เปิดรับสมัครนายโลมจ้า 1

1228 Words
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ข่าวการหมั้นหมายของรัชทายาทแคว้นโจวกับสตรีสกุลเถินโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง เหล่าขุนนางเตรียมการเป็นอย่างดีกับงานพิธีในวังที่นอกจากฝ่ายสตรีและบุรุษกำลังจะได้พบหน้ากันครั้งแรกแล้ว การจัดงานยังรวดเร็วกะทัดรัดเหมือนงานเดิมก่อนหน้าของรัชทายาทที่รับสตรีอีกห้านางเข้าวังหลัง และก็เหมือนทุกครั้งที่เหล่าสตรีพระราชทานจะต้องมองบุรุษรูปงามอย่างรัชทายาทอย่างหลงใหล และในวันนี้เป็นคราวของคุณหนูสกุลเถิน เถินเจาหยี ที่ลอบมองบุรุษคู่หมั้นรูปงามด้วยท่าทางเขินอายต่างกับรัชทายาทที่ไม่แม้แต่จะสนใจมองผู้ใดเลยแม้แต่ว่าที่คู่หมั้นที่ยังไม่ได้ปักปิ่น! ขณะเดียวกันทางด้านหอนางโลมเจี่ยเจีย หนิงชิงหงยืนมองเหล่าคนงานบุรุษรื้อถอนรั้วไม้ด้านข้างของที่ดินที่มารดาของนางซื้อต่อมาจากนายทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นอย่างพอใจ งบประมาณไม่จำกัดที่มารดากล่าวไว้มีให้ไม่อั้นเมื่อได้ยินจากปากของนางว่า จะเปิดหอนายโลม! “พื้นที่หอนายโลมของข้าอาจจะไม่กว้างขวางเหมือนหอนางโลมของท่านแม่ แต่ขอให้มีรูปแบบเหมือนกันคือสามชั้น จำนวนห้องให้มากเท่าที่จะทำได้นะเจ้าคะ อาจจะชั้นละเจ็ดห้อง ด้านล่างก็เอาเหมือนท่านแม่เลยเจ้าค่ะ แต่ขอหน้าต่างรอบด้านเลย อันที่จริงแล้วข้าอยากให้ใช้กระจกใสทำเป็นหน้าต่าง แต่นี่มันเป็นเรือนไม้น่ะสิ เอาอย่างไรดีเจ้าคะท่านลุงช่าง” สาเหตุที่นางอยากทำหน้าต่างเป็นกระจกใส่นั่นเพราะใครๆ จะได้มองเห็นเหล่าบุรุษของนางได้ชัดๆ แน่นอนว่าอาจจะเรียกลูกค้าจากร้านอาหารของท่านแม่มาได้ไม่มากก็น้อย นายโลมกับสตรีหลายวัย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีชายรักชายปะปนมาด้วย ‘อ่า...อย่าเพิ่งคิดไปไกล ยามนี้นางขอเปิดรับสมัครเหล่าบุรุษใจกล้ามาให้ได้ก่อนเถอะ’ “ราคาของกระจกนั้นสูงมาก ไหนๆ เจ้าก็ทำหน้าต่างรอบด้านเช่นนั้นก็เปิดหน้าต่างทุกบานไปเลย ให้อากาศด้านนอกได้พัดเข้าออกด้วยไม่ดีกว่ารึ” นายช่างผู้รับเหมาถามสตรีตัวน้อยสุดน่ารัก ที่เป็นถึงบุตรสาวของนายหญิงแห่งหอนางโลม “อืม...หน้าต่างเยอะๆ ก็ดีจริงๆ นั่นละเจ้าค่ะ เช่นนั้นก็ทำตามแบบปกติเลยนะเจ้าคะ และข้าขอกระจกเงาบานใหญ่ๆ ขนาดเท่าตัวคนสักหกบานมาด้วยเจ้าค่ะ จะเอาไว้ติดตรงบันได” ^^ ในความคิดของนางคือจะเอากระจกติดตรงทางขึ้นของทุกชั้น ‘ขึ้นชื่อว่ากระจก แน่นอนว่าใครเห็นก็อยากส่อง อยากมองความสวยของตนเองนั่นล่ะ’ วันนั้นทั้งวันหนิงชิงหงวุ่นอยู่แต่กับการจัดตารางงานเป็นขั้นตอนตั้งแต่เขียนป้ายประกาศรับสมัครสาวใช้หนึ่งตำแหน่ง สำคัญคือสาวใช้ผู้นั้นจะต้องอ่านออกเขียนได้ มีความว่องไว ทันคนแน่นอนว่าไม่รับสตรีสูงอายุ และที่น่าสนใจกว่าเรื่องอื่นใดก็คือข้อความที่ประกาศรับสมัคร บุรุษนายโลมยี่สิบห้าตำแหน่ง กำหนดวันคัดตัวคืออีกยี่สิบวันหลังจากนี้ ผู้สนใจสามารถมาลงชื่อได้ทุกวัน ที่ด้านหน้าโถงอาหารของหอนางโลมเจี่ยเจีย ผู้ใดสงสัย มีอธิบายจากบุตรสาวเจ้าของนางโลม! “อืม...” หนิงชิงหงมองผู้ที่มาสมัครเป็นสาวใช้สามคนตรงหน้าอย่างคิดไม่ตก คนที่อายุมากที่สุดคือสามสิบปีชื่อพี่จิงช่าย จากการสอบประวัติมาคร่าวๆ ได้ความว่าพี่จิงช่ายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกับมารดาของนาง ถัดมาคือพี่เม่ยเม่ย อายุยี่สิบแปดปีเคยทำงานเป็นลูกจ้างในร้านเย็บผ้า ปัจจุบันนี้ยังว่างงานเพราะเคยถูกนายจ้างลวนลาม สามีของพี่เม่ยเม่ยจึงสั่งให้ลาออก คนสุดท้ายคือพี่ซวงถิง อายุยี่สิบสี่ปีเคยค้าขายแต่ขาดทุน ภายหลังจึงออกมาหางานทำ “ลูกว่าจะรับทั้งสามคนเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่คิดเห็นอย่างไร” ถามมารดาที่นั่งข้างกัน จะว่าไปแล้วมารดาของนาง หากไม่นับลุงพ่อบ้านโม่ ก็ไม่เคยมีสาวใช้ส่วนตัวเลย แต่หากจะคัดสองในสามคนตรงนี้ ที่เหลืออีกสองคนก็น่าสงสาร ถามว่าคุณสมบัติของสาวใช้นั้นหลักๆ คงจะเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์ เช่นนั้นแล้ว...นางก็ควรต้องทดสอบทั้งสามคนเสียก่อน “แต่ว่าจะให้ฝึกงานกันก่อน ดีหรือไม่เจ้าคะท่านแม่” หนิงเจี่ยเจียทำหน้าไม่เข้าใจ หากจะตีความทีละคำ...คำว่าฝึกก็คือทดลอง เช่นนั้นแล้วฝึกงานที่ว่าก็คือการทดลองทำงาน เพียงแต่บุตรสาวคงพูดให้มันสั้นลง “ฝึกงาน” ทวนคำเบาๆ “เจ้าค่ะท่านแม่ ให้ฝึกงานพร้อมกันทั้งสามคนในวันพรุ่งนี้เลย ฝึกครึ่งเดือน เข้างานยามเฉิน (08.00) ออกงานยามเซิน (17.00) พวกพี่สะดวกหรือไม่” ทั้งสามคนตอบรับพร้อมกัน ก่อนจะฟังรายละเอียดในส่วนงานของสาวใช้ นั่นคือตามติดนายหญิงเจี่ยเจียหนึ่งคนและหนิงชิงหงอีกสองคน เบี้ยหวัดในช่วงฝึกงานนั้นตกลงกันที่ห้าสิบตำลึง (200บาท) หากฝึกงานผ่านแล้วพร้อมเข้าทำงานจะเพิ่มให้อีกเป็นวันละหนึ่งร้อยตำลึง (400บาท) โดยที่หลังจากวันนั้นสตรีที่สมัครมาเป็นสาวใช้ส่วนตัวของหนิงเจี่ยเจียและหนิงชิงหงก็ทำงานได้เป็นอย่างดี เทียบเท่ากับคนงานที่ทำงานกันอย่างแข็งขันเพราะนอกจากหอนายโลมต้องเสร็จแล้ว ยังมีหอนอนของนายโลมแยกต่างหากไปอีกหนึ่งหอด้วย ‘เดาว่าการก่อสร้างในคราวนี้ คงใช้เบี้ยหวัดอีกเยอะ’ &&&& “เจ้ากล่าวว่าหอนางโลมเจี่ยเจียรับสมัครนายโลมงั้นรึ” โจวเหวินหลงหันไปถามองครักษ์คนสนิทเสียงดังลั่นห้องบรรทม ก่อนหน้านี้ตัวเขาเพิ่งหมั้นหมายกับสตรีสกุลเถินและติดภารกิจในวังบวกกับการจับตาดูกลุ่มคณะทูต จนพบว่าเถินอี้ฉวนได้ลักลอบส่งผู้มีวรยุทธ์ฝีมือดีกลับเข้ามาในเมืองหลวง อาจเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายต้องการจับตาดูว่าที่ลูกเขยอย่างเขา หรือไม่แน่ว่าอาจจะมีแผนอื่นปะปนมาด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขาต้องคอยรับมือ ‘งานแต่งนั้นไม่สำคัญ ถ้ามันต้องเกิดขึ้นเขาก็แค่ส่งนางเข้าตำหนักหลังเหมือนสตรีอีกห้านางก่อนหน้า แต่งานแต่งกับเถินเจาหยีจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้แน่ๆ’ “พะยะค่ะ วันก่อนนั้นกระหม่อมเห็นหวังเฟยหรงเข้าไปสอบถามเรื่องนี้กับคุณหนูหนิงชิงหง มากกว่าครึ่งเค่อที่มีการสนทนากัน ก่อนคุณชายหวังจะเดินเข้าไปนั่งสั่งอาหารขอรับ” “เฟยหรงอาจจะไปถามเรื่องของฉินอ้าย” เคาะโต๊ะตนเองอย่างชั่งใจ ก่อนจะสั่งองครักษ์คนสนิท “เรียกหวังเฟยหรงมาหาข้าเดี๋ยวนี้” ปู้ฉู่น้อมรับ “พระยะค่ะ” ก่อนจะเร้นกายหายไปอย่างรวดเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD