พิงค์ลานนารู้ว่างานที่ตัวเองต้องทำและนำเสนอเป็นงานของปักษ์ ว่าที่น้องเขย ซึ่งเธอไม่อยากทำ ไม่อยากมาที่นี่ แต่ก็หลีกเลี่ยงหน้าที่ไม่ได้
เธอเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงเดือนกว่า ๆ และงานชิ้นแรกในฐานะครีเอทีฟเพียงคนเดียวของบริษัทออกาไนเซอร์เล็ก ๆ แห่งนี้ก็คือการทำงานต่อจากครีเอทีฟคนเก่าที่ทิ้งงานไปแบบกะทันหัน คิดและปรับแก้อยู่หลายรอบกว่าจะโดนใจทิพรัตน์ ผู้เป็นเจ้าของบริษัท และวันนี้ก็เป็นวันนำเสนอคอนเซ็ปต์ให้ไปรยาพิจารณา แต่พอมาถึง พลอยมณีกลับบอกว่าคนที่จะเข้าฟังการเสนองานวันนี้คือปักษ์
“เมื่อกี้คุณพลอยทักว่าปิ๊งเป็นใครอะ” ทิพรัตน์ถามพิงค์ลานนาด้วยความแปลกใจเมื่อพลอยมณีคล้อยหลังแล้ว
“น้องขวัญค่ะ...น้องขวัญเป็นฝาแฝดของปิ๊ง และเป็นคู่หมั้นของคุณปักษ์”
“ฮ้า ถามจริง” ทิพรัตน์เบิกตาโต ก่อนอุทานด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากนิออน เออีสาวแสนสวยที่มาเสนองานด้วยกัน
“เฮ้ย ทำไมจุดไต้ตำตอขนาดนี้อะ แบบนี้เราก็พอจะมีหวังว่าเขาจะให้งานเราทำมั้ยเนี่ย” นิออนเอ่ยอย่างมีความหวัง
“ให้งานของเราช่วยให้เราได้งานเถอะอ้อน” ทิพรัตน์ขัดขึ้น ก่อนหันไปทางพิงค์ลานนา “แล้วก็เก็บเงียบเลยนะปิ๊ง นี่ถ้าเราแอบ ๆ ถามน้องสาวของปิ๊งว่าคุณปักษ์ชอบแบบไหน เราก็จะได้ทำให้ถูกใจเขา”
พิงค์ลานนายิ้ม ก่อนเอ่ยเสียงมั่นใจ “ปิ๊งว่าคุณปักษ์จะต้องชอบไอเดียของเราค่ะ”
“หือ?ยังไงเนี่ย ทำไมมั่นใจขนาดนั้น” นิออนถามพลางมองเธออย่างอยากรู้
พิงค์ลานนาเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องประชุมเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของปักษ์ก้าวเข้ามาเป็นคนแรก โดยที่ตลอดเวลานั้น สายตาเขาจับจ้องที่พิงค์ลานนาคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวเองก็มองหน้าเขาแทบไม่วางตาเหมือนกัน แต่แล้วเธอก็เป็นฝ่ายหลบก่อน พร้อม ๆ กับที่ทีมงานคนอื่น ๆ ทยอยกันเข้ามาจนครบ
สามสาวจากบริษัททิพออกาไนเซอร์ ลุกขึ้นเพื่อต้อนรับและยกมือไหว้ท่านประธานของบริษัทรวมถึงทีมงานของเขาทั้งหมด จากนั้นปักษ์ก็ผายมือให้ทุกคนนั่งลงตามเดิม
“เลขาของผมคงแจ้งแล้วใช่ไหมว่าคุณไปรยาไม่อยู่ ผมจะเป็นคนพิจารณางานของพวกคุณแทน” ปักษ์เอ่ยขึ้นก่อน
“แจ้งแล้วค่ะ” ทิพรัตน์พยักหน้า
ปักษ์ผายมือเป็นเชิงเชิญให้พวกเธอเสนองานได้ ทิพรัตน์จึงหันไปพยักหน้าให้ครีเอทีฟคนใหม่เริ่มทำหน้าที่ พิงค์ลานนาจึงลุกขึ้นเตรียมตัวด้วยความประหม่า เนื่องจากรับรู้ว่ามีตาคม ๆ ของใครบางคนมองอยู่เกือบตลอดเวลา เธอสูดลมหายใจยาว ๆ ปัดความรู้สึกหวั่นไหวในใจทิ้ง แล้วเริ่มต้นพรีเซ็นต์งานอย่างตั้งอกตั้งใจ
เสียงของเธอฟังเพลินสำหรับปักษ์ยิ่งนัก จังหวะการพูดแบบนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เหมือนกับว่าได้ยินเธอพูดบ่อย ๆ กระนั้นละ
เมื่อการเสนองานของเธอสิ้นสุดลง ปักษ์และฝ่ายการตลาดก็มีสีหน้าพึงพอใจในคอนเซ็ปต์ที่หญิงสาวนำเสนอ ที่เหลือหลังจากนี้คือพวกเขาจะประชุมกันอีกครั้งว่าตกลงจะเลือกบริษัทนี้ทำงานหรือเปล่า
“เป็นไงคะคุณปักษ์ คุณปิ๊งไอเดียดี ทำเอาคุณปักษ์หายเวียนหัวหรือคลื่นไส้เลยใช่มั้ยคะ” พลอยมณีกระซิบแซวเจ้านาย ขณะเสิร์ฟกาแฟให้เขาอีกถ้วย เมื่อเห็นว่าสีหน้าเขาดูดีขึ้นมาก
ได้ยินอย่างนั้นปักษ์ก็นึกได้
เออ! จริงด้วย อาการคลื่นไส้ อาการขมปากของเขาหายไปตอนไหนนะ ตอนนี้เขากลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิมแล้ว
“ได้ยินคุณพลอยมณีบอกว่าคุณปักษ์กำลังมองหาเวดดิ้งแพลนเนอร์เหรอคะ” ทิพรัตน์เอ่ยถามเชิงทีเล่นทีจริงหลังจากเสนองานเสร็จสิ้นลง และตอนนี้ทุกฝ่ายก็กำลังผ่อนคลายด้วยการดื่มกาแฟและทานของว่างที่ทางบริษัทจัดเตรียมเอาไว้ให้ด้วยกัน
“ใช่ครับ...จริงสิ คุณทิพรับจัดงานแต่งด้วยนี่นา...ถ้างั้นลองคิดไอเดียแล้วเข้ามาเสนอผมสิครับ...คุณปิ๊งเองก็น่าจะรู้ใจน้องสาวมากกว่าคนอื่นด้วย” ตอนท้ายเขาหันไปทางพิงค์ลานนา ซึ่งหญิงสาวก็รีบเอ่ย
“ทางบริษัทเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ และเราก็พร้อมจะจัดงานตามใจลูกค้าอยู่แล้ว เรียกว่าเราพร้อมจะบันดาลทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการค่ะ”
“แต่ขวัญว่าจะจ้างบริษัทที่ใหญ่และเป็นมืออาชีพกว่านี้นะคะ” เสียงของขวัญระมิงค์ดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะก้าวฉับ ๆ เข้ามาในห้อง และเมื่อเข้ามาแล้ว เธอก็ส่งยิ้มกราดไปทั่ว ๆ ไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน “ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่งานแต่งมีครั้งเดียว ขวัญก็อยากจะใช้บริษัทที่ไว้ใจได้น่ะค่ะ เอ่อ ขวัญไม่ได้หมายความว่าบริษัทของพวกคุณไว้ใจไม่ได้นะคะ”
บรรยากาศที่ดี ๆ ก่อนหน้านี้กลายเป็นความอึดอัด กระอักกระอ่วนใจกันทุกฝ่าย ก่อนที่ทิพรัตน์จะลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย
“ดิฉันเข้าใจที่คุณขวัญพูดค่ะ งานแต่งงานเป็นงานสำคัญ ก็ต้องเลือกมืออาชีพอยู่แล้ว” เธอส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ว่าที่เจ้าสาว จากนั้นจึงเอ่ยลาปักษ์และคนอื่น ๆ
“เอ่อ ปิ๊งจ๋า ขวัญขอคุยด้วยหน่อยสิ” ขวัญระมิงค์เรียกแฝดผู้พี่ไว้ก่อนอีกฝ่ายจะออกจากห้องไป
ปักษ์นั้นเขาลอบพิจารณาสองพี่น้องฝาแฝดอย่างรวดเร็ว พอมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ เขาสามารถแยกออกในทันทีว่าคนไหนเป็นคนไหน เพราะเธอทั้งสองคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวขวัญมานะคะพี่ปักษ์” ขวัญระมิงค์เอ่ยกับคู่หมั้นของตน จากนั้นจึงจูงมือพิงค์ลานนาให้เดินออกไปนอกห้องทันที