ตึก ตึก ตึก
ร่างกำยำของเจ้าที่หนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องนอนของตน และก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด เรือนร่างอรชรนั่งไขว่ห้างสบายใจเฉิบอยู่ปลายเตียงก่อนจะหันมาสบตากับเขาซึ่งยืนอยู่หน้าประตู
“ออกมา นั่นไม่ใช่ห้องนอนของเธอ” ดวงวิญญาณหนุ่มกดเสียงต่ำลอดไรฟันบอกคนด้านใน
หากตอนนี้สติเธอยังดีอยู่เธอคงไม่ทำตัวไร้มารยาทและไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองแบบนี้ แต่เป็นเพราะว่าเธอกำลังเมา… ดวงวิญญาณหนุ่มนึกในใจ เขาพยายามทำอารมณ์ให้เย็นลงเพราะไม่อยากถือสาคนเมา “ออกมา” เสียงทุ้มย้ำอีกครั้ง
“ห้องน้ำอยู่ไหน” ทว่าคนที่นั่งห้อยขาอยู่ปลายเตียงกลับไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด “มีผ้าเช็ดตัวไหม อยากอาบน้ำ” ให้ตายเถอะ! ทำไมเธอถึงทำตัวสบายใจเฉิบแบบนี้ล่ะ!
“ถ้าอาบน้ำแล้วเธอคงมีสติมากขึ้น เอาเป็นว่าอาบเสร็จแล้วก็ออกไปจากห้องฉันซะนะ” มือใหญ่ยื่นผ้าเช็ดตัวให้คนตรงหน้าก่อนจะจ้องหน้าเธอเขม็ง คนเมาเหล้าขมวดคิ้วมองเขากลับราวกับไม่เข้าใจก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
เพทายนั่งรออยู่ปลายเตียงไม่นานนัก เรือนร่างอรชรที่ห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แว็บหนึ่งดวงตาดำขลับนั้นวูบไหวเมื่อเห็นเรือนร่างกึ่งเปลือยของหญิงสาว แน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอยู่ห่างผู้หญิงเพราะไม่อยากพลาดท่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรู้สึกอย่างคนปกติทั่วไปเมื่อพบเจอผู้หญิง…
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกเอ่ยถามคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เธอมองเขาตาแป๋วก่อนจะพูดบางอย่างออกมา “มันเปียก ตอนแก้ผ้าถอดกองไว้กับพื้นมันก็เลยเปียก” เสียงใสเจื้อยแจ้วตอบกลับ
“เฮ้อ!” ทำไมต่างจากท่านย่าลิบลับแบบนี้นะ เป็นเพื่อนกันไม่เห็นนิสัยเหมือนกันเลย เจ้าของบ้านนึกในใจ
“มีเสื้อผ้าให้ใส่ไหม เอามายืมหน่อย” เสียงใสถามต่อ
“รอตรงนี้แหละจะไปหามาให้”
ตุบ!
“เฮ้ย!” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวไปยังห้องแต่งตัว คนด้านหลังก็ทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งที่เจ้าของห้องไม่ได้อนุญาต “นี่เธอ! อย่ามานอนบนเตียงคนอื่นแบบนี้นะ” ร่างกำยำก้าวขาฉับ ๆ เข้าไปใกล้ก่อนจะกระตุกแขนเรียวของคนที่นอนแผ่อยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นมา
“ฉันง่วงแล้ว ขอนอนก่อน นายบอกแม่ทำข้าวต้มไว้ให้ด้วยนะ ดึก ๆ เดี๋ยวตื่นมากิน” คนที่ปรือตามองเขาเอ่ยบอกก่อนจะพลิกตัวนอนราวกับว่าที่นี่เป็นห้องตัวเอง
“ยัยบ้าเอ้ย! ท่านย่ามีเพื่อนอย่างเธอได้ยังไงกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพิ่งเรียนจบมหาลัย ฉันคิดว่าเธอเพิ่งเรียนจบอนุบาลเสียอีก ทำไมถึงดื้อดึงแบบนี้นะ”
“เงียบ ๆ ได้ปะ คนจะนอน” คนบนเตียงยู่หน้าใส่ก่อนจะหลับตาลง ทว่าคนตัวใหญ่กว่ากลับไม่ยอมปล่อยเธอให้นอนง่าย ๆ ฝ่ามือใหญ่กระตุกแขนเรียวทั้งสองข้างขึ้นจนคนที่นอนอยู่ต้องลุกนั่ง
“ออกไปจากห้องฉัน ไปใส่เสื้อผ้าดี ๆ ฉันจะพาเธอไปส่งบ้านเพื่อน” เพทายหมดความอดทนกับหญิงสาว ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะรบกวนการพักผ่อนของท่านปู่กับย่าสะใภ้ เขาอยากจะพาคนคนนี้ออกไปให้พ้นบ้านเสีย
“พูดอะไรของนาย นายนั่นแหละออกไป มาส่งฉันแล้วก็ออกไปจากห้องฉันได้แล้วฉันจะนอน”
“เธอว่าอะไรนะ?” คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมเมื่อคนตรงหน้าบอกว่าที่นี่คือห้องของเธอ “ฉันว่าเธอควรออกไปตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน ฉันไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอคิดหรอกนะ”
“แล้วนายคิดว่าฉันใจดีหรือไง มีมือมีเท้าคนเดียวเหรอ!” เสียงใสตวาดคนที่ยืนอยู่ “ออกไปฉันจะนอน!”
หมับ!
“ว๊ายย! นี่ปล่อยฉันนะ!” วงแขนแข็งแกร่งช้อนตัวคนบนเตียงขึ้นในท่าเจ้าสาวก่อนจะร่ายอาคมออกมาเพื่อพาเธอออกจากศาลพระภูมิซึ่งเป็นที่อยู่ของเขา ทว่ายังไม่ทันที่อาคมแก่กล้าจะเริ่มทำงาน เสียงร้องปนเจ็บปวดของดวงวิญญาณหนุ่มก็ดังก้องทั่วบริเวณ
กึด!
“อ๊ากก!” ริมฝีปากเล็กฝังเขี้ยวลงบนลำคอหนาขณะที่สองแขนเรียวนั้นโอบเกี่ยวรอบคอคนตัวใหญ่กว่าไว้แน่น ร่างใหญ่สะบัดไปมาทว่าคนตัวเล็กกว่ากลับไม่ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระ “มันเจ็บบนะ! ยัยผู้หญิงป่าเถื่อน!”
ตุบ!
ร่างใหญ่โยนคนตัวเล็กกว่าลงบนเตียงขณะที่เขาเองก็เซถลาล้มลงนอนข้างเธอ
พรึ่บ!
“ลง-ไป” คนตัวใหญ่กดเสียงต่ำเมื่อยังไม่ทันได้ลุกคนตัวเล็กกว่าก็ขึ้นมานั่งคร่อมลำตัวเขาเอาไว้ เป็นอีกครั้งที่ดวงตาคมกริบเผลอจ้องมองหน้าขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชายผ้าเช็ดตัว
“ไม่ลงนายจะทำไม”
“จะลงไปดี ๆ ไหม” เสียงทุ้มถามคนอวดดี ทว่าก็ต้องเบือนหน้าหนีไปทิศทางอื่นเมื่อสายตาคมกริบปะทะกับเนินเนื้ออวบอิ่มเกินขนาดที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัว
“นายรู้ไหมว่าเพื่อนฉันเรียนจบแล้วก็แต่งงานกันแทบทุกคนเลย” อยู่ ๆ ประโยคที่ออกมาจากปากคนบนร่างก็ทำให้เจ้าที่หนุ่มต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะนอนฟังเธอพูดอย่างเงียบ ๆ เมื่อไม่เห็นว่าเธอเป็นอันตรายต่อร่างกาย
“เพื่อนในกลุ่มฉันทุกคนที่เป็นผู้หญิงพอเรียนจบก็แต่งงาน บางคนก็หมั้นกันไว้…” น้ำเสียงอู้อี้ของคนบนร่างระบายความในใจออกมา “ฉันน่ะก็อยากจะเป็นแบบนั้นบ้างแต่นอกจากจะไม่มีคนมาขอแล้วก็ยังไม่มีแฟนด้วย…”
“…” เป็นอีกครั้งที่เพทายจ้องมองใบหน้าขาวเนียนของหญิงสาว เขาเคยได้ยินมัดหมี่หรือท่านย่าเรียกเธอว่ามะนาว… และเขาก็เคยเจอเธอแล้วครั้งหนึ่งตอนพาท่านปู่ไปตามหามัดหมี่ที่มหาลัย
“ไม่ว่าฉันจะพยายามไปเที่ยวผับหรือว่าไปเดินห้าง ไปเดินตามถนนคนเดินหรือตลาดนัดก็ไม่มีใครสนใจฉัน ทั้ง ๆ ที่ฉันก็พยายามแสดงออกชัดเจนว่าสนใจใครต่อใครแต่ทุกคนก็มองข้ามฉันไปหมด”
“…”
“เพื่อนหลายคนชอบล้อว่าฉันจะต้องขึ้นคานเหมือนป้าม้อยแม่ค้าขายหวยหน้าหมู่บ้าน พอแก่ตัวไปฉันก็ต้องไปอยู่บ้านพักคนชราเพราะว่าฉันไม่มีญาติแล้วก็ไม่มีพี่น้องที่ไหน”
“…” เพทายนึกขำในใจเพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงาน ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะสำคัญด้วยซ้ำเพราะผีเจ้าที่อย่างเขาไม่มีคู่ชีวิตก็ไม่เดือดร้อนอะไร
“นายมาเป็นแฟนฉันไหม”
“หา? เมื่อกี้เธอว่าไงนะ…” เจ้าที่หนุ่มเลิกคิ้วถามคนที่นั่งอยู่บนตัวเขา
“นายมีแฟนหรือยัง ถ้ายังนายมาเป็นแฟนฉันไหม” เสียงหวานถามย้ำขณะที่ดวงตาคู่สวยนั้นจะปิดแหล่มิปิดแหล่ วินาทีนั้นเพทายรู้ทันทีว่าเธอเริ่มไม่มีสติแล้ว อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเลยทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นกับฉัน ถ้าง่วงก็ไปนอน วันนี้ฉันจะใจดียอมให้เธอค้างที่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนบนร่างขณะที่ร่างใหญ่เริ่มขยับตัวไปมา
“ฉันรวยมากเลยนะ มีบ้านหลังใหญ่ เป็นลูกสาวคนเดียว มีธุรกิจของครอบครัวที่สืบทอดกันมาแถมยังโสดสนิทแล้วก็ซิงด้วย ฉันเลี้ยงนายได้สบาย ๆ เลย ถ้าเป็นแฟนกับฉันนายไม่ต้องหาเลี้ยงฉันก็ได้” เหมือนคำพูดของเพทายจะไม่มีความหมาย ริมฝีปากเรียวยังคงร่ายยาวไม่เลิก
“กล้าได้กล้าเสียจังเลยนะ ขอผู้ชายที่เพิ่งเจอกันวันแรกเป็นแฟนน่ะ แต่ฉันไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเลี้ยง เธอลงไปจากตัวฉันได้แล้ว”
“คบกันวันแรกแล้วนอนด้วยกันเลยก็ได้นะฉันไม่ถือ แค่นายตกลงเป็นแฟนฉันฉันพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อนายเลย”
“เวลาเมาอย่าไปพูดจาแบบนี้กับผู้ชายที่ไหนอีกนะ ฉันรู้ว่าถ้าไม่เมาเธอคงไม่พูดแบบนี้หรอกอื้ออ…”