เริ่มพิสูจน์

1356 Words
ไปรยาเลื่อนแฟ้มเอกสารไปตรงหน้าพิงค์ลานนา พลางเอ่ย “นี่ค่ะ สินค้าที่ปุ๊จะทำ เป็นอาหารเสริมจากญี่ปุ่นค่ะ คุณปิ๊งอ่านเอกสารดูก่อนนะคะ” “อ๋อ ตัวนี้เอง” พิงค์ลานนาเผลอพึมพำออกมา เพราะช่วงที่เธอดูแลปักษ์ ไปรยาเคยเล่าให้เธอฟังถึงสินค้าตัวนี้ที่เจ้าตัวจะรับมาขาย โดยทำในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับบริษัท “คุณปิ๊งรู้เหรอคะว่าปุ๊จะทำสินค้าตัวนี้” ไปรยาถามด้วยความแปลกใจ “เอ่อ...ก็...ขวัญเคยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ” ไปรยาพยักหน้า ลอบสังเกตกิริยาท่าทางของคนตรงหน้าไม่วางตา เธอจำได้นะพี่ปักษ์เคยบอกว่า สองสาวฝาแฝดไม่สนิทกัน เพิ่งเจอกันตอนโต ดังนั้น เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องสินค้าของเธอ ไม่มีทางที่ทั้งคู่จะคุยกันอย่างแน่นอน “พูดถึงพี่ขวัญ ไม่รู้เตรียมงานแต่งไปถึงไหนแล้วนะคะ เออ แล้วงานนี้คุณปิ๊งเป็นเพื่อนเจ้าสาวหรือเปล่าคะ” พิงค์ลานนายิ้มเจื่อน ๆ อย่าว่าแต่เป็นเพื่อนเจ้าสาวเลย ขวัญระมิงค์แต่งงานวันไหน เธอยังไม่รู้เลย “พี่ เอ่อ ดิฉันท้องอยู่ คงไม่สะดวกไปงานที่มีคนเยอะ ๆ หรอกค่ะ” “ท้องกี่เดือนแล้วคะเนี่ย” “สองเดือนกว่าแล้วค่ะ” “อุ๊ย กว่าจะถึงงานแต่งก็คลอดแล้วล่ะค่ะ แต่ก็อาจจะเป็นแม่ลูกอ่อนพอดี” “ค่ะ เป็นแม่ลูกอ่อนก็คงจะไปไหนไม่สะดวก ขวัญเองก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน” เธอตอบพลางยิ้มเศร้า “เอ่อ...คุณปิ๊งอ่านรายละเอียดสินค้าไปก่อนนะคะ ปุ๊ขอตัวไปคุยงานกับพี่ปักษ์แป๊บหนึ่ง แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” “ได้ค่ะ...” “อ้อ คนท้องอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ เดี๋ยวปุ๊ให้คนหามาให้” “อุ๊ย อย่าลำบากเลยค่ะ” “ไม่ได้สิคะ ปุ๊ทำให้คนท้องต้องลำบากนั่งรถมาตั้งไกล เออ คุณปิ๊งแพ้ท้องหรืออยากกินอะไรเปรี้ยว ๆ มั้ยคะ เดี๋ยวปุ๊ขอพี่ปักษ์มาให้ดีกว่า พี่ปักษ์น่ะ หอบมะม่วง ของกินมากินที่ทำงานเพียบเลยค่ะ” พิงค์ลานนาเบิกตากว้าง เขายังไม่หายจากอาการที่เหมือนแพ้ท้องอีกหรือ? “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเกรงใจ” “ไม่ต้องเกรงใจค่ะ รอแป๊บนะคะ เดี๋ยวปุ๊มา” พูดจบ เจ้าตัวก็เดินเร็ว ๆ ออกจากห้องไป พิงค์ลานนาได้แต่มองตามทั้งขำทั้งแปลกใจทั้งเกรงใจ เมื่อเจ้าของห้องออกจากห้องไปแล้ว หญิงสาวก็เปิดแฟ้ม หยิบเอกสารออกมาอ่านรายละเอียด งานที่ไปรยาให้เธอทำก็คือเขียนแอดเวอทอเรียล[1] สินค้าตัวนี้ลงในสื่ออินเตอร์เน็ตหลาย ๆ สื่อนั่นเอง โดยจะมีรูปภาพของดาราหรือเซเลบริตี้มาประกอบโฆษณาด้วย ซึ่งไปรยาก็บอกว่ากำลังติดต่อดาราสาวคนหนึ่งอยู่ จะว่าไป พิงค์ลานนาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมไปรยาถึงเลือกใช้เธอ ทั้งที่มีครีเอทีฟดัง ๆ เก่ง ๆ อยู่มากมาย แต่ก็คิดว่าอาจเพราะฝ่ายนั้นเห็นผลงานของเธอแล้วก็ได้ และเธอเองก็ไม่เกี่ยงงานอยู่แล้ว ขอให้ได้เงินเถอะ เธอทำหมดนั่นละ จะได้เก็บเอาไว้ใช้ดูแลลูก หญิงสาวละมือจากเอกสารแล้วลูบท้องตัวเองเบา ๆ “ได้อยู่ใกล้พ่อแล้วเป็นไงบ้างจ๊ะลูก ๆ” เธอถามเสียงเบา น้ำตาซึมออกมาคลอหน่วยตา เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงเปิดประตู เธอจึงรีบยืดกายขึ้นนั่งตัวตรง เช็ดน้ำตาทิ้งแล้วหันไปยิ้มให้ไปรยา แล้วยิ้มนั้นก็มีอันต้องค้างอยู่บนริมฝีปาก ตาโตขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เพราะผู้ที่ก้าวเข้ามาคือชายผู้เป็นพ่อของลูกเธอนั่นเอง ในมือเขามีกล่องพลาสติกสองใบ ปักษ์ส่งยิ้มให้เธอ สีหน้าเขาดูตื่นเต้นแปลก ๆ “ยายปุ๊บอกว่าคุณปิ๊งอยากได้ของว่าง” เขาว่าพลางวางกล่องทั้งสองลงตรงหน้าเธอ จากนั้นจึงเปิดให้ดู ก็พบว่ากล่องหนึ่งเป็นมะม่วงที่ฝานเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกกล่องเป็นกล้วย แอปเปิ้ลและส้มที่จัดวางอย่างสวยงาม “อยากทานอะไรครับ” “เอ่อ ขอส้มลูกเดียวก็พอค่ะ ดิฉันไม่ได้หิวมาก” เธอว่าพลางจะหยิบผลส้ม แต่ปรากฏว่าปักษ์หยิบมันได้ก่อน แล้วจัดการปอกเปลือกด้วยตัวเอง “พี่ปักษ์...เอ่อ...คุณปักษ์ไม่ต้องทำให้ดิฉันหรอกค่ะ ดิฉันทำเองได้” เขาทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ ยังปอกส้มต่อ ปากก็ชวนคุย“ท่าทางคุณดูสดใสมาก แสดงว่าไม่ค่อยแพ้ท้องใช่มั้ย” พิงค์ลานนาก้มหน้าซ่อนยิ้ม ใช่ เธอไม่แพ้เลยละ เพราะมีคนบางคนแพ้แทนเธอไปแล้วอย่างไรล่ะ! “ค่ะ” เขาพยักหน้ารับทราบ แล้วยื่นส้มให้เธอ “นี่ครับ ส้มของคุณแม่” หัวใจพิงค์ลานนากระตุกวูบ ...คุณแม่...คำนี้น่ารักเหลือเกิน น่าเสียดายที่...นี่อาจเป็นเพียงครั้งเดียวที่เธอจะได้ยินเขาเรียกเธออย่างนี้ “ขอบคุณค่ะ” เธอเอื้อมมือสั่น ๆ ไปรับส้มลูกนั้นมา แล้วก็ถือเอาไว้ ยังไม่ยอมกิน เธอเงยหน้าสบตาเขา “ว่าแต่ทำไมคุณปักษ์ถึงมาเอง คุณปุ๊ล่ะคะ” “ปุ๊เขาติดสายน่ะ ผมกลัวว่าแม่ท้องจะหิว เลยรีบเอามาให้...กินสิครับ” หญิงสาวยิ้ม อดนึกถึงวันคืนเก่า ๆ ที่เธอเคยบอกให้เขาหัดกินข้าวเองไม่ได้ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการใช้ชีวิตในโลกมืด ซึ่งเขาก็จะงอแงอยู่บ่อย ๆ ‘ขวัญป้อนพี่ไม่ได้เหรอครับ นะนะ ช้อนแรกก่อนก็ได้’ ‘ไม่ได้ค่ะ ป้อนมาหลายครั้งแล้ว ต่อไปนี้พี่ปักษ์ต้องหัดกินเองนะคะ…’ ‘แต่ว่า…’ ‘อย่าดื้อสิคะ ถ้าพี่ทำได้ มันก็จะดีกับตัวพี่ปักษ์เอง’ ‘ดียังไงล่ะ’ เขาทำเสียงทำหน้างอแงเหมือนเด็กกำลังถูกขัดใจ ‘ก็พี่ปักษ์จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ไงคะ เผื่อวันไหนที่ขวัญ คุณแม่หรือน้องปุ๊ไม่อยู่ไง’ ‘พี่จะไม่ยอมให้ขวัญไปไหนทั้งนั้น’ แล้วเขาก็ดึงร่างเธอเข้าไปกอดเอาไว้อย่างหวงแหน ‘ไม่ได้จะไปไหนหรอกค่ะ แต่พูดเผื่อไว้ เผื่อสักวันทุกคนมีธุระนอกบ้านไงคะ นะคะ คนดีของขวัญ ฝึกเอาไว้นะคะ’ ตอนท้ายเธอใช้น้ำเสียงอ้อนวอน ‘หอมแก้มก่อนแล้วจะทำ’ เขายื่นข้อเสนอที่ทำให้เธอหน้าแดงก่ำด้วยความเขิน และอดหมั่นไส้ไม่ได้ เหมือนเด็กก็ไม่ปาน ต้องยื่นข้อเสนอก่อน แล้วถึงจะยอมจะทำ แล้วเธอก็มักจะใจอ่อนให้เขาเสมอเสียด้วยสิ เธอยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาครั้งหนึ่งแล้วก็ดึงตัวเองกลับ แต่เขารวบร่างเธอไปกอดอีกครั้งแล้วจุ๊บลงมาบนปากเธอ จนเธออดค้อนให้อีกหนไม่ได้ “เนี่ย ๆ เวลากินข้าวก็เอาช้อนเข้าปากให้มันเหมาะเหม็งแบบนี้ด้วยนะคะพี่ปักษ์’ เธอเหน็บ เขาหัวเราะถูกใจ ก่อนจะยอมปล่อยร่างเธอ แล้วก็หัดกินข้าวด้วยตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ “ครับ? คุณปิ๊ง ไม่กินเหรอครับ” เสียงของเขาดังขึ้น ทำให้พิงค์ลานนาสะดุ้ง ภาพความทรงจำหายวับไป เธอกะพริบตาถี่ ๆ แล้วจึงพบว่าตอนนี้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม แววตาที่ทอดมองมามีแต่ความเป็นห่วงฉายชัด และพิงค์ลานนาก็อุ่นวาบในอก น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “กินค่ะ กิน” แล้วเธอก็แกะกลีบส้มเข้าปาก ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนน้ำตา [1] ข่าวที่เป็นเนื้อหากี่งโฆษณา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD