มาเฟียหนุ่มและเด็กเลี้ยงหมาด ๆ นั่งจ้องหน้ากันอยู่เนิ่นนานภายในห้องโดยสารของรถหรูสัญชาติยุโรป ก่อนที่เขาจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนระยะห่างระหว่างใบหน้าเหลือเพียงแค่คืบเดียว ทำเอาคนโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวหัวใจเต้นรัวแรงด้วยความประหม่าปนตื่นเต้น เกิดมาเกือบยี่สิบปียังไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเช่นนี้มาก่อน
เห็นท่าทีตื่นตระหนกราวกับลูกแมวตัวน้อยกลัวโดนราชสีห์ตัวโตตะครุบ มุมปากก็ยกขึ้นสูง มือเอื้อมจับศีรษะทุยแล้วขยี้แรง ๆ หนึ่งทีด้วยความเอ็นดูปนมันเขี้ยว ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ ส่งผลให้คนที่อ่อนหัดเรื่องรักใคร่สะดุ้งตกใจจนทำตัวไม่ถูก นั่นยิ่งทำให้คนที่เอ็นดูอยู่แล้วยิ่งเอ็นดูเข้าไปใหญ่ อยากดอมดมอยากสัมผัสแนบชิดมากกว่านี้ เธอทำให้เขารู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด หากแต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้เพราะอยากแตะต้องเธอในตอนที่ยี่สิบปีบริบูรณ์เท่านั้น
“ประทับตรา” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แววตาฉ่ำวาว ซึ่งเธอก็เข้าใจในทันทีว่าการตราประทับที่เขากล่าวมานั้นหมายความว่าเช่นไร จึงผงกหัวรับหงึกหงัก
“เป็นเด็กฉันแล้วก็ต้องไปอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของฉัน”
“หนูมีบ้าน มีครอบครัว”
“อีกไม่นานก็ต้องไปเรียนแล้วนี่ บอกว่าไปอยู่กับเพื่อน หรือไม่ก็บอกไปตรง ๆ ว่ามาอยู่กับเสี่ยอย่างฉัน”
เสี่ย...งั้นเหรอ
เขาดูห่างไกลจากคำนี้มาก แต่กระนั้นก็ไม่อยากแย้ง
เสี่ยก็เสี่ย
หากต้องบอกเหตุผลกับพ่อแม่แน่นอนว่าเธอเลือกใช้เหตุผลแรก ใครจะไปกล้าพูดความจริง พ่อแม่ของเธอรับไม่ได้เป็นแน่ แต่อย่างไรก็ตามเธอคิดว่าต่อไปนี้จะเลือกเดินตามเส้นทางของตัวเอง ไม่อยากพึ่งพาพ่อแม่อีกต่อไปแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่คิดที่จะลืมบุญคุณของบุพการีที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ตั้งใจจะช่วยใช้หนี้จนหมดและสู้เพื่อตัวเองเพื่อคว้าความฝันที่ชะงักมาหนึ่งปีเพราะขาดทุนทรัพย์ ความหวังเดียวในตอนนี้คือเขา...คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพื่อหวังผลตอบแทนเป็นร่างกายของเธอ
“งั้นหนูขอกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านก่อน”
“ไม่ต้อง ซื้อใหม่ให้หมด เป็นเด็กฉันจะใส่เสื้อผ้ามอซอได้ยังไงกัน”
“ยังไงหนูก็ต้องกลับไปบอกพ่อแม่ ไปเอาเอกสารสำคัญสำหรับยื่นเข้าเรียน”
ได้ยินเช่นนั้นก็หมดคำจะพูดโต้แย้ง มาเฟียหนุ่มจึงจำยอมไปส่งเธอที่บ้านแต่โดยดี
ครั้นเมื่อข้าวสวยมาถึงบ้านกลับว่างเปล่า เงียบสงัด ไร้ซึ่งเงาของพ่อแม่ แม้แต่น้องสาวเพียงคนเดียวอย่างข้าวหอมก็ด้วย
“ไปไหนกันหมดนะ” พึมพำด้วยความแปลกใจปนสงสัย พอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูคิ้วเรียวก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากน้องสาว
แพรวา : พ่อแม่พาหนูมาอยู่บ้านย่า
แล้วเธอล่ะ...
นี่คือคำแรกที่โผล่เข้ามาในหัว ความน้อยใจตีตื้นขึ้นกลางอก ขอบตาร้อนผ่าว แต่เธอก็พยายามข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่ปริ่มขึ้นที่ขอบตาเอาไว้ไม่ให้รินไหลออกมา
คิดถูกแล้วล่ะข้าวสวย แกคิดถูกแล้ว
พูดปลอบใจตัวเองในใจแล้วตัดใจเดินขึ้นไปบนห้อง เก็บเสื้อผ้าที่พอไปวัดไปวาได้ ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น พร้อมทั้งเอกสารสำคัญที่ใช้ในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัย จากนั้นก็กลับไปขึ้นรถของมาเฟียหนุ่มที่จอดรออยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ”
สิ้นเสียงของเธอมาเฟียหนุ่มก็สั่งให้ลูกน้องออกรถ มุ่งหน้าสู่เพนท์เฮ้าส์สุดหรูกลางเมืองที่เขาเพิ่งทุ่มเงินซื้อก่อนหน้านี้เพื่อหวังเกร็งกำไรในอนาคต ไม่คิดว่ามันจะถูกใช้เป็นที่เลี้ยงดูเธอแทน
“คุณจะนอนค้างที่นี่หรือเปล่าคะ?”
หลังยืนตกตะลึงพลางเชยชมความสวยงามและโอ่อ่าของเพนท์เฮ้าส์จนหนำใจแล้ว ข้าวสวยก็หันไปถามเจ้าของมันด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ให้กล่าวตามความจริงก็คือเธอยังไม่พร้อมหากเขาต้องการร่างกาย คนไม่เคยอยากขอเวลาเตรียมใจอีกสักนิดหนึ่ง และพอได้ยินคำตอบของเขาเธอก็ลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งอก
“ไม่ล่ะ กลัวหักห้ามใจตัวเองไม่ไหว”
“ค่ะ”
“ไปล่ะ” หมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากห้องไป ทว่าก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันกลับไปเลิกคิ้วถาม “อ้อ ฉันลืมถาม เธอหิวหรือเปล่า?”
“นิดหน่อยค่ะ”
พอได้ยินคำตอบก็หันไปสั่งลูกน้องมือซ้ายคนสนิทในทันที “สั่งอาหารมาให้เธอ”
“ครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ก่อนที่เขาจะออกไปเธอจึงรีบเรียกรั้งเอาไว้ นั่นเลยทำให้ฝีเท้าหนักต้องหยุดชะงักกึก จากนั้นก็หันกลับไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกครั้ง “?”
“คุณชื่ออะไรเหรอคะ แล้วไม่คิดจะถามชื่อฉันหน่อยเหรอ?”
“ควินตัน ส่วนเธอข้าวสวย”
“คุณรู้ได้ยังไง!?” เห็นว่าเขารู้จักชื่อตัวเองก็ตื่นตกใจ รีบถามย้อนกลับฉับพลัน
“เก่ง” มาเฟียหนุ่มตอบพลางกระตุกยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ปนร้ายกาจ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างสบายอารมณ์ ทำเอาร่างเล็กยืนฉงนสงสัยอยู่คนเดียวกลางห้องโถง
การรู้ชื่อเธอไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมาเฟียหนุ่มอย่างควินตัน เนื่องจากเขามีเส้นสายมากมาย แถมลูกน้องมือซ้ายหรือมือขวาก็เก่งกาจเอาการจนหาตัวจับยาก สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วฉับพลันเพียงแค่เอ่ยปากสั่ง
หลังจากที่ลูกน้องของมาเฟียหนุ่มนำอาหารมาส่งให้ข้าวสวยก็นั่งทานอย่างเงียบ ๆ เพียงคนเดียวภายในเพนท์เฮ้าส์แสนเงียบเฉียบจนกระทั่งอิ่ม จากนั้นก็ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ก่อนที่จะเดินสำรวจภายในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้เธอตื่นตาตื่นใจนัก เนื่องจากเพนท์เฮ้าส์นี้มาเฟียหนุ่มไม่ค่อยได้มาพักอาศัยนัก มีเพียงข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงแสนหรูหราเพียงเท่านั้น
นี่คงเป็นโชคดีที่แอร์ทำนายให้เธอสินะ...
พอสำรวจภายในเพนท์เฮ้าส์จนครบทุกซอกทุกมุมก็เหมือนจะหมดพลังงาน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยล้า
อีกด้าน
“คุ้มไหมวะกู”
ควินตันโพล่งขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งบนรถหรูเป็นที่เรียบร้อย นั่นเลยทำให้ลูกน้องมือซ้ายอดที่จะออกความคิดเห็นไม่ได้
“นายดูปิ๊งเธอขนาดนั้นยังไงก็คุ้มอยู่แล้วครับ”
“รู้ดี!”
“แหะ ๆ”
โดนผู้เป็นเจ้านายขึงตาทำหน้าโหดใส่ ลูกน้องมือซ้ายก็หัวเราะแห้งที่แฝงด้วยความชอบใจ แล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ประจำตระกูลพินิจฤทธิ์กว้างไกล
พอมาถึงคฤหาสน์หลังโตมาเฟียหนุ่มก็พุ่งตัวไปที่ห้องทำงานทันที เพื่อฟังรายงานจากลูกน้องมือขวาอย่างลีออน ที่เขาสั่งให้ไปสืบสาวหาตัวการที่ลอบทำร้ายเขา
“พวกมันน่าจะไม่ได้ต้องการสังหารนาย แค่ขู่ให้ตื่นกลัวก็เท่านั้น”
“พวกมันเป็นใคร!?”
“ซางกรุ๊ป”
“ไอ้ซางเฉิน!”
ได้ยินชื่อบริษัทคู่แข่งยักษ์ใหญ่จากฝั่งฮ่องกง ควินตันก็กำหมัดแน่นพลางกัดฟันกรอดอย่างเจ็บแค้นเคืองโกรธ อารมณ์โมโหบวกจิตใจที่ร้อนรุ่มเป็นไฟทำให้ฉุนขาด “ถล่มแม่งกลับเลยดีไหมวะ!”
“ใจเย็น ๆ ก่อนครับนาย เราค่อย ๆ หาทางตลบหลังเอาคืนมันทีหลังก็ยังไม่สาย”
“กูจะยอมใจเย็นฟังมึงก่อนละกัน ว่าแต่เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง?”
เปลี่ยนเรื่องไวฉิบหายเจ้านายกู
ลีออนคิดในใจอย่างหมดคำจะพูดกับเจ้านายตัวเอง ก่อนจะตอบไปตามข้อมูลที่ได้รับมาจากลูกน้องอีกคน
“หลังทานข้าวเสร็จก็เงียบไปเลย คิดว่าคงเข้านอนไปแล้วครับ”
“สามทุ่ม เด็กอนามัยเปล่าวะ แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวเรียนมหา’ลัยก็ได้โต้รุ่ง รวมถึงตอนนั้นด้วย” พูดพร้อมรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยและแววตาที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหายเมื่อในหัวคิดไปถึงเรื่องอย่างว่าจนกลางเป้ากางเกงคับแน่นตามแรงอารมณ์
นอกจากใบหน้าที่สะสวยของหญิงสาวจะตราตรึงใจแล้ว ทรวดทรงของเธอก็ดึงดูดเขาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเอวคอดกิ่วที่รับกับสะโพกผาย เนินอกสองลูกที่เต่งตูมและดูขนาดใหญ่ล้นมือ แล้วไหนจะก้นงอนงามน่าบีบขย้ำนั่นอีก มันทำให้ความต้องการของเขาพุ่งสูงปรี๊ดหลังจากที่ไม่ได้มีความรู้สึกเช่นนี้มาเนิ่นนานนับหลายปี
“นายน่าจะกำลังคิดลามกอยู่ งั้นผมขอตัวก่อน ให้เวลานายได้ปลดปล่อยกับตัวเองแบบเต็มที่”
ลูกน้องมือขวาพูดแซวอย่างรู้ทัน ก่อนจะโค้งหัวแล้วเดินออกจากห้องไป โดยที่รู้ดีว่าจะต้องได้รับแววตาขุ่นเคืองตามหลังมาอย่างแน่นอน
ซึ่งไม่ผิดจากที่คิด เพราะมาเฟียหนุ่มได้เข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันตามหลังจริง ๆ
ไอ้ลีออนแม่งรู้ดีฉิบหาย!
คล้อยหลังลูกน้องคนสนิทควินตันก็จุดบุหรี่สูบแล้วพ่นควันสีขาวฟุ้งกระจายทั่วห้อง ทิ้งศีรษะพิงกับผนังเก้าอี้ เลื่อนมือลงไปกอบกุมท่อนเอ็นแข็งร้อน ขยับชักขึ้นลงตามแรงอารมณ์ จินตนาการถึงภาพเรือนร่างอรชรของเด็กเลี้ยงหมาด ๆ ที่กำลังนอนครางกระเส่าใต้ร่าง พาให้อารมณ์พวยพุ่งทะยานไปไกล อยากจับเธอกระแทกแรง ๆ จนสุดโคนให้นอนดิ้นเร่าใต้อาณัติ
“อ๊าส์ ๆ ข้าวสวย”
ยิ่งพายุอารมณ์สวาทถาโถมนิ้วมือทั้งห้าก็ยิ่งสะบัดและเพิ่มจังหวะขึ้นลงรัวเร็วมากขึ้น เปล่งเสียงครางต่ำกระเส่าในลำคอเป็นชื่อเธอจนถึงจุกแตกพร่า ลาวาหนืดข้นทะลักออกมาจากปลายปล่อง
“ข้าวสวย อ๊าาาส์~”
เมื่อพายุสวาทสงบลงก็คว้าทิชชูมาซับน้ำกามออก จากนั้นก็อัดบุหรี่ใส่ปอดหนัก ๆ แล้วพ่นควันสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยตามห้วงอารมณ์ แต่แม้จะล่องลอยไปไกลเพียงใดสุดท้ายก็ไปตกอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานที่ลืมไม่ลง
“หรือฉันไม่ควรรอให้เธออายุยี่สิบดี”
ใจจริงเขาอยากดอมดมเด็กเลี้ยงหมาด ๆ ทั้งตัวตั้งแต่วันนี้ หากไม่ใช่เพราะเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่ล่ะก็ แม้ความจริงเขาจะสามารถทำได้โดยที่ไม่ผิดกฎหมายก็ตาม เนื่องจากเธออายุเกินสิบแปดปีและไม่ใช่เยาวชนแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี อยากให้เธอพ้นเลขหนึ่งนำหน้าเสียก่อน ไม่อยากมีประวัติเสียหายเหมือนคนเป็นพ่อ
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนพ่อของเขาเคยมีประวัติไปล่วงละเมิดเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดปี ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล นั่นเลยทำให้เขาฝังใจจนเข็ดขยาด ไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดจนระแวงไปถึงช่วงอายุก่อนบรรลุนิติภาวะ แต่ข้าวสวยดันเป็นข้อยกเว้นเนื่องจากเขาถูกใจเธอตั้งแต่แรกเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเธอทำให้เขาหลงใหลจนยากที่จะถอนตัว ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้
หากจะเลี้ยงดูเธอจนกว่าจะอายุยี่สิบปีก็ยังไม่สาย ตราบใดที่มีเงินให้เธอได้ใช้ก็คงไม่กล้าทิ้งเขาไปไหนในเร็ววันนี้หรอก เขาคิดเพียงแค่นี้
ระยะเวลาแค่สองเดือนจิ๊บ ๆ ...
จิ๊บกับผีอะไร!!
ปวดเอ็นฉิบหาย!!