PROLOGUE

1178 Words
ผมนึกว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยจะสวยงามเหมือนที่คิดเอาไว้ แต่ย้ายเข้ามาอยู่คอนโดได้ไม่ทันไร ผมก็ทราบข่าวร้ายว่าไอ้พี่หน้าหลามมันจะมาพักด้วย ฝันของวาเรย์ดับลงในพริบตา ให้ตายเหอะว่ะ “ทำไมพี่ชาร์ต้องมาพักคอนโดเดียวกับวาด้วยครับแม่” ผมโอดโอยมานานหลายนาที หลังเจรจากับแม่ไม่เป็นผลกับการพาพี่ชายข้างบ้านมาอยู่ร่วมห้องด้วย (พี่เขาก็เรียนที่เดียวกับเราไม่ใช่เหรอ หอในก็เต็มหมดแล้ว ให้พี่เขาอยู่ด้วยเถอะนะวา) แม่เองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ใช้น้ำเสียงอ้อนวอนจนผมต้องเสียงอ่อนลง “แล้วจะอยู่นานแค่ไหน” (ตอนที่พี่เขาหาหอพักได้ก็แล้วกัน) “แม่” (ดีกันไว้เถอะนะลูก พี่เขาก็ดีกับเราไม่ใช่เหรอ) “มันก็..” ผมแทบจะดิ้นตายคาโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปมา ยกมือขึ้นกุมขมับ กระวนกระวายใจตั้งแต่เปิดประโยคว่าพี่มันจะมาอยู่ด้วยแล้ว ยังไงผมก็เชื่อว่าเราเข้ากันไม่ได้ ขนาดคณะที่เรียนยังเป็นเสมือนไม้เบื่อไม้เมากันเลย อีกอย่างเราสองคนก็ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นปีแล้ว ผมกับเขาเราเรียนด้วยกันตั้งแต่รั้วมัธยมต้นก็จริง แต่พี่ชาร์เรียนจบจากมัธยมปลายไปก่อน ถึงบ้านจะอยู่ติดกัน เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ใช่ว่าโตมาจะสนิทกันเหมือนเดิมซะหน่อย ไม่ใช่ว่าผมไม่มีเพื่อนหรอกนะ ไอ้พี่ชาร์มันต่างหากที่ไม่มีใครคบนอกจากผมอ่ะ “งั้นเดี๋ยวผมช่วยพี่ชาร์หาหอพักอีกแรง” (เอาแบบไหนก็ได้ลูก แต่ช่วงนี้ให้พี่เข้าพักด้วยไปก่อน เนอะ) “เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” (น่ารักที่สุดเลยครับลูก) ผมไม่ได้อยากน่ารักสำหรับแม่เลยสักนิด แต่ก็นั่นแหละผมจะปฏิเสธได้ยังไง เพราะคุณป้ากับคุณลุงก็ดีกับผมมาตั้งแต่ยังเด็ก ครอบครัวของเราสนิทกันตั้งแต่ผมยังเป็นอสุจิอยู่เลย แล้วก็ด้วยความที่สนิทกันนี่แหละ ผมกับพี่ชาร์ถึงได้ชื่อแบบหลุดโลกมา ชนิดที่ผมเชื่อว่ามันไม่น่าจะมีคนชื่อนี้บนโลกแล้ว วาเรย์มาจากคำว่าเวลหรือวาฬ ในภาษาอังกฤษมันเขียนว่า WHALES ชาร์เคมาจากคำว่าชาร์คหรือฉลาม ในภาษาอังกฤษมันเขียนว่า SHARKS ไม่รู้ตอนนั้นพ่อกับแม่ผมรวมถึงคุณลุงกับคุณป้าคิดอะไรอยู่ แต่ท่านบอกว่าอยากให้ชื่อผมมันเก๋แบบไม่ซ้ำใคร และแน่นอนว่าพวกเขาทำมันสำเร็จซะด้วย ไม่เจอกันตั้งนาน ทำไมจู่ๆ พี่ชาร์มันถึงวนกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกวะเนี่ย “หัวปวดเลยกู..” ผมนั่งกอดอกทำหน้ามุ่ย เพราะต้องรอต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญตั้งแต่แรก เห็นแม่บอกว่าพี่ชาร์จะเข้ามาตอนห้าโมงเย็น นี่จวนจะหกโมงอยู่แล้วยังไม่โผล่หน้ามาเลย ทีแรกผมคิดเอาไว้แล้วว่าอีกห้องจะเอาไว้ทำห้องสตรีมเกม แต่ไอ้หน้าหลามมันดันมาแย่งห้องผมไปซะได้ เรื่องเป็นสตรีมเมอร์ผมไม่เคยบอกใครเลย นอกจากบอกพ่อกับแม่ว่าจะหาเงินมาช่วยออกค่าห้องให้ เพราะงั้นผมก็จะไม่บอกพี่ชาร์เหมือนกัน ที่จริงผมมีความลับอีกเรื่องนึงที่ไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกัน มันเลยกวนใจผมนิดหน่อยถ้าจะมีคนเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พี่มันขี้เสือกอ่ะ เดี๋ยวก็เอาไปป่าวประกาศกับพ่อแม่ผมอีก ส่วนตอนนี้ผมได้แต่เฝ้าภาวนาให้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยประสาทแดกกับการเรียนยังดีกว่าประสาทแดกกับพี่มัน เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉุดผมที่กำลังคิดมากให้หลุดออกจากภวังค์ ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าไม่รับแขก ต่างจากคนตรงหน้าที่ยิ้มกว้างมาแต่ไกล พร้อมกับโบกมือแล้วกล่าวทักทายผมด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “สวัสดีครับ” รอเรือควบกล้ำในประโยคกระดกแบบชัดเจน นั่นก็หมายความว่าตอนนี้พี่มันกำลังกวนประสาทผมตั้งแต่แรกเจอ ผมกลั้นหายใจแล้วหันหลังเดินหนี ก่อนจะหยุดมองเจ้าตัวที่เข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ “ไง ไอ้หน้ามู่ทู่ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอวะ” ไอ้หน้าหลามเอ๊ย ผมก็อยากจะตอบกลับพี่มันไปแบบนั้น แต่ก็กั๊กฟอร์มเอาไว้ แค่เหลือบสายตามองเจ้าตัวที่กำลังเสยผมแล้วกวาดสายตาไปรอบห้องด้วยสีหน้าพอใจ “จะขึ้นปีหนึ่งแล้วทำไมตัวยังจ้อยอยู่เลย โห มองไม่เห็นเลยครับ” ไม่พูดเปล่าเขายังทำท่าเหมือนมองผมที่ตัวเล็กกว่าไม่เห็นอีกต่างหาก อันที่จริงเมื่อก่อนผมสูงไล่เลี่ยกับพี่ชาร์มาก มันอาจจะเป็นเพราะเขาผันตัวไปเป็นนักกีฬาบาสตอนมัธยมปลายล่ะมั้ง ถึงได้ทำให้ตัวโตเท่าควายแบบนี้ ส่วนผมฟ้าประธานให้ปีละเซนสองเซน แบบนี้มันจะไปสูงทันชาวบ้านเขาได้ยังไงล่ะ “หารค่าห้องคนละครึ่ง” ผมเอ่ยปากบอกหลังเงียบมานาน “ไม่มีปัญหา” อีกฝ่ายไหวไหล่ “ห้ามเข้ามาในห้องผมด้วยไม่ว่าจะยังไงก็ตาม” ผมกอดอกแล้วเชิดใบหน้าใส่ “ไม่มีปัญหา” “ของในตู้เย็นก็ต้องแยกของใครของมัน ชอบแย่งของผมกินอยู่เรื่อย” “มึงเห็นแก่กินมากกว่ามั้ง” ผมยกมุมปากเหยเก พูดไม่ออกเพราะมันดันคือความจริง ตอนเด็กผมจ้ำม่ำมากแต่เหมือนมันเพิ่งจะมาลดตอนที่ผมเริ่มวิ่งช่วงปิดเทอม “นั่นแหละ อยู่แบบเงียบๆ ไป เหมือนคนที่มาอาศัยเขาอยู่ ไม่งั้นผมจะฟ้องแม่พี่ว่าพี่ทำผมเดือดร้อน” “ตามนั้นก็ได้” “แล้วก็ห้ามพาคนนอกเข้ามานอนด้วย” “พาสาวมากกก็ไม่ได้เหรอวะ” เขาเลิกคิ้วถามเหมือนจะหาเรื่องกัน รอยยิ้มมุมปากนั่นทำให้ผมอยากจะหยุมหัวเขาสักทีสองที “เชิญโรงแรมครับ ผมต้องอ่านหนังสือ ไม่ชอบฟังเสียงผสมพันธ์” “อ่าห์” “ไอ้พี่ชาร์น่าเกลียด” ผมยกมือขึ้นอุดหูคนที่กำลังทำเสียงคราง แล้วก็หัวเราะร่วนยกใหญ่ที่เห็นท่าทางของผมในตอนนี้ “ถ้าอยู่ร่วมกันแบบสันติไม่ได้..” ผมขบกรามกรอด มองคนตัวสูงกว่าอย่างคาดโทษ “ทำไมครับ” “ก็เตรียมตัวเจอสงครามประสาทได้เลย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD