เขมิกาค่อย ๆ แง้มประตูเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
รองเท้าส้นเล็กอยู่ในมืออีกข้าง ก่อนจะย่องเดินเข้าบ้านด้วยปลายเท้าเบา ๆ พยายามไม่ให้ส่งเสียงกระทบพื้น ใจก็เต้นตุบ ๆ เหมือนนักโทษหลบหนี
...ถ้าพ่อกับแม่ได้ยินเสียงและรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว เดี๋ยวคำถามเดิมๆก็พุ่งเข้ามาอีก
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“เขาดูดีมั้ยลูก?”
“ทำไมกลับเร็วจัง?”
...จะให้ตอบยังไงล่ะว่า เธอแอบหนีออกมาตอนขอตัวเข้าห้องน้ำ แล้วเปิด Grab กลับมาอย่างไวโดยไม่บอกใคร!
เธอพาตัวเองขึ้นบันไดมาแบบไม่มีเสียง ราวกับมืออาชีพ แล้วรีบผลุบเข้าไปในห้องนอนพร้อมถอนหายใจยาว
ปลอดภัย...
เขมิกาโยนกระเป๋าไว้บนเตียง ทิ้งตัวลงนอนพลิกไปมาอย่างคนที่ยังตัดขาดจากความวุ่นวายใจของวันนี้ไม่ได้
พอความเงียบเข้ามาครอบงำ
ยิ่งได้ยินเสียงในหัวของตัวเองชัดขึ้น
“แต่งกับหนูมั้ยล่ะ?”
เธอพูดเองแท้ ๆ ตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณอาธนา...ทีเล่นทีจริง
แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกว่า ใจมันอยากให้เป็นจริงไปแล้ว
“คุณอาธนา...เหมาะกับเราที่สุด”
ใช่ !ทำไมถึงเพิ่งมาคิดได้นะ หล่อ เก่ง ใจดี สุขุม
ที่สำคัญคือ เขารู้จักตัวตนของเธอทุกด้าน
แม้แต่ด้านขี้เกียจ ดื้อ เอาแต่ใจ
แต่เขาก็ยังเอ็นดูเธอเหมือนเดิมเสมอ ไม่เคยมองเธอเป็นเด็กไม่มีค่า
“รวยด้วยธุรกิจของตัวเองที่สร้างขึ้นมากับมือ”
“พ่อกับแม่ก็ไว้ใจเขา”
เขมิกาพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางม้วนตัวอยู่บนเตียงราวกับเด็กสาวอายุสิบห้า
แต่ถ้าเรื่องมันง่ายแค่นั้นก็ดีสิ...
“ติดอยู่อย่างเดียว...คุณอาไม่ยอมแต่งกับเราแน่ ๆ”
เธอกัดริมฝีปากแน่น
พลิกตัวอีกครั้ง แล้วตะแคงมองเพดานนิ่งงัน
“โอ้ย ใครมันจะมารักเด็กที่โตมาด้วยกันแบบเรา…”
เด็กที่เขาเคยจับเปีย ถักผมให้
เด็กที่เคยร้องไห้เพราะโดนดุ แล้วก็แอบไปซบแขนให้เขาปลอบ
เด็กที่เคยแซวเขาว่า
“คุณอาหล่อเหมือนพี่ติ๊ก”
เขาจะเห็นเธอเป็น “ผู้หญิง” ได้ยังไงกัน...
เธอถอนหายใจอีกครั้ง
ความคิดยุ่งเหยิงกว่าผมที่เธอยังไม่ได้สระมาสองวัน
“แต่ถ้าเขายอมล่ะ...”
“ถ้าเขาเปิดใจขึ้นมาจริง ๆ สักนิด...”
“เราจะกล้ารักเขาจริง ๆ ได้มั้ย?”
“แล้วความรู้สึกรักมันเป็นยังไงกันนะ? อืม...แค่มีเงินให้ใช้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ...”
เธอหลับตาแน่น พยายามไล่เสียงในหัวออกไป
แต่หัวใจข้างในยังปั่นป่วนเพราะเธอเพิ่งรู้...
ตั้งแต่พูดคำนั้นออกไปแล้ว ความต้องการภายในใจของเธอก็เรียกร้องให้เป็นไปตามนั้นมากขึ้นทุกที
สามวันต่อมา
“มีอะไรเหรอพลอย?”
ธนาเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในออฟฟิศ ท่าทีของเลขาสาวที่รีบวิ่งมาดักหน้าเขาตั้งแต่หน้าห้องทำงาน ทำให้เขารู้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
พลอยสูดหายใจเฮือก “คุณเมย์ค่ะ...เธอมารอคุณตั้งแต่บ่าย ตอนนี้...ตอนนี้เธอหลับอยู่บนโซฟาในห้องแล้วค่ะ”
ธนาถอนหายใจยาว เสียงถอนใจนั้นฟังดูคล้ายความเหนื่อยหน่ายปนห่วงใย
วันที่สามแล้ว...
วันนี้คือวันที่สาม ที่เขมิกาบุกออฟฟิศเขาแบบไม่มีนัด ไม่มีธุระ ไม่มีเหตุผลอื่น นอกจาก...
“คุณอาแต่งงานกับหนูเถอะนะ”
“หนูคิดดีแล้ว หนูไม่อยากแต่งกับใครก็ไม่รู้”
“อยู่กับคุณอา หนูสบายใจที่สุด”
คำพูดพวกนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด ทั้งน้ำเสียงดื้อดึง ทั้งแววตาคาดหวัง ทั้งใบหน้าซื่อ ๆ ของหญิงสาวที่เขาเฝ้าดูแลมาตั้งแต่เล็กจนโต
เขมิกา...เธอไม่รู้เลยสักนิด ว่าการพูดเล่นของเธอกำลังสร้างความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวอยู่ลึก ๆ
ธนาพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงให้เลขากลับไปทำงาน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตน
กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ของเขา ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ บนโซฟาตัวเดิม ใต้ผ้าห่มบางที่พลอยคงหยิบมาคลุมให้
เขมิกานอนขดตัวอยู่ในท่าเดิมที่เขาเคยเห็นบ่อยในวัยเด็ก...ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย
เธอมาแบบนี้สามวันแล้ว วันแรกมาพร้อมกล่องข้าวฝีมือเธอ วันถัดมาเอาโน้ตบุ๊กมานั่งทำบัญชีสมมุติของบริษัท
วันนี้...ไม่มีอะไรเลย แค่เข้ามา รอ และ...เผลอหลับ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนมองเธออย่างสำรวจด้วยสีหน้านิ่งขรึม
ใบหน้าขาวใสที่ซุกหมอนอยู่บนโซฟานั้นดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมาก ลมหายใจสม่ำเสมอ ริมฝีปากขยับนิด ๆ เหมือนละเมอ
เขาเคยเห็นเธอหลับแบบนี้มาตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กประถม เคยอุ้มเธอขึ้นไปวางบนเตียง เคยห่มผ้าให้ตอนเธอหลับในรถ...แต่ตอนนี้ เธอไม่ใช่เด็กอีกแล้ว และนั่นคือปัญหา...
ธนาหลุบตาลง ดึงสายตาของตัวเองออกจากใบหน้าเธออย่างยากลำบาก แล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน
มือเรียวแต่แข็งแรงยื่นไปกดเปิดคอมพิวเตอร์เหมือนจะตั้งใจทำงาน แต่หัวใจกลับไม่เป็นไปตามนั้น
เสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง
“เรื่องเขากับเขมิกา...ไม่ควรเกิดขึ้น”
“มันไม่ถูกต้องเลยด้วยซ้ำ”
เขาอาจจะไม่ได้เป็นอาแท้ ๆ แต่เขาก็โตมากับเธอ ดูแลเธอ เป็นผู้ใหญ่ที่เธอต้องพึ่งพา...แล้วคนในสังคมล่ะ?พ่อแม่ของเธอจะคิดยังไง ญาติ ๆ จะมองเขาแบบไหน
แม้แต่ในสายตาคนนอก ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะกลายเป็นอะไรกัน?
“ผู้ชายที่อายุมากกว่าถึงสิบปี ฉวยโอกาสกับเด็กสาวที่เขาเลี้ยงมา?”
“คนที่เห็นมรดกมากกว่าความเหมาะสม?”
ความคิดเหล่านั้นอัดแน่นอยู่ในอกของเขา จนแม้แต่การหายใจก็เริ่มลำบากขึ้นและที่น่ากลัวที่สุดคือ...
เขาเองก็ไม่ได้เกลียดความคิดเรื่องการแต่งงานกับเธอจริง ๆ
“คุณอา...”
เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกจากริมฝีปาก ขณะที่หญิงสาวลืมตาตื่น สัมผัสแรกที่เธอเห็นคือเงาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกล แผ่นหลังตั้งตรง แววตานิ่งลึกดั่งผิวน้ำที่ซ่อนคลื่นไว้ข้างใต้ ดวงตาของเธอสบเข้ากับเขาอย่างจังและวินาทีนั้นเอง...ที่เขมิกาเพิ่งได้เพ่ง “มองเขา” จริงจัง
ไม่ใช่ในฐานะ “คุณอา”หรือว่าฐานะผู้ใหญ่ที่คอยห้ามเธอ ดุเธอ หรือยื่นมือมาช่วยตอนเธอร้องไห้...แต่ในฐานะ ผู้ชายคนหนึ่งต่างหาก ชายหนุ่มวัยสามสิบกลาง ๆ ที่อยู่ในชีวิตของเธอมาตลอด แต่วันนี้เขากลับดู
“น่าดึงดูด”
อย่างประหลาด ทรงผมเรียบเนี๊ยบที่มีไรผมเส้นเล็กตกลงมานิด ๆ ตรงหน้าผาก เสื้อเชิ้ตพับแขนที่เผยให้เห็นแขนแข็งแรงแต่ไม่อวดโอ่ กลิ่นอ่อน ๆ ของโคโลญจน์ที่อบอวลอยู่ในห้องโดยไม่ต้องเข้าใกล้
เขาหล่อ...หล่อจนใจเธอสั่น
หล่อจนเหมือนโลกทั้งโลกมันเบลอ เหลือเพียงเขา
“หรือว่านี่...คือครั้งแรก ที่เรารู้จัก ‘ผู้ชาย’ จริง ๆ”
เขมิกาเบือนหน้าหนีเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงจนเธอรู้สึกว่าแม้แต่เสียงเข็มนาฬิกาก็ยังกลบไม่ได้
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงของธนาเอ่ยถามขึ้น แต่มีอะไรบางอย่างที่อบอุ่นอยู่ลึก ๆ เสียงเขาแผ่วเบาเหมือนกลัวจะปลุกเธอให้ตื่นจากความฝัน
เธอพยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่กล้าสบตาอีก
“ขอโทษค่ะ...หนูเผลอหลับ”
“ไม่เป็นไร” เขาตอบสั้น ๆ แต่ไม่ขยับไปไหน
“แค่สงสัยว่า...วันนี้ทำไมถึงยังมาอีก ก็อาบอกไปแล้วว่าไม่!”
เขมิกาเงียบไป
ความรู้สึกในอกมันตีกันยุ่งเหยิง จะตอบออกไปยังไงดีล่ะ ว่าเธอมาที่นี่เพราะรู้สึกปลอดภัย...และมาเพื่ออ้อนวอนขอให้เขายอมใจอ่อนมาเป็นสามีของเธอเสียดี ๆ
“หนูจะมาบอกคุณอาว่า...หนูบอกพ่อแม่ไปแล้วว่าจะแต่งงานกับคุณอา”
‘โกหกคำโต ก็ไม่รู้จะอ้างว่าอะไรแล้ว’
เสียงของเขมิกาจริงจังกว่าทุกครั้งที่เคยพูดเรื่องนี้ สายตาที่มองเขาอย่างตั้งมั่นทำให้ธนาคิดว่าหล่อนไม่ได้พูดโกหก
“ว่าอะไรนะ!...”
ธนาเผลออุทานเสียงหลง ใบหน้าหล่อเหลาที่ปกติควบคุมอารมณ์ได้ทุกสถานการณ์ ตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจระคนสับสน
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องหาที่ยืนใหม่ให้กับสมดุลใจตัวเอง
“เมย์ พูดจริงเหรอ?”
“อืม...” เขมิกาพยักหน้าช้า ๆ “พ่อกับแม่ไม่ถามอะไรเลย แค่เงียบ แล้วบอกว่า ถ้าคุณอายอม ก็แต่งเลย”