รุกกับรับ1

1347 Words
ครั้นเมื่อเดินทางกลับไปถึงหอนายโลม เรื่องที่หนิงชิงหงลืมไปอีกก็ผุดขึ้นมาในสมอง ‘นางไม่มีที่พักให้บุรุษ!’ “เอ้อ!ข้าก็บ้าบอเสียจริง” ยืนหัวเสียอยู่หน้าหอนายโลมที่ยามนี้คนงานกำลังจัดของเข้าไปภายใน พอๆ กับที่ป้าย หอนายโลมซิ่วซิง ถูกแขวนขึ้นด้านหน้า ชื่อหอนายโลมนี้มีมารดาของนางเป็นผู้ตั้งให้เป็นของขวัญเมื่อไม่กี่วันก่อนและชื่อนี้นางก็ชอบมาก “ข้าลืมไปว่าหอนอนของเหล่าบุรุษนายโลมยังไม่เสร็จ” แน่นอนว่าหอนอนของนายโลมนั้นจะเยื้องไปทางด้านซ้ายของหอนายโลม แต่มันจะสร้างได้ก็คงต้องรอให้หอนายโลมซิ่วซิงนี้เสร็จเสียก่อน และถึงแม้หอนอนของนางโลมทางด้านหลังจะมีห้องพักเหลืออยู่เกือบสิบห้อง แต่นางก็คิดว่ามันคงไม่เหมาะสมหากจะให้ทั้งบุรุษและสตรีพักอยู่ร่วมกัน “เอาอย่างไรดีเนี่ย” ร่างบางเดินนำสองสาวใช้และหนึ่งนักบรรเลงดนตรีในชุดซอมซ่อขึ้นไปบนชั้นสาม สัดส่วนของชั้นนี้ ห้องแบบพิเศษมีทั้งหมดแปดห้อง แน่นอนว่ามันคือห้องนอนที่รองรับแขกกระเป๋าหนัก “อืม…แต่ละห้อง หากจะเอาฉากกั้นแบ่งเป็นห้องนอนก็ได้อยู่ห้องละสามคน เช่นนั้นในระหว่างนี้ก็ปล่อยให้ใช้สองห้อง” ชี้ห้องด้านในสุดและห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน “เป็นห้องพักนายโลมและห้องของท่านอาเตียขุย ท่านเข้าไปอาบน้ำก่อนเถิดอีกครู่ข้าจะบอกหูเป่ยนำเสื้อผ้าชุดใหม่มามอบให้” หูเป่ยที่ว่าคือพ่อบ้านประจำหอนายโลมของนางที่ทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำหน้าที่จัดการภายในหอให้นางได้เป็นอย่างดีตามคำแนะนำของพ่อบ้านโม่ พ่อบ้านชราเพียงหนึ่งเดียวของท่านแม่เจี่ยเจีย พ่อบ้านผู้ภักดีจนถึงขั้นที่ว่าท่านแม่ของนางสร้างบ้านหลังเล็กในพื้นที่ใกล้ๆ กับหอนางโลมนี้ให้กับลุงพ่อบ้านโม่ ซึ่งบ้านหลังนั้นมีภรรยาและบุตรสาวของท่านลุงร่วมอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่มิใช่ว่าอยู่บ้านเฉยๆ โดยไร้ประโยชน์ ทั้งสองสตรียังรับงานปักเย็บเสื้อผ้าอีกด้วย เหล่านางโลมและท่านแม่ของนางยังไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ “ขอรับคุณหนู” เตียขุยรับคำพลางเดินเข้าไปในห้องนอนนั้นอย่างว่าง่าย บุรุษเนื้อตัวมอมแมมมองความงดงามผ่านสายตาอันอ่อนล้า หลังจากการเดินทางมานับสิบปี ‘ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นที่สุดท้ายที่เขาจะใช้พักพิงไปตลอดชีพได้หรือไม่...และเรื่องนั้นก็คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม’ &&&& หนิงชิงหงนั่งตรงโต๊ะทำงานด้านหน้าทางเข้าหอนายโลมของตนเองพลางครุ่นคิด บุรุษในมือทั้งสิบสามคนที่นางมีอยู่ยามนี้ ผู้ที่จัดได้ว่าหล่อเหลาเข้าตาก็คงเป็นตงฟาง ถัดไปก็เป็นโอ้วจื่อที่หน้าตาอาจจะดีแต่ติดที่อีกฝ่ายดูผอมกะหร่องไปหน่อย “หรือไม่แน่ว่าโอ้วจื่ออาจจะเป็นสายรับ” เปรยขึ้นกับตัวเองซึ่งปัญหาใหม่ในยามนี้มันคือเรื่องสถานะทางเพศ นางควรจะถามทั้งสิบกว่าไปคนเลยดีหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องของการรับแขก ซึ่งถ้าหากเดาไม่ผิด ผู้ที่จะมาเที่ยวหอนายโลมนอกจากจะเป็นสตรีอารมณ์เปลี่ยวแล้ว ไม่พ้นต้องเป็นเหล่าต้วนซิ่วทั้งหลายแน่นอน ‘ดังนั้นบุรุษของนาง รุกต้องได้ รับต้องมี นั่นคือสิ่งที่หอนายโลมต้องการ’ “อย่างไรเจ้าคะ” เม่ยเม่ยผู้เป็นสาวใช้ถามอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ทั้งนางและคุณหนูยังคงมองตามซวงถิง สาวใช้อีกคนที่กำลังช่วยคนงานใส่ผ้าม่านตรงหน้าต่างด้านข้าง “ต้วนซิ่วของที่นี่ตามที่พี่เคยเห็น มีลักษณะตุ้งติ้งหรือ...มะ” จะกล่าวว่า ‘แมน’ แต่หนิงชิงหงเพิ่งคิดได้ว่าอีกฝ่ายมิใช่ผู้ที่มาจากยุคสมัยเดียวกันกับนาง สุดท้ายจึงเอ่ยถามแบบอธิบาย “คือต้วนซิ่วที่พี่เคยเห็น พวกเขามีรูปร่างอ้อนแอ้นเหมือนสตรีหรือเป็นบุรุษปกติที่ไม่แสดงออก” เม่ยเม่ยทำท่านึกไปถึงกิริยาของต้วนซิ่วที่เคยเห็น “พี่ไม่มั่นใจว่าบุรุษอย่างคุณชายตี้ฮงเกอจะเรียกว่าเป็นต้วนซิ่วรึเปล่า คุณชายผู้นั้นมักจะทาชาดสีแดงบนริมฝีปาก มีพัดติดตัวอยู่เป็นประจำ รูปร่างผอมบางและตอนนี้อายุยี่สิบเก้าหนาวแล้วแต่ยังไม่ตบแต่งฮูหยินเข้าสกุล นอกเหนือจากคุณชายตี้ พี่ไม่เคยเห็นต้วนซิ่วที่เหมือนสตรีนะเจ้าคะ บุรุษก็เป็นบุรุษไปเลย” “อืมๆ” หนิงชิงหงพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แม้ในสมองคิดไว้เกินครึ่งว่าคุณชายสกุลตี้ต้องเป็นสายรับแน่ๆ “เช่นนั้นถ้าหอนายโลมเปิดเมื่อใด คุณชายผู้นี้ต้องมาเที่ยวแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย” “เช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เม่ยเม่ยพยักหน้าเหมือนรู้ วันนั้นทั้งวันหนิงชิงหงเทียวไปเทียวมาระหว่างหอนางโลมเจี่ยเจียของท่านแม่และหอนายโลมซิ่วซิงของนางเพื่อสำรวจการทำอาหารในโรงครัว ซึ่งมันก็เป็นปกติดังเช่นทุกวันที่ร้านอาหารด้านล่างของหอนางโลมมีลูกค้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีวนเวียนกันไปเช่นนั้นตลอดทั้งวัน ถามว่านางได้แวะไปดูพ่อครัวหรือแม่ครัวที่ทำอาหารในโรงครัวหรือไม่ แน่นอนว่านางต้องแวะไปอยู่แล้ว การทำอาหารตามประสบการณ์ของทั้งเจ็ดคนนางต้องยอมรับเลยว่าทุกคนทำอาหารเร็ว อร่อยแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังต้องรับสมัครผู้ช่วยในครัวมาเพิ่มอีกสามคนอยู่ดี “ท่านแม่เจ้าขา” ^^ หนิงเจี่ยเจียยิ้มรับบุตรสาวอยู่ด้านหน้า (โต๊ะรับลูกค้า) ความภูมิใจฉายชัดในแววตากับความคิดของลูก แม้มิได้เลี้ยงดูให้หนิงชิงหงเป็นเหมือนสตรีในห้องหอ แต่เลี้ยงให้ดูแลตนเองได้ ซึ่งผลลัพธ์ของมันนั้นก็ถือว่าดีมาก “ว่าอย่างไรคนเก่งของแม่” “ลูกอยากถามว่า หากลูกเปิดหอนายโลมแล้ว บังเอิญมีบุรุษที่นิยมชมชอบบุรุษด้วยกัน” “ต้วนซิ่วน่ะรึ” เอียงคอถามบุตร หนิงชิงหงพยักหน้ารัวๆ “เจ้าค่ะ ในบรรดาต้วนซิ่ว ย่อมต้องมีฝ่ายรับและฝ่ายรุก เช่นนั้นแล้วลูกควรถามพนักงานของลูกดีหรือไม่เจ้าคะ ว่าพวกเขาเป็นทั้งรุกและรับหรือเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง” “รุกกับรับงั้นรึ คำนี้แม่มิเคยได้ยิน” พลันคิดถึงคู่รักต้วนซิ่ว หากรุกที่บุตรสาวพูดจะหมายถึงผู้กระทำ เช่นนั้นรับ ก็คงหมายถึงผู้ถูกกระทำและรองรับ ไม่แน่ว่ารับ อาจจะหมายถึงรับลูกค้าเช่นนางโลม “หมายถึงตำแหน่งสามีและภรรยาใช่หรือไม่” เห็นบุตรสาวพยักหน้า นางจึงพูดต่อ “อันที่จริงหากลูกจะถามไว้ก็ไม่เสียหายอะไร เพียงแต่ว่าบุรุษทั้งหลายของเจ้าส่วนใหญ่เข้ามาทำงานนี้เพราะต้องการเบี้ยหวัด การขายเรือนร่างต้องมีหลายรูปแบบ อีกทั้งลูกค้านั้นมิได้จำกัดเฉพาะสตรี แต่ยังมีบุรุษร่วมอยู่ด้วย แม่ว่าแทนที่เจ้าจะถาม ไม่สู้ให้นายโลมของเจ้าไปจัดการปัญหานี้ด้วยตนเองน่าจะดีกว่าการสอบถามไปแล้วปิดโอกาสในการหารายได้ของพวกเขา บางคนอาจชมชอบบุรุษแต่มีสตรีมาจองตัว หากไม่อยากได้เบี้ยหวัด นายโลมก็แค่บอกปัดไป แต่แม่คิดว่าพวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD