เปิดรับสมัครนายโลมจ้า 2

1308 Words
หวังเฟยหรงชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ฟังมากับตนเองให้รัชทายาทรูปงามได้ทราบโดยไม่ปิดบัง “หนิงชิงหงเปิดรับสมัครบุรุษรูปงามและจะทำการคัดเลือกในอีกสิบห้าวันข้างหน้าขอรับ นางบอกว่ารับบุรุษรูปร่างดีอายุสิบแปดหนาวขึ้นไปจนถึงสามสิบ ชอบการสนทนากับสตรี ใจเย็น สำคัญคือต้องไม่เลือกลูกค้าขอรับ” “นางเป็นคนบอกหรือมารดาของนางบอก” “ต้องเป็นนางสิขอรับ อีกอย่างคือนางบอกว่าตัวนางเองเป็นเจ้าของหอนายโลมขอรับ นางจะเปิดหอนี้ข้างๆ หอนางโลมของท่านแม่” รัชทายาทเดินวนไปมาราวกับว่าหอนายโลมนั้นเป็นของตนเองก็ไม่ปาน หัวสมองบุรุษหวนคิดถึงใบหน้างามกระจ่างใส แล้วถามย้ำกับสหายอีกครั้ง “นางอายุแค่สิบสี่ จะมีความคิดเช่นนี้มันได้รึ หอนายโลมคือสถานที่ที่มีแต่เหล่าบุรุษ นางไม่กลัวหรืออย่างไร” “ข้ามิได้ถามถึงเรื่องนี้ขอรับ ถ้าท่านอยากรู้คงต้องไปถามนางด้วยตนเองเถิด” หวังเฟยหรงจิบชาหน้าตาย “วันก่อนที่ข้าไปที่หอนางโลมนั้น ข้าเห็นบุรุษผู้หนึ่งมาขอพบนายหญิงเจี่ยเจีย จำได้ว่านายหญิงผู้นี้มิเคยรับลูกค้าคนใดนอกจากขุนนางผู้เดินทางไกลผู้นั้น ไม่แน่ว่าบุรุษจากไกล นารีอาจเป็นอื่น” คำกล่าวนี้มิใช่การดูถูก ในทางกลับกันหากเขาเป็นนายหญิงเจี่ยเจีย เขาก็อาจจะมองหาบุรุษร่ำรวยคนอื่นเอาไว้เคียงคู่ บุรุษที่กล้ารับนางแบบออกหน้าออกตา มิใช่ลักลอบเข้าหาและไม่เปิดเผย “...” “ว่าแต่ คู่หมั้นคนใหม่ของท่านเป็นอย่างไร งดงามล่มเมืองหรือไม่” รัชทายาทรูปงามถอนหายใจ “นางมิได้ดึงดูดสายตาแม้เพียงนิด อย่าว่าแต่มองนางเลย สตรีคนอื่นที่แต่งเข้าวังหลัง ข้าก็มิได้เพ่งพิศพวกนางมากขนาดนั้น ก็แค่หน้าที่อีกหนึ่งอย่างของข้า งามไม่งามหาใช่เรื่องใหญ่” “หืม” หวังเฟยหรงเลิกคิ้วมองบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นรองเพียงฮ่องเต้ ก่อนจะถามเพื่อคลายความสงสัยของตนเอง “แล้วหนิงชิงหงเล่าขอรับ ดึงดูดสายตาท่านหรือไม่” จำได้ว่าคราวก่อนรัชทายาทรูปงามถึงกับขอจองประมูลพรหมจรรย์โดยไม่รู้ตัว ‘หรือนั่นจะเป็นแค่เรื่องปด?’ “นางยังเด็ก” “แต่ท่านก็อยากจะเข้าร่วมประมูลพรหมจรรย์ของนาง?” “ก็ถ้านางปักปิ่นแล้ว” โจวเหวินหลงผินหน้าหนีสหายคนสนิทที่เอาแต่จับจ้องตนคล้ายกำลังสอบสวน ‘หนิงชิงหงดึงดูดสายตาจริงๆ อย่างที่ว่า’ “คงจะประมูล” ^^ หวังเฟยหรงยิ้มกริ่ม ‘คู่หมั้นสกุลเถินจะครบสิบห้าหนาวในอีกไม่กี่วัน กลับไม่สนใจเร่งรัดให้จัดงานแต่ง แต่กับหนิงชิงหงที่อายุสิบสี่หนาวกลับบอกว่าจะรอพรหมจรรย์ของนาง’ เช่นนี้แล้วจะไม่เรียกว่าตกหลุมรักอย่างไรได้ “อย่าลืมส่งคนไปเรียกข้าด้วยเล่า ข้าอยากเห็นท่านประมูลสตรี” “...” ‘ฮึ’ วันต่อมาในยามอู่ (11.00) หนิงชิงหงนั่งอยู่ตรงโต๊ะประจำที่ท่านแม่ของนายเคยนั่งอยู่ทุกวัน พร้อมกับมองรายชื่อผู้เข้าสมัครนายโลม ซึ่งมีมากกว่ายี่สิบคนและคนที่มาสมัครส่วนใหญ่ล้วนแต่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แต่เรื่องฐานะ ย่อมมิได้สำคัญถ้าหากนางได้ตรวจดูลักษณะภายนอกแล้วมีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ นางก็ยินยอมพร้อมช่วยเหลือในทุกทาง ไม่ได้เป็นนายโลมก็ให้เป็นเสี่ยวเอ้อทำงานทั่วไป “ขึ้นชื่อว่ายากไร้ อาจหมายถึงผอมกะหร่องซึ่งข้าต้องการบุรุษรูปร่างดี ไอ้นั่นก็ต้องใหญ่ เช่นนั้นแล้วข้าควรจะทดสอบมันด้วยงั้นสิ” นั่งเคาะโต๊ะเอกสารของตนเองดังปึ่กๆ เยื้องไปทางด้านหลังเป็นสาวใช้คนใหม่สองคนที่ยืนฟังความเห็น “พวกพี่ว่า หากข้าจะขอตรวจไอ้นั่นก่อนที่พวกเขาจะเริ่มทำงาน มันจะดูประหลาดหรือไม่” ถามเม่ยเม่ยและซวงถิงที่รับหน้าที่สาวใช้ฝึกหัดของนาง ในขณะที่พี่จิงช่ายผู้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นได้อยู่ดูแลท่านแม่หนิงเจี่ยเจีย พร้อมกับรับซักเสื้อผ้าให้เหล่านางโลมในราคาย่อมเยา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเสื้อผ้าของนางอยู่ด้วยหลายชุด “สิ่งใดคือไอ้นั่นรึคุณหนู” จังหวะที่เม่ยเม่ยผู้อยู่ในช่วงฝึกงานเป็นสาวใช้ถามคำถามนั้น เบื้องหน้ามีบุรุษรูปงามกำลังเดินมาร่วมฟังพอดีและคุณหนูก็เงยหน้าขึ้นมาตอบว่า “เอ...ที่นี่เขาเรียกว่าอะไรนะ ของลับ พวงไข่ อืม...ไอ้ที่มีอารมณ์แล้วแข็งตั้งในกางเกงของบุรุษน่ะ เรียกว่าอะไรนะ” หนิงชิงหงเห็นสองสาวใช้หน้าแดงก่ำก็นึกขัน ^^ นางยิ้มแล้วหยอกล้อไปอีกว่า “พวกพี่มีสามีกันแล้วมิใช่รึ มิเคยจับมันเลยหรืออย่างไร” “เจ้านี่มันกล้าเกินวัยจริงๆ นะหนิงชิงหง” เสียงบุรุษด้านหน้าเคร่งขรึมจนนางต้องหันกลับไปมอง ขวับ! ‘นี่มันสุดหล่อที่จะขอประมูลพรหมจรรย์ของนางมิใช่รึ? เมื่อครู่เขาว่าอันใดนะ’ “อะไรนะเจ้าคะคุณชาย” ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมมากกว่าสิบส่วนกับเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อครู่ หนิงชิงหงอายุแค่สิบสี่ย่างสิบห้า นางไม่ควรจะถามเกี่ยวกับเรื่องในร่มผ้าในที่เปิดกว้างเช่นนี้ เพราะถ้าหากผู้ใดมาได้ยินเข้า ไม่พ้นคงต้องกล่าวหาว่านางไร้ยางอาย ไร้ความเป็นกุลสตรีเป็นแน่ “ก็เรื่องที่เจ้าถามสาวใช้อย่างไรเล่า เจ้ากล้าเอ่ยออกมาได้อย่างไร ฮึ?” ท้ายน้ำเสียงมีความไม่พอใจปะปนอยู่ในนั้น หนิงชิงหงเอียงคอมองบุรุษรูปงามพลันย้อนถามอย่างสนใจ “แล้วเหตุใดข้าจะถามไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของข้าที่จะถาม อีกหน่อยข้าก็แต่งงานและไม่พ้นต้องเจอ...” ปรายตาลงต่ำมองไปยังเป้ากางเกงบุรุษรูปงามพร้อมกับทำตาโต “ว๊าว! ไม่แย่เลยนะนั่น” รัชทายาทโจวเหวินหลงถึงกับเผลอเลื่อนมือลงไปปิดกลางกายของตนเอง เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของตนนั้นแดงก่ำมากกว่าผลตำลึงสุก เพราะเขารู้ว่ามันร้อนมาก เหนือสิ่งอื่นใดเขาเผลอเปล่งเสียงเล็ดรอดไรฟัน “เจ้านี่มันเป็นสตรีไร้ยางอายที่สุดในแคว้นจริงๆ” ก่อนจะเดินหนีไปยังโถงกลางเพื่อสั่งอาหาร ด้านหลังเป็นองครักษ์เงาเดินตามไม่ห่าง หากรัชทายาทรูปงามจะหันไปมองสักนิด ก็คงเห็นแล้วกระมังว่าองครักษ์กำลังกลั้นหัวเราะ หนิงชิงหงมองตามบุรุษเจ้าสำราญนั้นไป พร้อมกับบ่น “ฮึ ไร้ยางอายอันใด ใครจะสน” หันกลับมาถามสาวใช้อายุมากกว่าอีกครั้ง “ว่าอย่างไร มันเรียกว่าสิ่งใดรึเจ้าคะ” “เอ่อ...ของลับ กระมังเจ้าคะ” แม้จะมีครอบครัวแล้วแต่เม่ยเม่ยก็ยังคงอาย “หยาบคายเพิ่มมากขึ้นนิดหน่อยก็แท่งทวน” ซวงถิงอายไม่มากเพราะนางก็มีสามีแล้ว “อืม...หลายชื่อดีแท้ เช่นนั้นข้าจะเรียกตามใจข้าก็แล้วกัน” หนิงชิงหงเขียนลำดับขั้นตอนของการตรวจร่างกายบุรุษโดยใช้ความคิดของตนเองเป็นหลักต่อไป ในขณะที่นางมิได้รู้ตัวแม้เพียงนิดว่าทุกๆ หนึ่งจิบชาจะมีบุรุษสูงศักดิ์ลอบมองอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD