"หากรูปร่างหน้าตาธรรมดาแล้วมีไอ้นั่นใหญ่ ก็น่าจะผ่านได้นะเจ้าคะ”
“ไอ้นั่นรึ” หนิงเจี่ยเจียคล้ายจะใช้ความคิดอย่างหนัก ไม่ว่าจะแปลทีละคำอย่างไรก็ไม่เข้าใจ หากตัดคำว่าไอ้นั่นไปและคิดถึงส่วนที่สำคัญที่ควรจะใหญ่และใช้การได้ก็คงจะเป็น “ของลับของบุรุษสินะ อืม” พยักหน้าให้กับตนเอง “นั่นก็ใช่อย่างที่เจ้าว่า เช่นนั้นแล้วจะให้มารดาช่วยตรวจสอบหรือไม่”
หนิงชิงหงสั่นศีรษะเบาๆ แล้วตอบด้วยถ้อยคำที่ตนมั่นใจมาก “ไม่เจ้าค่ะ กิจการของลูกไว้ลูกจะจัดการเอง ท่านแม่อย่าได้กังวลไปเลย แต่หากเรื่องใดที่ลูกจัดการไม่ได้ ลูกค่อยไปขอความช่วยเหลือจากท่านแม่เจ้าค่ะ” ^^
^^ “แม่พร้อมเสมอลูกรัก” สองคนแม่ลูกนั่งจิบน้ำชายามค่ำ ทอดมองเบื้องหน้า ในสายตาเป็นหอนางโลมเจี่ยเจียที่ยังคงมีแสงจากโคมไฟสว่างจ้าเพราะยังเปิดให้บริการจนถึงยามไฮ่ (22.00) เยื้องไปทางด้านขวามือในพื้นที่เดียวกันคือหอนายโลมที่ยังคงมืดทึบเพราะยังไม่เปิดให้บริการ แต่ความมืดสลัวนั้นมิได้ทำให้เกิดความเงียบ สาเหตุคงมาจากเสียงดนตรีแว่วหวานดังมาให้ได้ยิน ไม่รู้ว่าถ้าหอนายโลมเปิดให้บริการแล้ว...เสียงดนตรีฝั่งไหนจะดังมากกว่ากัน เรื่องนั้นคงต้องรอดูต่อไป
&&&&
และแล้ววันคัดเลือกนายโลมก็มาถึง ลำดับรายชื่อในมือของหนิงชิงหงมีมากกว่าห้าสิบคนซึ่งแน่นอนว่าเมื่อขานชื่อผู้ใดแล้ว คนผู้นั้นไม่ก้าวออกมาย่อมถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ ใดใดคือสภาพของบุรุษเบื้องหน้าที่อยู่ตรงนี้คงน่าหนักใจมากกว่า “เจาหยุน” มือบางยกขึ้นนวดระหว่างคิ้วตนเองเมื่อเจาหยุนผู้นี้เป็นบุรุษรูปร่างผอมกะหร่อง เดินตัวโก่งงอไม่มีราศี มิใช่ว่าอยากดูแคลน เพียงแต่ว่าถ้ารับเจาหยุนมา สตรีนางใดจะเลือกเขาไปนั่งร่วมโต๊ะ! “กลับบ้านไป” ปั่บ! ส่งเบี้ยให้อีกฝ่ายห้าตำลึง ทดแทนการเสียเวลา ซึ่งทุกคนที่ไม่ได้ถูกเลือกก็จะได้รับเบี้ยจำนวนนี้เหมือนกัน ยามนี้จำนวนผู้สมัครหน้าหอนายโลมเหลืออีกสามสิบคน ซึ่งในยี่สิบกว่าคนก่อนหน้านี้มีผู้ผ่านเข้ารอบไปเพียงหกคนเท่านั้น “ตงฟาง” ด้วยความเงียบของผู้ที่เหลืออยู่ คล้ายกับจะบอกว่าบุรุษนามว่าตงฟางมิได้อยู่ตรงนี้ หนิงชิงหงขานย้ำอีกครั้ง “ตงฟางอยู่หรือไม่” ‘เฮ้อ!’ ตากลมกำลังก้มมองรายชื่อถัดไปแต่กลับได้ยินเสียงเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ตงฟางงั้นรึ”
หนิงชิงหงเบิกตากว้างเมื่อผู้ที่เข้ามาใหม่ย้อนถามนางราวกับเป็นเจ้าของนาม ซึ่งคนผู้นั้นหาใช่ใครที่ไหนแต่เป็นบุรุษรูปงามราวกับคุณชายเจ้าสำราญ ผู้ที่เคยออกปากว่าจะมาร่วมประมูลพรหมจรรย์ของนางในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า “ท่าน!”
โจวเหวินหลงชี้มาที่ตนเองพลางทำหน้างุนงง เมื่อครู่นี้เขาเดินผ่านหอนายโลมพร้อมกับปู้ฉู่พลันได้ยินเสียงดังเรียกนามบุรุษหลายคนก็เกิดความสงสัยใคร่รู้จึงเดินเข้ามาถาม แต่นอกจากหนิงชิงหงจะอ้าปากค้างมองเขา ยังย้อนถามว่าเป็นเขารึ? ‘นางลืมหน้าเขาไปแล้ว?’ “ใช่ ข้าเอง เจ้าทำไมรึ”
“อ่า” หนิงชิงหงยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วอีกครั้งราวกับตนเองเป็นสตรีมากวัยหาใช่สตรีวัยสิบสี่ย่างสิบห้าหนาว ความคิดในตอนนี้ ที่เข้าใจคือบุรุษรูปงามอาจจะรักสนุกแค่ชั่วคราว แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างที่เป็นเขานางไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาอาจจะ ‘รุ่ง’ ที่สุดในหอนายโลมเลยก็เป็นได้ “ไม่ทำไมหรอก ผ่านเจ้าค่ะ” ผายมือให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่งรอด้านใน ซึ่งสาวใช้ของนางได้จัดเก้าอี้เอาไว้สำหรับผู้ผ่านเข้ารอบอยู่ก่อนแล้ว แม้ท่วงท่างุนงงนั้นจะคล้ายขัดตาของนาง แต่บุรุษผู้ชื่อตงฟางนั้นก็เดินเข้าไปสำรวจหอนายโลมที่ยังไม่แล้วเสร็จ จวบจนการคัดเลือกรอบแรกในจำนวนทั้งหมดห้าสิบคน กลับมีผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดแค่สิบสามคน แน่นอนว่าคงต้องเปิดรับสมัครกันต่อไปให้ครบยี่สิบห้าคนอยู่ดี ก็หวังว่ามันจะไม่มีผลกับการเปิดหอนายโลมของนาง เมื่อสถานที่ก่อสร้างนี้แล้วเสร็จ แปะๆๆๆ หนิงชิงหงปรบมือเรียกเหล่าบุรุษหน้าตาดีและรูปร่างดีทั้งสิบสามคนให้หันมาฟังนาง ก่อนจะชี้แจงไปว่าในอีกห้าวันหลังจากนี้ให้ทุกคนเข้ามาตรวจร่างกายกับความพร้อมที่นี่เหมือนเดิมและในระหว่างที่รออีกห้าวันก็ให้ทุกคนออกกำลังกายกันด้วย สำคัญมากกว่าคือการบอกว่า “เข้าใจคำว่านายโลมใช่หรือไม่” มากกว่าครึ่งที่พยักหน้าตอบกลับ “ก็นั่นล่ะ...เรือนร่างและส่วนลับต้องสำคัญ เอาไว้พบกันนะเจ้าคะ” นางพูดอย่างมีสัมมาคาราวะกับทุกคนที่น่าจะอายุมากกว่าพร้อมกับผายมือไปทางประตูทางเข้าคล้ายกับบอกว่าหมดเรื่องแล้วเชิญกลับได้ และสิบกว่าคนก็เริ่มทยอยเดินคุยกันออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงบุรุษรูปงามราวกับคุณชายสูงส่งแต่กลับมาลงชื่อสมัครเป็นนายโลม “ตงฟาง”
“...”
“ตงฟาง”
“...”
หนิงชิงหงเริ่มหัวเสียเมื่อเรียกนามของคนผู้นั้นแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับอันใดนอกจากการยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นางจึงตัดสินใจเรียกนามอีกฝ่ายที่อายุมากกว่าเสียงดังลั่น “พี่ตงฟาง!”
รัชทายาทรูปงามโจวเหวินหลงสะดุ้งพลางหันซ้ายหันขวา ห้องโล่งนี้ไม่มีผู้ใดนอกจากเขาและสตรีแรกรุ่นวัยสิบสี่ย่างสิบห้าหนาวอย่างหนิงชิงหง “เจ้าเรียกข้ารึ”
“ก็ใช่ไงเจ้าคะ สรุปว่าเมื่อครู่นี้พี่ไม่ได้ฟังที่ข้าพูดเลยใช่หรือไม่ เอาล่ะ ข้าจะบอกให้ท่านเข้าใจง่ายๆ เลยนะ อีกห้าวันหลังจากนี้พี่เข้ามาตรวจร่างกายกับความแข็งแรงอีกครั้ง ถ้าผ่าน ก็เริ่มเตรียมตัวทำงานเลย”
บุรุษรูปงามยกมือนวดระหว่างคิ้วตนเอง พลางนึกไปถึงการรับสมัครนายโลมที่เขารู้มาก่อนหน้า ‘เฮ้อ!แต่แค่เขาอยู่ตรงนี้ หนิงชิงหงกลับเข้าใจผิดคิดว่าเขามาสมัครงานรึ’ “เริ่มงานอันใด” เบื้องหน้าถัดไปทางประตูกว้างขวางของพื้นที่ทางเข้า เขาเห็นองครักษ์ปู้ฉู่ยืนรออยู่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อครู่นี้ปู้ฉู่ก็ยืนถัดจากเขา แล้วเหตุใดถึงไม่โดนนับรวม? “ข้ามิได้อยากทำงาน”
หนิงชิงหงเท้าสะเอวจับจ้องบุรุษในภาพลักษณ์คุณชายตรงหน้า พลางคิดว่าหากได้คนผู้นี้มาเป็นตัวดึงลูกค้าภายในหอนายโลม แน่นอนว่ากิจการของนางต้องรุ่งเรืองเป็นแน่ แต่สาเหตุของคำที่บอกว่าไม่อยากทำงานมันคืออะไรเล่า “ท่านมาสมัครงานเป็นนายโลมแต่กลับบอกว่าไม่อยากทำงาน ข้าไม่เข้าใจ ทำงานกับข้ามันไม่ดีตรงไหน มันก็แค่งานบริการลูกค้า เผลอๆ ท่านอาจจะได้ทิปมากกว่าค่าตัวต่อครั้งด้วยก็ได้ใครจะรู้”
รัชทายาทรูปงามทำหน้าไม่เข้าใจในคำพูดของสตรีรุ่นเยาว์ พลางย้อนถามอีกครั้งว่า “ได้ทิปรึ เป็นอย่างไร”