ไปรยา ประไพ และป้าตาล พากันมองปักษ์ที่นั่งซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยสีหน้าแปลกใจ ส่วนปักษ์กำลังมีสีหน้าที่เรียกได้ว่า ‘ฟิน’ ทั้งที่ตามปกติแล้ว เขาแทบไม่แตะอาหารประเภทนี้
“อา! อร่อยมว้าก” หมดถ้วย เขาก็เงยหน้ามาพูด สีหน้าสุขใจยิ่งนัก จากนั้นจึงสั่งแม่บ้านขึ้นอีก “เอาเค้กมาเลยป้าตาล แล้วก็ไม่ต้องหวังดีกับผมด้วยการให้กินชิ้นเดียวนะ เอามาเลยสองชิ้น”
“เดี๋ยว พี่ปักษ์ ไปตายอดตายอยากมาจากที่ไหนเนี่ย ทำไมกินไม่บันยะบันยังแบบนี้ แถมยังเป็นของอ้วน ๆ ทั้งนั้นเลย” ไปรยาที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก ยังไม่ทันจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้ารีบถาม และโบกมือห้ามป้าตาลไว้
“ก็คนมันหิวนี่นา อย่ามาห้ามพี่ให้ยากเลย รีบไปเอามาป้าตาล” ตอนท้ายเขาเอ่ยเสียงเข้ม ป้าตาลมองหน้าไปรยาว่าจะเอาอย่างไรดี ที่สุด หญิงสาวก็ต้องพยักหน้าให้แกทำตามที่เขาต้องการ
“พี่ปักษ์เครียดเรื่องแต่งงานขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ...”
“กินแบบนี้ทุกวันไม่ได้นะคะ เดี๋ยวอ้วน แล้วใส่ชุดเจ้าบ่าวไม่หล่อนะ” ไปรยาพูดขึ้นอีกเมื่อเห็นแม่บ้านกลับมาพร้อมเค้กสองชิ้น
ปักษ์ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนั้น พอเค้กถูกวางลงตรงหน้า เขาก็ใช้ช้อนตักเข้าปากทันที และตามด้วยสีหน้าบ่งบอกความ ‘ฟิน’ อย่างเมื่อครู่
“เออ วันนี้ผมได้เจอคุณปิ๊งด้วยนะครับแม่...ปิ๊งคือพี่สาวฝาแฝดของขวัญนะปุ๊” ตอนท้ายเขาบอกน้องสาว เพราะเธอยังไม่รู้เรื่องนี้ และไปรยาก็เหมือนเขาเหมือนแม่ ที่พอทราบเรื่องก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
“จริงดิ ไม่เคยได้ยินพี่ขวัญพูดถึงเลยอะ”
“เห็นว่าแยกกันอยู่ตั้งแต่เล็ก ๆ เพิ่งได้เจอกันตอนงานศพของแม่ ก็เลยไม่สนิทกัน” ปักษ์พูดตามที่คู่หมั้นบอก “แต่ก็แปลก ต่อให้ไม่สนิทแค่ไหน งานหมั้นน้องสาวก็น่าจะมานะ คือเป็นพี่น้องกันอะ”
“อาจจะไม่สนิทกันจริง ๆ ล่ะมังคะ เพราะพี่ขวัญเองก็ไม่เคยพูดถึงพี่สาวตัวเองเหมือนกันนี่” ไปรยาแสดงความเห็น ปักษ์พยักหน้าน้อย ๆ แล้วตักเค้กเข้าปากต่อ พอกินเสร็จ เขาคุยเล่นกับแม่ต่อครู่หนึ่ง ก็ขอตัวขึ้นห้องนอน โดยจูงมือน้องสาวไปด้วย
“มีอะไรคะ ทำไมต้องทำท่ามีลับลมคมในแบบนี้ด้วย” เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขากันตามลำพังแล้ว คนน้องก็ถามทันทีด้วยความสงสัย
“คืองี้นะปุ๊ พี่รู้สึกแปลก ๆ...คือ...” เขามีท่าทีลังเล ไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม
“มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องพูดแล้วปะ พี่ปักษ์ พูด ๆ มาเหอะ”
“คือพี่...รู้สึก...คุ้นเคยกับคุณปิ๊งอย่างประหลาด มันแปลกมาก พอเห็นหน้าเขา พี่กลับรู้สึกสบายใจสบายตัวบอกไม่ถูก เหมือน ๆ ไอ้อาการเวียนหัวจะหายไปด้วย แต่ตอนอยู่กับขวัญ...พี่จะอ้วก”
“พี่ปักษ์!” ไปรยาเรียกชื่อพี่ชายด้วยความตระหนก “พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”
“ตอนแรกพี่ถึงไม่อยากพูดไง...แต่...พี่ไม่ได้คิดว่าจะจีบคุณปิ๊งหรืออะไรแบบนี้นะ พี่ยังรักขวัญอยู่ และพี่ก็ไม่ใช่คนจะมีผู้หญิงพร้อมกันสองคนด้วย”
“แน่ใจนะคะ ไม่ใช่ว่าทะเลาะกับพี่ขวัญบ่อย ๆ ก็เลยเบื่อ ก็เลยมองหาคนใหม่นะ” ไปรยาถามเพื่อความแน่ใจ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ พี่ก็จะไม่ชอบคนใกล้ตัวขวัญขนาดนี้หรอก น่าเกลียดตายเลย อีกอย่าง คุณปิ๊งน่ะ เขามีแฟนแล้ว เขากำลังท้องด้วย พี่จะทำแบบนั้นได้ไง”
“พี่ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมอะ”
“เรื่องไหน ถ้าเรื่องอยู่ใกล้คุณปิ๊งแล้วหายจากไอ้การบ้า ๆ นี่ ก็เป็นไปได้ว่าพี่อาจจะคิดไปเองหรือมันได้จังหวะพอดี แต่เรื่องที่เห็นขวัญแล้วพี่จะอาเจียนนี่ เรื่องจริงเลย เนี่ย แค่ได้ยินชื่อก็พะอืดพะอม” แล้วเขาก็ยกมือปิดปากทำท่ากลั้นอาเจียนให้น้องสาวทำหน้าไม่ถูก
“เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนเป็นแบบนี้ แล้วจะทำไงล่ะเนี่ย” สีหน้าไปรยาหนักใจ
ปักษ์จับมือน้องสาวเอาไว้ แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก
“ปุ๊ว่า...เป็นไปได้ไหมที่...ขวัญคนนี้กับขวัญคนที่ดูแลพี่เป็นคนละคนน่ะ”
ไปรยาเบิกตากว้าง มองพี่ชายเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด “พี่ปักษ์หมายความว่ายังไงน่ะ...”
“ปุ๊เชื่อมั้ย ขวัญไม่เคยถามถึงอาการของพี่แม้แต่คำเดียว เวลาที่พี่ไม่สบาย เขาก็ทำหน้าเบื่อ ทำหน้าเซ็ง เขาไม่เหมือนขวัญที่ดูแลพี่ตอนตาบอด เว้นแต่ว่าตอนพี่ตาบอด เธอเล่นละครตบตาพี่และเราทุกคนว่าเธอรักและเป็นห่วงพี่”
ไปรยาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ไม่ใช่อย่างแน่นอน พี่ขวัญที่ปุ๊เห็น รักและเป็นห่วงพี่ปักษ์จริง ๆ ปุ๊เคยเห็นพี่เขาแอบร้องไห้ตอนที่เราหากระจกตาให้พี่ไม่ได้เสียที เขารักและเป็นห่วงพี่มากนะคะ”
“แล้วเราจะอธิบายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี่ยังไงล่ะปุ๊”
ไปรยาดึงมือออกจากมือพี่ชาย แล้วเดินไปเดินมาด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ไปถามพี่ขวัญตรง ๆ เลยดีมั้ยคะ” สักพักก็หันมาถามความเห็น
“ถามว่า”
“นั่นสิ จะถามว่าอะไรล่ะ” ที่สุด หญิงสาวก็ทรุดกายลงนั่งบนเตียงอย่างจนปัญญา แต่สักพักก็ทำตาโตอย่างนึกออก “เราถามไม่ได้ แต่เราแอบพิสูจน์เองได้นี่นา ทีนี้ก็อยู่ที่ว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้ว พี่ปักษ์จะทำยังไง”
นั่นสิ! ชายหนุ่มถามตัวเองอยู่เหมือนกัน
“หรือไม่ก็ไม่ต้องพิสูจน์อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้” ไปรยาเอ่ยขึ้นอีก
“แต่ถ้าทุกอย่างยังเป็นแบบนี้ นับวันพี่ก็ยิ่งรู้สึกห่างเหินกับขวัญ...” ปักษ์เอ่ยเหมือนรำพึงกับตัวเอง “บางทีก็เหมือนไม่รู้จักเขาเลย”
เท่านี้ก็เป็นคำตอบให้คนเป็นน้องแล้ว ว่าพี่ชายตัดสินใจอย่างไร