“อะไรนะ! ท้องเหรอ ไม่นี่ ฉันไม่ได้ท้อง”
ขวัญระมิงค์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ ขณะนี้เธอนอนอยู่บนเตียงที่บ้านของตัวเอง เธอเพิ่งตื่น เพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับก็เกือบรุ่งสางแล้ว “เอางี้ ก่อนคุณจะงง ฉันต้องรีบบอก ผู้หญิงที่คุณเห็น น่าจะเป็นฝาแฝดของฉัน เพราะเขาท้องอยู่”
คนที่โทร.มาคือพีร์นั่นเอง หลังจากแยกกับคนรัก เขาที่ยังงงกับท่าทีของคนที่เขาคิดว่าขวัญระมิงค์ ที่แสดงออกกับเขาเหมือนคนไม่รู้จักกัน จึงโทร.มาเช็คอีกทีเพื่อความแน่ใจว่านั่นเป็นเพียงละครที่เธอแสดงเพราะกลัวคู่หมั้นจะเข้าใจผิด
“คุณแน่ใจนะ”
“เอ๊ะ เป็นอะไรน่ะพีร์ อยู่ ๆ จะยัดเยียดให้ฉันท้องได้ยังไง”
“ถ้างั้นผมคิดว่าคนที่ควรจะงงคือคุณแล้วละขวัญ”
“หมายความว่า?”
“ก็ผมเห็นคู่หมั้นคุณอยู่กับคู่แฝดคุณ แล้วเขาก็เหมือนเป็นคนรักกันเลยนะ เอ หรือว่าคุณกับคู่แฝดแชร์สามีกันด้วยอะ แหม น่ารักเนอะพี่น้องคู่นี้”
“อธิบายมาให้หมดว่าคุณเห็นอะไรบ้าง” เธอคาดคั้นเสียงแหลม
เมื่อได้ฟังความจริงจากพีร์ เธอก็วางสายด้วยความโมโหที่พี่สาวไม่รักษาสัญญา เธอจะทำอย่างไรกับผู้หญิงหน้าเหมือนเธอที่จ้องจะแย่งคนรักของเธอดี!
หญิงสาวลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากห้อง เดินลงไปข้างล่าง
“พ่อคะ พ่อ อยู่หรือเปล่า” เธอตะโกนหาด้วยความไม่แน่ใจนักว่าพ่อจะยังอยู่บ้าน เพราะบางวันพ่อก็จะอยู่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของร้านอาหาร แต่บางวันก็ออกไปที่บ่อน
“มีอะไร” เสียงถามห้วน ๆ ดังมาจากห้องทำงานของพ่อ ซึ่งอยู่มุมหนึ่งของบ้าน
“ปิ๊งมันกวนตีนขวัญ เนี่ย มันไปกับพี่ปักษ์อีกแล้ว พ่อคิดดูดิ มันทำแบบนี้หมายความว่าไงอะ”
“อ้าว ก็เราบอกเองว่าเขาทำงานด้วยกัน จะไปด้วยกันมันแปลกตรงไหน แกคิดมากไปหรือเปล่า”
“แต่วันนี้วันหยุดนะพ่อ”
ธนูชะงักไปครู่หนึ่ง “แต่ปิ๊งก็ท้องกับผัวของมันไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะกวนตีนแกไปทำไม” คนเป็นพ่อยังคงไม่เข้าใจ
“มันอิจฉาไงล่ะ พ่อไม่รู้หรอกว่าผัวปิ๊งน่ะ จนมาก ท่าทางมอซอเหมือนกรรมกร ขับรถเก่ามาก เก่าแบบเต่าล้านปีเลยนะ ปิ๊งมันก็ต้องมีอิจฉาขวัญบ้างแหละ”
“อิจฉาแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ”
“มันก็กวนประสาทอยู่นี่ไง มันกะทำให้พี่ปักษ์กับปุ๊ไขว้เขวว่าคนไหนที่ดูแลพี่ปักษ์ไง”
ธนูถอนใจยาว ๆ ครั้งหนึ่งแล้วเอ่ย “แต่จะว่าไป ปักษ์น่ะเขาก็เป็นของปิ๊ง...”
“พ่อพูดอะไรน่ะ” ขวัญระมิงค์กรีดเสียงแหลม มองหน้าพ่อด้วยความไม่พอใจ “พี่ปักษ์เขารักขวัญตั้งแต่แรก คนที่เขารักคือขวัญไง”
“แต่คนที่ดูแลเขาคือยายปิ๊ง...”
“แต่พี่ปักษ์คิดว่านั่นเป็นขวัญ เพราะฉะนั้นขวัญจึงคือคนที่เขารักคนเดียวเท่านั้น ปิ๊งก็แค่เป็นตัวแทนขวัญชั่วคราว ไม่รู้ละ พ่อต้องช่วยขวัญ จะปล่อยให้ปิ๊งมันกวนประสาทขวัญอยู่แบบนี้ไม่ได้ พ่อต้องบังคับให้ปิ๊งแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที ถามจริง ๆ เถอะ พ่อจะปล่อยให้มันท้องป่องประจานตัวเองแบบนี้จริง ๆ เหรอ”
“เอาจริง ๆ นะพ่อไม่ได้เลี้ยงมันมา จะไปยุ่งกับมันมากก็ไม่ได้ มันน่ะนิสัยเหมือนแม่เรานั่นแหละ ใจแข็ง ใจหิน ไม่งั้นจะหอบไอ้ปิ๊งหนีพ่อไปหน้าตาเฉยงี้เหรอ”
พูดถึงตรงนี้ขวัญระมิงค์ก็เม้มปากด้วยความเจ็บใจ ทำไมคนที่แม่หอบหนีพ่อไม่เป็นเธอนะ เธอควรจะได้อยู่กับแม่ ควรจะได้รับความรักความอบอุ่นมากกว่านี้ ไม่ใช่พ่อที่เอาแต่ทำงาน ไม่ค่อยสนใจเธอ
“แต่พ่อก็เป็นพ่อของปิ๊ง เป็นคนให้กำเนิด เป็นผู้มีพระคุณล้นฟ้า พ่อมีสิทธิ์ ไม่รู้ละ พ่อต้องจัดการให้ขวัญ” พูดย้ำอีกครั้งอย่างคนเอาแต่ใจ
ธนูถอนหายใจยาว ๆ อีกครั้งก็พยักหน้าอย่างตัดรำคาญ “เออ เดี๋ยวไปคุยให้ก็แล้วกัน ส่วนแก ก็รีบหาทางแต่งงานกับปักษ์ให้เร็ว ๆ เข้า พ่อกำลังต้องการใช้เงินก้อนใหญ่”
“ก็ถ้าไม่ติดเรื่องฤกษ์บ้า ๆ นั่น ป่านนี้ก็แต่งไปแล้ว” หญิงสาวโทษส่วนนี้ ทั้งที่ตัวเองก็เรื่องมากเกี่ยวกับสถานที่จัดงานที่อยากได้โรงแรมหรู จนงานต้องเลื่อนออกไปอีกนิด
“ก็อย่าไปยึดมันนักสิ ชวนตาปักษ์ไปจดทะเบียนก่อนเลย แล้วค่อยจัดงานก็ได้นี่” เขาเสนอแนวทางให้ลูกสาว ขวัญระมิงค์นิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ก็ดีเหมือนกัน แต่ยังไงก็ตาม พ่ออย่าลืมจัดการไอ้ปิ๊งให้ขวัญล่ะ พวกหน้าซื่อ ๆ ท่าทางซื่อ ๆ เนี่ย แรดเงียบทั้งนั้นแหละ” แล้วเธอก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปข้างบน คิดหาคำพูดและวิธีการที่จะชวนปักษ์ไปจดทะเบียน
เอ๊ะ ทำไมเธอต้องกลัวพิงค์ลานนาขนาดนี้ด้วย? คำถามนี้ผุดขึ้นในใจขวัญระมิงค์ ในเมื่อเธอมั่นใจว่าปักษ์รักเธอ ไม่ใช่พิงค์ลานนา ซึ่งมีแค่ใบหน้าที่เหมือนเธอ นอกนั้นไม่มีอะไรสู้เธอได้สักอย่าง
คงเพราะตั้งแต่กลับมามองเห็น ปักษ์ดูห่างเหินกับเธอแปลก ๆ เขาแทบไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอ ไหนจะอาการพะอืดพะอมเวลาอยู่ใกล้เธออีก
ที่สำคัญ ทำไมเธอถึงสังหรณ์ว่าพิงค์ลานนาท้องกับปักษ์นะ! ทั้งที่วันที่เธอสั่งให้พิงค์ลานนาย้ายออกจากบ้านของเขา พิงค์ลานนายืนยันว่าไม่มีอะไรกับปักษ์
เธอไม่ควรเชื่อคำพูดของคนหน้าซื่อแบบพิงค์ลานนาใช่ไหม