เพื่อนมีไว้ทำไม

1410 Words
“ใช่ค่ะ” คราวนี้ไปรยาเป็นคนตอบ “แล้วคุณปิ๊งก็บอกฉันด้วยว่าท้องได้สองเดือนกว่า ๆ แล้ว” “เมื่อกี้ก็ยังเดินเลือกเสื้อผ้าเด็กอยู่เลย” ปักษ์เสริมขึ้นอีก เท่านั้นเอง ณดาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทร.หาพิงค์ลานนาทันที แต่แดนห้ามเอาไว้ แล้วหันมามองสองพี่น้อง “แล้วพวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงต้องเดือดร้อนกับเรื่องของปิ๊งด้วย” “เอ่อ...” ปักษ์อึกอัก เพราะเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะโกรธแทนเธอได้ขนาดนี้เหมือนกัน “ปุ๊เป็นเพื่อนพี่ปิ๊งค่ะ ส่วนพี่ปักษ์ก็เป็นแฟนของน้องสาวพี่ปิ๊งค่ะ” ไปรยารีบอธิบาย แดนกับณดาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจอีกคำรบหนึ่ง จากนั้นก็ทำท่าจะผละออกจากตรงนั้น แต่ปักษ์กลับขวางไว้อีกรอบ “สรุปว่าคุณไม่ใช่สามีคุณปิ๊ง?” “ก็ใช่น่ะสิ คุณนี่มันบ้าชัด ๆ ครอบครัวผมเกือบจะพัง” แดนชี้หน้าด้วยความไม่พอใจ ปักษ์กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น “ผมขอโทษด้วย ก็ใครจะไปนึกล่ะ ก็เห็นคุณมารับคุณปิ๊ง” เสียงเขาอ่อยลง แดนกับณดาส่ายหน้าด้วยความระอา จากนั้นจึงจูงมือกันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว “พี่ปักษ์ ได้ยินที่สองคนนั้นพูดหรือเปล่า” ไปรยาเอ่ยเสียงตื่นเต้น “ได้ยินสิ เต็มสองรูหูเลยว่าเขาไม่ได้เป็นสามีคุณปิ๊ง” ปักษ์ทำหน้าจ๋อย จนคนเป็นน้องอดหัวเราะไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นเขาออกอาการใจร้อนแบบนี้มาก่อน “ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ สองคนนั้นบอกว่าพี่ปิ๊งไม่มีแฟน แล้วจะท้องได้ยังไงต่างหากล่ะ!” ทางด้านพิงค์ลานนา ออกจากห้าง เธอก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านพร้อมกับภาวนาในใจว่า ขอให้การแสดงละครของเธอวันนี้ประสบความสำเร็จด้วยเถอะ ขอให้ปักษ์กับไปรยาอย่าได้คิดหรือเชื่อว่าเธอคือคนที่คอยดูแลปักษ์เลย หลังจากไปรยามาถึง บางคำพูด บางกิริยาท่าทางของสองพี่น้อง ทำให้เธอค่อนข้างมั่นใจว่า การนัดพบเธอในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อเรื่องงานเพียงอย่างเดียว พวกเขาพยายามสืบความลับบางอย่างจากเธอด้วย ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นว่าเธอกับขวัญระมิงค์สลับตัวกันหรือเปล่า เธอมองไม่เห็นสาเหตุอื่นอีกแล้ว หญิงสาวระบายลมหายใจอ่อนเบา เค้ารางความยุ่งยากก่อตัวขึ้นแล้วจริง ๆ แล้วนี่เธอจะทำอย่างไรดี? เตือนขวัญระมิงค์ให้รู้ตัว ให้ระมัดระวังตัวดีไหม? หรือถ้าปักษ์กับไปรยาสืบได้ เธอก็ยอมรับไปตามตรงว่าใช่ มีการเปลี่ยนตัวกันจริง ๆ และเธอก็กำลังท้องลูกของปักษ์อยู่จริง ๆ แต่เธอไม่ได้ต้องการให้เขามารับผิดชอบเธอ เพราะคนที่เขารักคือขวัญระมิงค์ ส่วนลูก ถ้าเขาไม่รังเกียจ เขาจะรับผิดชอบก็ได้ แล้วเขาก็แต่งงานกับขวัญระมิงค์ต่อไปตามเดิม แต่ทุกอย่างจะราบรื่น จะง่าย อย่างที่เธอคิดจริง ๆ นะหรือ? แล้วถ้าพวกเขาเอาลูกไปจากเธอ ไม่ให้เธอเลี้ยง ไม่ให้เธอได้เห็นหน้าพวกแกล่ะ? โอย แค่คิด ใจเธอก็แทบสลายลงตรงนี้แล้ว ระหว่างนั้นเอง ข่าวจากวิทยุที่แท็กซี่เปิดก็กำลังรายงานเรื่องเด็กวัยสองขวบคนหนึ่งที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อสองวันที่แล้ว ตอนนี้หาตัวพบแล้ว ที่แท้คนเป็นพ่อขโมยไป เพราะอยากได้ลูก เป็นข่าวที่ยิ่งตอกย้ำความกลัวของพิงค์ลานนาให้มากขึ้นไปอีก “พวกบ้า เอาแต่ใจตัวเอง ไม่คิดถึงจิตใจเด็ก!” แท็กซี่บ่นออกมาด้วยน้ำเสียงบ่งบอกความโมโหมาก “อีพ่อน่ะตัวเลวเลย อยู่ ๆ เกิดอยากได้ลูกไว้คนเดียวซะงั้น แต่ไม่มีปัญญาทำให้ลูกรัก เลยมาขโมยเอาไป สงสารก็แต่เด็ก” เขายังพล่ามต่อ และใจของพิงค์ลานนาก็ยิ่งหวาดหวั่น หญิงสาวลูบท้องตัวเองด้วยความหวงแหน ไม่! แม่จะไม่ให้ใครพรากลูกไปจากแม่เด็ดขาด เธอตะโกนก้องในใจ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอกรีดเสียงขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนยกขึ้นมาดู พอเห็นชื่อที่แสดงอยู่หน้าจอ เธอก็พรูลมหายใจยาวโล่งอก ณดา เพื่อนรักของเธอนั่นเอง พิงค์ลานนายืนหน้าซีดอยู่ตรงข้ามเพื่อนรักทั้งสอง ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้างนัก “ขอความจริงแบบจริง ๆ เลยนะปิ๊ง” ณดาเอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม ไม่มีน้ำเสียงตำหนิหรือกล่าวโทษทั้งในน้ำเสียงและสีหน้า เธอรู้จักพิงค์ลานนาดีว่าไม่ใช่คนเหลวไหล ไม่ใช่คนคบผู้ชายไปเรื่อย ที่ผ่านมา พิงค์ลานนามีแฟนแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วก็คบกันหลายปีก่อนจะเลิกรากันไป “ใช่ ปิ๊งท้องอย่างที่คุณปักษ์บอกนั่นแหละ” พิงค์ลานนาพยักหน้ารับ เพื่อนทั้งสองเล่าให้เธอฟังหมดแล้วว่าเจอปักษ์ และปักษ์พูดอะไรบ้าง “แล้ว...แฟนปิ๊งอยู่ที่ไหน ทำไมไม่พามาให้พวกเรารู้จักเลยล่ะ” แดนถามขึ้นบ้าง มองเพื่อนอย่างพิจารณาไปด้วย พิงค์ลานนาเมินหน้าไปทางอื่น และไม่ตอบคำถาม คู่รักหันสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนณดาจะถามต่อ “มีปัญหากันเหรอ” “ก็...มีแหละ” “ปัญหาคืออะไรน่ะปิ๊ง บอกมา พวกเราจะได้ช่วยปิ๊งคิดแล้วก็แก้ปัญหากันไง” แดนห่วงเพื่อนและอยากช่วยเธอแก้ไขปัญหาจริง ๆ “เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้หรอก ขอบคุณแดนกับณดามากนะ แต่ปิ๊งโอเคกับที่เป็นอยู่ตอนนี้” “เขาไม่ได้มีปิ๊งคนเดียวใช่ไหม” แดนโพล่งถามตรง ๆ ตามสัญชาตญาณและความเป็นไปได้ พิงค์ลานนาเงียบอีก เป็นการยอมรับกลาย ๆ ซึ่งเพียงเท่านั้นเพื่อนรักทั้งสองก็เข้าใจ และไม่เซ้าซี้ถามอะไรต่ออีก เพราะรู้ว่าต่อให้จี้ถามแค่ไหน คนอย่างพิงค์ลานนาก็ไม่มีวันยอมปริปาก “แล้วนี่กี่เดือนแล้ว ฝากท้องเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ณดาถามต่อ “สองเดือนกว่าแล้ว แล้วก็ฝากท้องแล้วจ้ะ” “อ้อ ก็ต้องฝากแล้วสิเนาะ คุณคนนั้นบอกว่าเห็นปิ๊งถือยาบำรุงครรภ์” “คุณปักษ์นะเหรอ” พิงค์ลานนาเอ่ยเสียงเบา “ใช่...เขาดูเป็นห่วงปิ๊งมากนะ ขนาดมาชี้หน้าด่าแดนเลยอะ...” แดนแสดงความเห็น มองเพื่อนอย่างพิจารณากว่าเดิม “เขาเป็นแฟนของน้องสาวปิ๊งนะ แล้วเขาก็เป็นคนดีมาก ก็เลยคงจะห่วงพี่สาวแฟนน่ะ” “อ้าว จริงเหรอเนี่ย” ณดาอุทานด้วยความแปลกใจ “น้องสาวที่ว่าแม่เขียนพินัยกรรมให้ไปรับมรดกน่ะนะ” “ใช่ ๆ” “โอเค ถ้างั้นก็พอทำความเข้าใจได้...แล้วนี่ปิ๊งมีอาการแพ้หรือเปล่า หรือท้องมีปัญหาอะไรมั้ย” “ไม่แพ้จ้ะ แค่มีเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวนิดๆ หน่อย ๆ แค่นั้น นอกนั้นสบายมาก” “แต่ยังไงก็น่าห่วงอยู่ดี เอางี้ ณดาจะย้ายมาอยู่กับปิ๊งก่อนนะแดน อยู่จนกว่าจะคลอด” หันไปทางคนรักเป็นเชิงปรึกษา แดนพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด “ตามนั้น เดี๋ยวแดนจะ...” “ไม่เป็นไรนะณดา แดน ปิ๊งอยู่ได้ เอาไว้ตอนใกล้คลอดค่อยมารับปิ๊งไปโรงบาลก็พอ” “ไม่ได้ แดนกับณดาจะไม่ปล่อยให้คนท้องใช้ชีวิตตามลำพัง ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนคอยดูแลแบบนี้ไม่ได้” แดนเอ่ยเสียงแน่นหนัก แค่คิดภาพเพื่อนรักไปไหนมาไหนคนเดียว ทำอะไรคนเดียว กินคนเดียวนอนคนเดียว เขาก็สงสารเพื่อนสุดหัวใจแล้ว “แต่ปิ๊งเกรงใจ...” “เพื่อนมีไว้ทำไม ถ้าไม่คอยช่วยเหลือกัน หา ปิ๊ง...ห้ามคิดแบบนี้อีกนะ เข้าใจมั้ย ตอนพวกเราลำบาก” ณดาดุเสียงจริงจัง พิงค์ลานนายอมจำนนเหตุผลของเพื่อน น้ำตาไหลคลอดวงตาคู่สวยด้วยความตื้นตันใจ อย่างน้อยชีวิตของเธอก็ไม่โดดเดี่ยว “ขอบคุณนะณดา ขอบคุณมากนะแดน...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD