เธอไม่ควรเชื่อคำพูดของคนหน้าซื่อแบบพิงค์ลานนาใช่ไหม
คิดได้ดังนั้น เธอก็โทร.หาพี่สาวทันที แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่รับ เธอจึงตัดสินใจไปหาฝ่ายนั้นด้วยความร้อนใจ
ตอนที่ไปถึง พิงค์ลานนาอยู่คนเดียว เพราะแดนกับณดากลับไปแล้ว
“ตกลงมาหาปิ๊ง มีอะไรเหรอ” พิงค์ลานนาถามขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้ง ๆ ที่พอจะเดาออกแต่แรก
“พ่อเขาอยากรู้ว่าแฟนปิ๊งเป็นใคร ทำไมพวกเราไม่เคยเจอแฟนปิ๊งเลย”
“มาเพื่อถามเรื่องนี้เนี่ยนะ”
“ขวัญถามก็ตอบมาสิ ตกลงแฟนอยู่ไหน”
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
“เขาไปไหนล่ะ ทำไมใจร้าย ปล่อยเมียอยู่บ้านคนเดียว ไม่ห่วงบ้างหรือไง”
“ปิ๊งจะไม่พูดเรื่องนี้...ถ้าขวัญมีธุระอื่นก็รีบพูดมา ปิ๊งมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง” พิงค์ลานนาตัดบท
ขวัญระมิงค์มองสบตาพี่สาวตรง ๆ
“ถ้างั้นก็จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ...ตกลงไม่มีแฟนใช่มั้ย”
“มี”
“แล้วอยู่ไหน”
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่” แฝดพี่ย้ำประโยคเดิม
“ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เพราะเขากำลังจะแต่งงานใช่มั้ย!” ถามเสียงคาดคั้น ยื่นหน้ามาจนเกือบชิด ดวงตาที่เป็นพิมพ์เดียวกันมองสบกัน คู่หนึ่งเต็มไปด้วยความตกใจ อีกคู่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ตอบมา!”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับขวัญนะ เขาจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับขวัญ”
“แน่ใจนะว่าไม่เกี่ยว ถ้าไม่เกี่ยวแล้วจะไปวอแวกับว่าที่เจ้าบ่าวของขวัญทำไม!”
“บอกหลายรอบแล้วว่าทำงานให้เขา งานจ้างผ่านบริษัท และปิ๊งก็ทำงานในบริษัทนั้น”
“เหรอ? การยืนดูชุดแต่งงานด้วยกัน เลือกเสื้อผ้าเด็กด้วยกันก็เป็นงานเหรอ” ขวัญระมิงค์กระชากเสียงอีก พิงค์ลานนาไม่แปลกใจ เพราะเดาไว้อยู่แล้ว
“ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นเพื่อนขวัญเหรอ”
“ใช่ แล้วปิ๊งกับพี่ปักษ์สวีทกันเบอร์ไหน เขาถึงคิดว่าเป็นพ่อแม่ลูกน่ะ บอกขวัญมานะ...ปิ๊งท้องกับพี่ปักษ์ใช่มั้ย!”
“ขวัญ...” พิงค์ลานนาครางด้วยความตกใจ
“ไหนบอกว่าไม่มีอะไรกันไง!” ขวัญระมิงค์กรีดเสียงด้วยความโมโห การที่พิงค์ลานนาไม่ปฏิเสธ นั่นเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
“ปิ๊งนี่แรดกว่าที่คิดไว้นะ” เค้นเสียงด้วยความโกรธและเกลียดชัง “แย่งแม่ไปจากขวัญแล้วคิดจะแย่งผัวขวัญอีกเหรอ ถามหน่อย มีความละอายใจบ้างมั้ย!”
พิงค์ลานนาน้ำตาคลอ มองน้องสาวด้วยความรู้สึกผิดในเรื่องของปักษ์ เธออดย้อนนึกไปถึงวันที่เขากลับจากโรงพยาบาลไม่ได้ วันที่เขาและเธอเป็นของกันและกันครั้งแรกนั่นละ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเธอที่ปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด เพียงเพราะเธอรักเขา อยากใช้เวลาแสนดีกับเขาก่อนที่เธอจะต้องจากมาเพื่อให้ขวัญระมิงค์ตัวจริง ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เขารัก ได้อยู่เคียงข้างเขา แต่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะตั้งท้อง
“ปิ๊งขอโทษเรื่องพี่ปักษ์...”
“เลว เลวมาก ปิ๊งทำกับขวัญแบบนี้ได้ยังไง หา ทำได้ยังไง!”
“ปิ๊งจะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น ปิ๊งก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ปิ๊งถึงไม่คิดจะบอกเรื่องที่ปิ๊งท้องไงล่ะ”
“เฮอะ! แต่ก็พาตัวเองไปวน ๆ เวียน ๆ อยู่ใกล้ ๆ เขา ทุเรศ!”
“คุยกันไปก็ไม่จบ เพราะขวัญฟันธงแล้วว่าปิ๊งตั้งใจทำอย่างนั้น...ขวัญควรจะเชื่อใจพี่ปักษ์ว่าเขารักขวัญและจะไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหนอีก”
“ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะกูเชื่อใจเหรอ เรื่องมันถึงเป็นแบบนี้อะ” ระเบิดอารมณ์อย่างเหลืออด “เพราะกูไว้ใจทั้งแฟนทั้งพี่สาวกูไง วันนี้กูถึงโดนสวมเขาอยู่นี่ไง อีปิ๊ง!” ไม่พูดเปล่า ขวัญระมิงค์ยื่นมือไปบีบคางคนพี่จนอีกฝ่ายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ น้ำตาพิงค์ลานนายิ่งไหลแรง
“แต่ไม่ว่ายังไง ปิ๊งก็ยืนยันว่าปิ๊งไม่เคยคิดจะแย่งพี่ปักษ์” แล้วเธอก็แกะมือน้องสาวออกจนสำเร็จ “เสร็จงานนี้ ก็คงไม่ได้เจอเขาแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ขอให้ไว้ใจ”
“กูไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว” อีกคนยังคงหยาบคายต่อเนื่อง “หรือถ้ามึงอยากให้กูเชื่อ มึงก็ต้องพิสูจน์มา”
“ด้วยการ?”
“ไม่ต้องทำงานนั่น แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นซะ จะได้ไม่ต้องเจอพี่ปักษ์อีก กลับเมืองจันทน์ก็ได้ โดยที่ไม่ต้องบอกพี่ปักษ์ว่าท้องกับเขา”
“ถ้าปิ๊งจะบอก ปิ๊งบอกไปนานแล้ว โอกาสที่จะบอกก็มีเยอะแยะ...ปิ๊งว่าเราหยุดคุยเรื่องนี้กันเถอะ” พิงค์ลานนาตัดบทด้วยความรู้สึกเหนื่อยหนักหัวใจ “ปิ๊งไม่อยากทะเลาะกับขวัญเพราะเรื่องนี้ เราต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเองเถอะ”
“เห็นมั้ยล่ะ มึงก็ทำไม่ได้ เพราะมึงอยากจะแย่งผัวกู!”
“ขวัญ...” คนพี่พยายามปรามเพื่อให้อีกคนมีสติ แต่ไม่เป็นผล
“โอเค ๆ ถ้าหยุดทำงานไม่ได้ ออกห่างพี่ปักษ์ไม่ได้ มึงก็ต้องทำแท้ง!”
“ขวัญ!” พิงค์ลานนาเรียกชื่อนั้นอย่างไม่อยากเชื่อหู ขณะเดียวก็มองน้องสาวเหมือนมองคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน อ้อ ก็จริงนี่นะ เธอไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อนเลย ไม่คิดเลยว่าจะใจร้ายใจดำขนาดนี้ “พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า”
“รู้ตัวสิ แล้วมึงล่ะ รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ปล่อยตัวเองให้ท้องเพราะหวังจะจับเขางั้นสิ”
“ปิ๊งไม่เคยคิดแบบนั้น”
“ก็พูดแต่คำเดิม ๆ แต่บอกให้ทำแท้งก็ไม่ยอมทำ จะปล่อยให้เด็กคลอดออกมาแล้วให้ดีเอ็นเอบนหน้าเด็กฟ้องว่าลูกใครใช่มั้ย”
พิงค์ลานนาส่ายหน้า “ปิ๊งจะไม่มีวันฆ่าลูกตัวเอง”
“ถ้างั้นก็ย้ายกลับเมืองจันทน์ไปเลย หรือไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่กรุงเทพ ไม่ใกล้พี่ปักษ์ อย่าให้พี่ปักษ์หรือคนในครอบครัวเขาเห็นหน้าอีกเด็ดขาด”
ทุกคำพูดล้วนแล้วแต่ความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการ โดยไม่สนเหตุสนผลอะไรทั้งสิ้น
“ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”
“แล้วจะทำให้มันยากทำไมเนี่ย กูไม่เข้าใจ ไหนตอบมาซิ ทำไมต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากด้วย”
พิงค์ลานนาเงียบ รู้ว่าพูดอธิบายเท่าไรขวัญระมิงค์ก็ไม่มีวันยอมรับฟัง
“ทำไม แค่นี้ทำเพื่อกูไม่ได้เหรอ เฮอะ! จำไม่ได้เหรอว่าจดหมายของแม่เขียนไว้ว่ายังไง บอกให้รักน้อง ให้คอยดูแลน้องไง”
แฝดของเธออ้างจดหมายของแม่ที่เขียนไว้แนบคู่กับพินัยกรรมที่บอกให้พิงค์ลานนาคอยดูแลน้องสาวให้ดี ให้หมั่นไปหา และต้องคอยดูแลพ่อด้วย ให้เธอทำครอบครัวให้เป็นครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมา เธอเคยพยายามแล้วแต่มันไม่สัมฤทธิผล เนื่องจากพ่อกับขวัญระมิงค์ปิดกั้นตัวเองจากเธอ ไม่ยอมให้เธอก้าวไปในโลกของพวกเขา แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็พยายามเหลือเกินที่จะรุกล้ำชีวิตของเธอ
“ดูแล ก็ไม่ได้หมายความว่ายอมให้ขวัญเอาแต่ใจทุกอย่างแบบนี้นะ ปิ๊งจะไม่ทำแท้งเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทำ ขวัญกลับไปได้แล้ว เชิญ!”
ขวัญระมิงค์เม้มปากแน่นด้วยความเดือดดาลที่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างใจคิดหวัง
“กลับก็ได้ แต่บอกได้เลย ถ้ามึงยังไม่หยุดวุ่นวายกับพี่ปักษ์ กูก็จะไม่หยุดกับมึงเหมือนกัน อีปิ๊ง!” แล้วก็สะบัดหน้าจากไป
พิงค์ลานนาร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดกับการปล่อยใจปล่อยกายของตน แต่อีกส่วน เธอร้องเพราะเห็นได้ชัดว่าสายใยพี่น้องจากที่บางเบาอยู่แล้ว มาตอนนี้กลับบางมากขึ้นไปอีก บางจนน่ากลัวว่าไม่ช้าไม่นานคงขาดสะบั้น