เยียวยาใจ

2087 Words
กลิ่นยา?? เหตุใดกลิ่นยาจึงฉุนเช่นนี้ ฟางหรงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบ ๆ ห้อง เกิดอะไรขึ้น เท่าที่จำได้นางเจอตงหยาง แล้วนางก็.... “เหตุใดข้าถึงโง่งมในรักเช่นนี้” นายร้ายอะไรกัน ในชาติแม้แต่ฆ่าไก่นางยังไม่เคยทำ นางในชาตินี้แค่ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่สงบสุด และมีความรักที่ดี หรือจริง ๆ แล้วนางร้ายเช่นข้าไม่ควรสมหวังกัน “คุณหนูท่านฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว” ซูลี่ที่เดินเข้ามา พูดออกมาทั้งน้ำตา พร้อมทั้งวิ่งเข้าไปกอดฟางหรงแน่น “รู้หรือไม่ข้าตกใจแค่ไหน หากท่านไม่ฟื้นข้าจะทำเช่นไร” ฟางหรงไม่ได้พูดอะไร นางทำเพียงยิ้มออกมาจาง ๆ ก่อนจะมองไปที่ฮ่าวตูที่มองมาที่นางเช่นกัน แม้จะไม่พูดอะไร แต่แววตาที่สื่อออกมานั่นก็ทำให้รู้ว่าเขาเองก็เป็นห่วงนางเช่นกัน “ซูลี่ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” ฮ่าวตูที่มองฟางหรงที่ฝืนยิ้มให้เขาและซูลี่ก็ถอนหายใจออกมา ไม่เป็นอะไรแล้ว เหตุใดถึงมีแววตาเศร้าเช่นนี้ ข้าเองก็อยากช่วยท่านเช่นกัน แม้จะรู้จักฟางหรงมาทั้งชีวิต แต่เขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรให้คนตรงหน้าดีใจ “คุณหนูนอนไม่ได้สติมาตลอดเจ็ดวัน จะไม่ให้ข้าเป็นห่วงได้เช่นไร” “เจ็ดวัน???” “เจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่าเพราะท่านร่างกายอ่อนแอ หากอยากให้ท่านฟื้นหรือร่างกายดีขึ้นต้องใช้สมุนไพรที่อยู่บนเขา” ซูลี่พูดออกมาก่อนจะมองไปที่ฮ่าวตู “เป็นฮ่าวตูที่ไปนำสมุนไพรมาทำยาให้ท่านเจ้าค่ะ และเขายังบะ” “ซูลี่เจ้าออกไปก่อน” ฮ่าวตูพูดออกมาเสียงเรียบ ซูลี่ที่ได้ฟังก็ทำเพียงพยักหน้าและเดินออกไปจากห้อง นางจำได้ดีในวันที่ชายผู้นี้กลับมา ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลมากมายในมือของเขายังถือสมุนไพรไว้แน่น ท่านหมอจะรักษาเขาแต่เขากลับพูดเพียงว่าให้ช่วยคุณหนูเท่านั้น คนผู้นี้เป็นห่วงคุณหนูขนาดนี้หากทิ้งไว้กับคุณหนูก็คงไม่เป็นอะไร “ฮ่าวตูเจ้ามีอะไรหรือเปล่า” “คุณหนูไปที่หนึ่งกับข้าได้หรือไม่” ฮ่าวตูพูดออกมาเสียงเรียบ ฟางหรงมองสำรวจบุรุษตรงหน้า หากจำไม่ผิดวันนั้นเขานำป้ายประจำตัวส่งให้นางและบอกว่าติดตามนางมาตั้งแต่นางสามขวบ เหตุใดตลอดหลายปีที่ผ่านมานางไม่เคยรู้เลยว่าเขามีตัวตน แต่ไม่รู้ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้ข้าสามารถพึ่งพาดี ฟางหรงพยักหน้า นางลุกขึ้นจากเตียง ฮ่าวตูที่เห็นเช่นนั้นก็หยิบผ้าคลุมมาให้นางทันที “เจ้านำไปเถิด” ฮ่าวตูมองฟางหรงในตอนนี้ที่แทบจะไม่มีแรงเดินด้วยซ้ำ และเขารู้ดีรอยยิ้มที่นางยิ้มออกมานั้นคือการฝืนยิ้มออกมา “คุณหนู ข้าอภัย” สิ้นคำพูดขออภัย ฮ่าวตูก็อุ้มฟางหรงขึ้นทันที แม้อาการบาดเจ็บที่หลังของเขายังคงมีอยู่ แต่ฟางหรงในตอนนี้ตัวเบาซะจนเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่านางหนักอะไร “ฮ่าวตู ขะ...ข้าเดินเองได้” “ข้าไม่ได้มีเจตนา แต่หากไม่รีบก็จะไม่ทันแล้ว” ฮ่าวตูพูดออกมา ฟางหรงในตอนนี้ถูกอุ้มขึ้นบนหลังม้าตามด้วยฮ่าวตูก็ขึ้นมาด้วยเช่นกัน “คุณหนู ฮ่าวตูเจ้าจะพาคุณหนูไปไหน” ซูลี่ที่เห็นเหตุการณ์ ได้ตะโกนไล่หลังมา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด นางมองไปที่ม้าที่กำลังวิ่งออกจากจวนด้วยความเร็ว ข้าคงไม่ได้ตัดสินใจผิดใช่หรือไม่... ฮ่าวตูพาฟางหรงขี่ม้าขึ้นมาหยุดที่หน้าต้นไม้ใหญ่ ที่มีป้ายไม้ห้อยอยู่ตามกิ่งมากมาย ฟางหรงถูกอุ้มลงจากม้าและวางลงพื้นอย่างแผ่วเบา “ที่นี่คือที่ไหน” “จำไม่ได้หรือขอรับ ท่านในตอนเด็กเฝ้าแต่ตามหาวัดแห่งนี้เพื่อมาเขียนป้ายขอพร ข้าเลยคิดว่าหากพาท่านมาที่นี่.....” ท่านจะดีใจ..... เพราะเมื่อตอนนั้นท่านดีใจจนร้องไห้ออกมาเมื่อยามเห็นวัดแห่งนี้ ฟางหรงมองไปที่ต้นไม้สูง ในตอนนั้นถงหยู่ที่อยู่ในร่างนางสินะที่ตามหาวัดแห่งนี้ “ในเมื่อมาแล้วก็อธิษฐานเถอะ” ฟางหรงเดินไปหาแผงที่มีป้ายไม้ที่ใช้สำหรับเขียนคำอธิษฐาน “ท่านลุงข้าซื้อสองอัน” “หนุ่มสาวเช่นพวกเจ้าคงไม่รู้อะไรล่ะสิ หากอยากให้รักยืนยาวต้องเขียนคำอธิษฐานของพวกเจ้าไว้คนละฝั่งและนำไปแขวน จะซื้อสองอันให้สิ้นเปลืองทำไม” ชายชราพูดออกมาก่อนจะรับเงินไปแค่จำนวนป้ายหนึ่งอันเท่านั้น “นี่ท่านลุง ข้าไม่ใช่” ฮ่าวตูกำลังจะอธิบายแต่ฟางหรงกลับห้ามไว้ นางมองใบหน้าแดงของฮ่าวตูก่อนจะหัวเราะออกมา “ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องอยู่กับข้าไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือไง เช่นนั้นก็เขียนด้วยกันเถอะ” ฟางหรงยิ้มออก ฮ่าวตูมองรอยยิ้มของฟางหรงก็หน้าแดงออกมา รอยยิ้มที่ดูว่านางไม่ได้ฝืนยิ้มหรือจำใจ เขามองฟางหรงที่เขียนคำอธิษฐานของนางลงบนแผ่นไม้ “อะข้าเขียนเสร็จแล้ว เจ้าเขียนเถอะ” ฮ่าวตูรับแผ่นไม้มา ก่อนจะบรรจงเขียนคำอธิษฐานบนแผ่นไม้ ขอให้คำขอของเฉินฟางหรงเป็นจริง “ว้าว ฮ่าวตูของเรานี่เห็นข้าสำคัญที่สุดสินะ แม้แต่คำอธิษฐานของตัวเองยังมีชื่อข้า” ฟางหรงที่แอบดูอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าตอนนี้ฮ่าวตูเองหน้าแดงขึ้นก็หัวเราะออกมา ฮ่าวตูมองหญิงสาวข้างกายก่อนจะยิ้มออกมา “คุณหนูข้าจะเอาไปแขวนนะ ท่านรอข้าตรงโน้นนะ” ฟางหรงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นางเดินไปรอที่ริมสระบัวตามที่ฮ่าวตูบอก ขอให้มีความสุข คำอธิษฐานที่นางเขียนบนแผ่นป้าย ในไม่ช้านางคงพบความสุขเข้าสักวันใช่หรือไม่ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ขันทีกู่เจ้ายืนอยู่ทำไม ทำไมไม่ช่วยข้า” เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ฟางหรงที่ได้ยินก็เดินไปทางต้นเสียง “องค์ชายอยู่ที่ใด ข้าคงต้องไปตามหาที่อื่นแล้ว” ฟางหรงที่แอบมองเหตุการณ์อยู่ที่ต้นไม้ก็ขมวดคิ้วทันที นางมองผู้ชายที่กำลังจะจมลงไปในน้ำเขาร้องเรียกให้ช่วย แม้ขันทีที่ยืนอยู่ก็ทำเป็นไม่เห็น ขันทีผู้นั้นเพียงเดินออกไป “ช่วยด้วย ใครก็ได้” ให้ตายเถอะ ฟางหรงในตอนแรกตัดสินใจจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่เมื่อได้ยินเสียงขอร้องก็เกิดอาการใจอ่อน ตู้ม!!! ใช่แล้วฟางหรงตัดสินใจกระโดดลงไปในน้ำ เข้าไปช่วยองค์ชายผู้นั้นขึ้นมา แม้จะใช้เวลาอยู่นานเพราะองค์ชายผู้นั้นไม่มีแต่จะช่วยนางดันตัวเองขึ้นออกจากฝั่ง เขาเพียงกอดนางไว้แน่น “เหตุใดไม่ช่วยกัน ทั้งเจ้าและข้าเกือบตายกันทั้งคู่แล้วรู้หรือไม่!!!” ฟางหรงที่ช่วยองค์ชายขึ้นฝั่งมาได้ก็ตะตอกใส่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเหลืออด “ข้าเองก็อยากช่วย แค่ขาของข้า...พิการ” ฟางหรงที่นั่งหอบหายใจอยู่ก็ชะงักทันที นางมององค์ชายตรงหน้า ขาพิการ??? องค์ชายที่ไม่สามารถเดินได้มีเพียงคนเดียว องค์ชายสี่ผู้อ่อนแอคนนั้น!! “จริงหรือไม่เล่าที่ท่านที่ปรึกษาฆ่าองค์ชายทุกพระองค์จนหมด แต่ตอนที่กำลังสังหารองค์ชายสามกับเสียท่าแล้วโดนฆ่าตาย ส่วนองค์ชายสี่ก็โดนโทษประหารเช่นกัน ใช่หรือไม่” เสียงสาวใช้เมื่อในอดีตดังก้องในหัวของฟางหรง หากจำไม่ผิดองค์ชายสี่ผู้นี้เป็นแพะรับบาปข้อหาก่อกบฏเพราะมีองค์ชายสามเป็นผู้วางแผน “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้า ขอทราบชื่อแม่นางหากข้ากลับข้าจะส่งของตอบแทนไปแน่” ฟางหรงที่ได้ฟัง นางเพียงมองชายหนุ่มตรงหน้า ข้าควรช่วยชี้ทางให้เขาสักหน่อยดีหรือไม่..... “แม่นาง??” “ชื่อข้าท่านไม่ต้องรู้หรอก ของตอบแทนก็ไม่ต้อง แค่ใช้ชีวิตของท่านต่อไปก็พอ” “แม่นางหมายความว่าอย่างไร” “หากเจ้าเป็นคนโง่ก็จะโดนรังแกเช่นนี้ สู้เจ้าเป็นผู้ที่ใครก็แกร่งกลัว ไม่อาจมีผู้ใดรักแกได้ไม่ดีกว่าหรือ องค์ชายข้าขอเตือนความใจดีและใจอ่อนของท่านจะนำพาท่านสู่ความตายเช่นวันนี้ หากไม่อยากตายอีกก็ต้องเข้มแข็งและอยู่เหนือพวกมัน” ฟางหรงมองไปที่ทหารที่กำลังวิ่ง ก็ยืนขึ้น “หะ...เหตุใดต้องเข้มแข็งข้ามีท่านพี่ ท่านพี่จะปกป้อง” “ข้าบอกได้เพียงว่า คนที่ท่านไว้ใจได้ตอนนี้มีเพียงตัวท่านเอง คนของท่านมาแล้ว ข้าขอตัว” องค์ชายสี่มองไปที่ฟางหรงที่เดินออกไป ใบหน้าเศร้าและหวาดกลัวตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว เขาปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉย หญิงผู้นี้แท้จริงรู้อะไรกันแน่ “องค์ชาย” “คนที่ติดตามข้ามาวันนี้ สั่งประหารให้หมด” “พ่ะย่ะค่ะ” “ตามสตรีผู้นั้นไป ข้าอยากรู้ว่านางเป็นใคร ส่งชุดสตรีไปให้นางด้วยนางเปียกเพราะข้า” “พ่ะย่ะค่ะ” แม้คำพูดของนางจะดูไม่มีน้ำหนักอะไร แต่แววตาของนางนั้นไม่ได้ฉายแววโกหก “ตรวจสอบพี่น้องของข้าเงียบ ว่าพวกเขามีแผนการอะไรหรือไม่” “พ่ะย่ะค่ะ” สตรีผู้นี้แปลกยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นสตรีอื่นคงร้องไห้ให้เขารับผิดชอบและหากรู้ว่าเป็นองค์ชายก็คงไม่มีทางปล่อยไป แต่นางกลับไม่บอกแม้แต่ชื่อของนางด้วยซ้ำ ริมสระบัว “ฮ่าวตู ข้าอยู่นี่” ฮ่าวตูหันไปทางต้นเสียงพบฟางหรงที่ยืนโบกมือให้เขาอยู่ แต่ที่น่าแปลกคือ ชุดของนางเปียกโชกไปด้วยน้ำ ในมือของนางถือเม็ดบัวอยู่ “พอดีว่าข้าอยากกินเม็ดบัวก็เลย” ฮ่าวตูมองสตรีตรงหน้า ชุดของนางตอนนี้บางจนเกือบมองเห็นเนื้อนวลขาว เขาหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะถอดเสื้อคลุมให้ฟางหรงอย่างร้อนรน “ฮ่าวตู ไม่เป็นอะไรเสื้อของจ้าจะเปียกนะ” “ทะ..ท่านสวมไปเถิด ชุดของท่านในตอนนี้บางจน....” เมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ ฮ่าวตูก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ฟางหรงที่เห็นเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าคนตรงหน้าเห็นอะไร นางในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเขินอาย เพียงยิ้มออกมา เหตุใดข้าจึงอยากแกล้งฮ่าวตูนัก “ฮ่าวตูเจ้าเห็นใช่หรือไม่” “............” “ทำเช่นไรดี เอาเถอะในเมื่อเจ้าเองก็หน้าตาหล่อเหล่า แต่งเข้าจวนมาเป็นอนุข้าเถอะ” ฟางหรงพูดหยอกล้อออกมาด้วยรอยยิ้ม “คะ...คุณหนู” “ฮ่าวตูเจ้าจะไม่รับผิดชอบข้าหรอ” “ขะ..ข้า...” ฟางหรงเมื่อเห็นว่าฮ่าวตูทำตัวไม่ถูก ก็หัวเราะออกมา นางยิ้มออกอย่างอดไม่ได้ เหตุใดฮ่าวตูตรงหน้าของนางช่างน่าเอ็นดูเช่นนี้ เอาเถอะข้าจะไม่แกล้งเจ้าแล้ว “เอาเถอะ ตอนนี้ข้ายังเด็ก อีกห้าปีเจ้าค่อยมารับผิดชอบข้าก็ยังไม่สาย” ฟางหรงไม่รู้เลยว่า คำพูดของนางในวันนี้ได้ทำให้ฮ่าวตูหมาที่แสนภักดีมีความคิดและความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD