ความอึดอัด

1204 Words
ปักษ์ไม่ตอบ เพราะมัวแต่มองวงหน้าอ่อนใสของพิงค์ลานนานิ่งอยู่ แต่ครู่ต่อมา เขาก็รู้สึกตัว รีบดึงยาหอมจากมือเธอเข้าไปจ่อให้ใกล้จมูกกว่าเดิม สูดลมหายใจเข้าแรง ๆ ครู่ต่อมา สีหน้าของเขาก็ดีขึ้น เขาส่งยิ้มให้เจ้าของยาหอมเพื่อขอบคุณ พิงค์ลานนาก็ยิ้มเพราะเห็นว่าตอนนี้เศษผงของยาหอมเปื้อนจมูกโด่ง ๆ ของเขา เธอเปิดกระเป๋าควานหาทิชชู แล้วยื่นไปตรงหน้าเขาอีกครั้ง “ยาหอมเปื้อนจมูกแน่ะค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะตระหนักได้ว่าตรงหน้าเขาคือพิงค์ลานนา ไม่ใช่ขวัญระมิงค์คู่หมั้นของเขา! ส่วนคนอื่น ๆ มองทั้งสองคนสลับไปมาด้วยความแปลกใจ เนื่องจากท่าทีของทั้งคู่ที่มีต่อกันนั้นดูเป็นความเอื้ออาทรที่เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าพวกเขาได้เคยดูแลกันอย่างนี้มาแล้ว ก่อนจะพากันนึกได้ว่า อ้อ! ก็พิงค์ลานนาเป็นพี่สาวของคู่หมั้นปักษ์ ก็คงจะมีโอกาสได้ดูแลกันบ้างกระมัง เพราะไม่อย่างนั้น การใกล้ชิดระหว่างทั้งคู่ก็ดูไม่เหมาะสมนัก พิงค์ลานนาเองก็ตระหนักได้เหมือนกันว่าที่ทำอยู่ออกจะเกินหน้าไปสักหน่อย เธอจึงรีบถอยห่างจากเขา ไปยืนข้าง ๆ ทิพรัตน์ ส่วนพลอยมณีเอ่ยกับเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วง “บอสเข้าไปนั่งพักข้างในก่อนนะคะ” “โอเค...แต่คุณไม่ต้องไปส่งผมหรอก ฝากคุณส่งแขกด้วย” แล้วปักษ์ก็หันไปทางทีมงานของทิพรัตน์ โค้งศีรษะให้ แล้วทำท่าจะเดินกลับห้องของตน แต่เหมือนนึกอะไรได้ เขาหันหลังกลับมามองพิงค์ลานนา “ยาหอมนี่ผมขอได้มั้ยครับ” พิงค์ลานนาพยักหน้าทันที เขาส่งยิ้มขอบคุณ แล้วจึงเดินจากไป รอจนประตูห้องทำงานของเขาปิดลง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดจึงเอ่ยขึ้น “อาการเดียวกับผมตอนนั้นเป๊ะ ๆ เลยแฮะ...แพ้ท้องแทนเมียน่ะ” เท่านั้นเอง เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น ทุกเสียงพูดไปในทำนองเดียวกันว่าหรือว่าขวัญระมิงค์จะท้อง มีเพียงพิงค์ลานนาคนเดียวที่หน้าเหวอ แพ้ท้องแทนเมียอย่างนั้นหรือ? ขวัญระมิงค์นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาตัวยาว เมื่อเห็นชายคนรักเดินสะโหลสะเหลกลับมา เธอก็หยุดเล่นแล้วเงยหน้ามาถาม “ตกลงเป็นอะไรคะ” “เหม็นเหล้า นี่ขวัญดื่มหนักขนาดนี้เลยเหรอ” เขาตอบและย้อนถามตามตรง พลางเดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตนเอง ไม่อยากอยู่ใกล้เธอแม้แต่นิดเดียว “อะไรเนี่ยพี่ปักษ์ พูดเหมือนขวัญเป็นอีลำยองงั้นแหละ ขวัญก็แค่จิบ ๆ ไม่ได้ดื่มหนักอะไรเลย” หญิงสาวโวยวาย มองหน้าเขาอย่างไม่พอใจนัก “แต่พี่ได้กลิ่นนี่...” “นี่พี่ปักษ์เป็นอะไรไปคะ พี่ไม่รู้เหรอว่าพูดแบบนี้มันทำให้ขวัญเฟลอะ เหมือนตัวเองนี่ตัวเหม็นมาก ทั้งที่ไม่ใช่เลย ขวัญแน่ใจว่าตัวเองไม่มีกลิ่นเหล้าแน่ ๆ” “มี เหมือนมันฝังอยู่อะขวัญ...น้ำหอมของขวัญพี่ก็ได้กลิ่น แต่ก็ได้กลิ่นเหล้าด้วย...ต่อไป เวลาเราจะเจอกัน ขวัญอย่าดื่มได้มั้ย” “พี่ปักษ์!” คราวนี้ขวัญระมิงค์ทะลึ่งตัวลุกขึ้น เธอโกรธเขาขึ้นมาจริงจังแล้ว “ไหนพี่เคยบอกว่ารักที่ขวัญเป็นขวัญไงล่ะ แล้วทำไมตอนนี้มาห้ามโน่นห้ามนี่ล่ะคะ” “คือ...” ปักษ์อึกอัก ก็เมื่อก่อนเขาไม่เหม็นแอลกอฮอล์แบบนี้นี่นา เพราะตัวเขาเองก็ดื่ม ไม่เหม็น ไม่ได้รังเกียจอะไร ถ้ามันอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร แม้กลิ่นเล็กกลิ่นน้อยเขาก็ทนไม่ได้แล้ว “พี่ก็...ไม่รู้เหมือนกัน...” “หมายความว่าอะไรคะที่ไม่รู้” “คือพี่...ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี...เอางี้ พี่ขอโทษก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มตัดบท เพราะเขาเองก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน และเขาก็รู้ตัวว่าชักจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหน่อย “โห ใช้คำว่าขอโทษแล้วกัน แบบนี้ไม่เต็มใจขอโทษนี่คะ” เธอกอดอก สะบัดหน้าไปทางอื่น ซึ่งเป็นเมื่อก่อน เขาต้องรีบเข้าไปกอดแล้วง้อเธอ แต่ตอนนี้ บอกตรง ๆ ว่าเขาไม่อยากเข้าใกล้จริง ๆ “พี่ขอโทษจริง ๆ ค่ะ...ถ้างั้นพี่ขอไถ่โทษด้วยการเลี้ยงข้าวเที่ยงก็แล้วกันนะ ขวัญอยากกินอะไร พี่จัดให้เต็มที่เลย” ตอนที่พูด ท้องเขาร้องโครกครากและขวัญระมิงค์ก็ได้ยิน เธอมองหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะอย่างเห็นขัน “โอ๊ย ที่หงุดหงิดอยู่เนี่ยก็เพราะหิวเหรอคะพี่ปักษ์” ปักษ์รีบพยักหน้ารับสมอ้างทันที “ใช่ ๆ หิว หิวมากด้วย เมื่อเช้าพี่กินข้าวต้มไปหน่อยเดียวเอง...” หญิงสาวยังคงหัวเราะ “โอเคค่ะ งั้นไปกินข้าวกัน ขวัญเองก็หิวมากเหมือนกัน” เธอเดินตรงมาคล้องแขนเขา แต่ปักษ์รีบยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้ ขวัญระมิงค์เลยได้แต่มองเขาตาคว่ำไปเท่านั้นเอง ทางด้านพิงค์ลานนาระหว่างนั่งรถของเจ้านายกลับบริษัท เธอก็ปล่อยความคิดตัวเองให้ย้อนกลับไปถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน ที่เหตุการณ์ ‘ความลับ’ ได้เกิดขึ้น เมื่องานศพของแม่เสร็จสิ้นลง พ่อก็ถามเธอว่า จะทำอย่างไรต่อไป เมื่อเธอตอบว่ายังคิดไม่ออก พ่อก็เสนอว่า ‘ย้ายเข้าไปทำงานที่กรุงเทพสิ หาซื้อคอนโดเล็ก ๆ สักห้อง เอาแค่พออยู่ได้ก็พอ อย่างน้อยได้อยู่ใกล้พ่อ เวลาพ่อกับน้องเป็นอะไร จะได้ขอความช่วยเหลือได้’ โดยที่ไม่มีคำชวนให้เธอไปอยู่กับพ่อแม้แต่คำเดียว! ‘บ้านพ่อหลังเล็กนิดเดียว อยู่กันสองคนก็แทบจะเดินชนกันอยู่แล้ว อีกอย่างขวัญเขาอึดอัด เพราะไม่ชินกับการอยู่กันเยอะ ๆ ปิ๊งก็เช่าคอนโดอยู่ไปก่อน เอาไว้ขวัญเขาแต่งงานออกเรือนเมื่อไหร่ แล้วตอนนั้นปิ๊งค่อยย้ายเข้าไป ไปคอยดูแลพ่อ’ ด้วยความน้อยใจบวกกับความห่างเหินกัน ทำให้เธอลั่นปากว่าจะอยู่ที่จันทบุรีคนเดียว พ่อก็โวยวายว่าถ้าพ่อเป็นอะไรไป ใครจะช่วยดูแล จากนั้นก็เป็นการลำเลิกบุญคุณที่พ่อเป็นคนให้กำเนิดเธอมา พ่อเป็นผู้มีพระคุณ และเธอก็ควรแสดงความกตัญญูด้วย ‘แล้วขวัญล่ะคะ น้องจะไม่ดูแลพ่อเหรอคะ’ ‘ทำไมถามแบบนี้อะ ถามออกมาได้ยังไง’ พ่อเกรี้ยวกราด ‘ขวัญอยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ดูแลพ่อมาตลอด เขาทำหน้าที่ลูกกตัญญูของเขาแล้ว เหลือแต่เรานี่แหละ ยังไม่ได้ทำหน้าที่แม้แต่นิดเดียว’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD