญอยู่ “ท่านแม่” “...” “ท่านแม่ เป็นอะไรเจ้าคะ ท่านแม่” เขย่าแขนมารดา หนิงเจี่ยเจียสะดุ้ง “อะ ว่าอย่างไร” “ท่านแม่ดูใจลอย เป็นอะไรรึเจ้าคะ” จับมือนุ่มของมารดาด้วยความเป็นห่วง สายใยของครอบครัวที่สะท้อนอยู่ในอกนั้น นางรู้สึกถึงมันได้เป็นอย่างดี จึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกหากนางจะสอบถามท่านบ้างตามหน้าที่ของบุตร “เกี่ยวข้องกับบุรุษที่มาหาท่านแม่ในวันนี้หรือไม่ แม้ลูกจะช่วยท่านไม่ได้แต่ลูกก็อยากรับฟังความหนักใจนั้นร่วมกันนะเจ้าคะ” ผู้เป็นมารดามองลึกเข้าไปในดวงตาของบุตรสาว ความเป็นห่วงที่ถ่ายทอดออกมานั้นนางรู้สึกได้และอิ่มเอมใจ แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาบุตรสาวคนนี้ไม่เคยถาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายไม่สนใจหรือดื้อรั้น ในทางกลับกันหนิงชิงหงอยู่ในโอวาทดีมาก ก่อนหน้านี้ที่บุตรสาวยังร่ำเรียนอยู่ ยามเช้าออกจากหอนางโลมไปสำนักศึกษา ยามบ่ายกลับมาก็ช่วยเดินส่งอาหารภายในโรงครัว เป็นอยู่เช่นนี้มาหลายปีจนเมื่อเดือนก่อนที่อีกฝ่ายลื่นล้มแล้วหัวฟาด ‘ชิงหงคงคิดได้ในยามนั้นว่ามันถึงเวลาที่ต้องรู้ทุกเรื่องเพื่อเติบโตขึ้น’ “บุรุษที่ช่วยเหลือแม่ของเจ้ามาโดยตลอดตั้งแต่เจ้ายังเล็กก็คือนายท่านสกุลเถิน นักการทูตที่ยามนี้เดินทางไปต่างแคว้นเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนฮ่องเต้ เบี้ยหวัดรายเดือนจำนวนมากที่ได้รับมาหลายปีทำให้เรามีหอนางโลมเจี่ยเจีย มีกินมีใช้มาจนถึงวันนี้” ถอนหายใจ “เจ้าอาจจะไม่เคยพบหน้านายท่านเถินเพราะสถานะของแม่และคนผู้นั้นมันยังคงเป็นความลับ” หนิงชิงหงคิดถึงคำว่า ‘ความลับ’ นั่นหมายถึงมารดาเป็นเมียน้อยที่นายท่านสกุลเถินที่มิอาจเปิดเผย เนื่องด้วยมารดาของนางเป็นสตรีนางโลม การป่าวประกาศให้ผู้คนภายนอกรู้มันมิใช่เรื่องดีสำหรับขุนนาง ไม่แน่ว่าแม้แต่ฮูหยินเอกสกุลเถินก็คงจะไม่รู้ “ช่วยเหลือในที่นี้ลูกเข้าใจและมิได้เกลียดชังขุนนางผู้นั้น แต่ที่ลูกอยากรู้คือท่านแม่รักคนผู้นั้นหรือไม่เจ้าคะ” หนิงเจี่ยเจียส่ายหน้า “ย่อมไม่มีความรัก แต่ที่มีให้กันคงเป็นแค่ความผูกพันและดูแลกันมานาน หากวันหน้านายท่านเถินไม่มาข้องแวะที่หอนางโลมหรือสิ้นชีพไป นั่นหมายถึงความสัมพันธ์ที่คอยหลบซ่อนเช่นนี้ของแม่ก็คงหยุดตามไปด้วย” “เช่นนั้นแล้ว ในวันนี้ที่บุรุษชุดดำมาหาท่านแม่เล่า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD