แฟน?

1593 Words
มะนาว… “อื้ออ ~” ฉันบิดตัวไม่มาเมื่อแสงแดดนั้นสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านบานหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เพียงแค่ขยับตัวไปมาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและรู้สึกระบมช่วงล่าง “ปวดตัวจังเลย” ฉันพึมพำเบา ๆ ขณะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองเพดานห้อง “หือ? ที่นี่…” พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ฉันนอนอยู่ในห้องของตัวเอง “แต่ว่าเมื่อคืนนี้เรา…” ฉันขมวดคิ้วพลางทึ้งหัวตัวเองไปมาเพื่อเรียกสติ ถึงเมื่อคืนฉันจะเมาแต่ก็พอมีสติอยู่บ้างและรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป รวมถึงไปค้างที่บ้านของใครบางคน… ก๊อก ก๊อก ก๊อก “นาวเอ้ย นาว ตื่นหรือยังน่ะสายแล้วนะ” ทว่าเสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของแม่ก็ทำให้ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปและตอนนี้อยู่ที่บ้านแล้วจริง ๆ “ตื่นแล้วแม่ เดี๋ยวหนูอาบน้ำเสร็จแล้วจะออกไป” ฉันจะโกนกลับก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงทว่าประโยคถัดมาของแม่ก็ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องน้ำต้องชะงัก “กลับมาก็เมาไม่รู้เรื่องรู้ราว เช้ามาก็ไม่อยากตื่น ฉันล่ะอายแฟนแกจริง ๆ เล้ย” “…?” “เรียนจบจนจะทำงานทำการแล้วก็ยังทำตัวเถลไถลอยู่อีก ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมแฟนแกถึงมาคบกับแกได้” “…แฟน?” ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินประโยคที่แม่บ่น “อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วก็รีบลงไปกินข้าวล่ะรู้ไหม แม่ตั้งโต๊ะไว้รอแล้ว แฟนแกก็รออยู่ข้างล่างโน่นแน่ะ ลงมาอยู่เป็นเพื่อนเขาหน่อย” และประโยคถัดมาของแม่ก็ทำให้ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฟาด ว่าแต่ฉันไปมีแฟนตอนไหน? “อย่าบอกนะว่านายนั่น!” อ๊ากก! นี่ไอ้คนป่าเถื่อนนั่นตามฉันมาถึงบ้านเลยเหรอ? แถมยังไปแนะนำตัวกับแม่ว่าเป็นแฟนฉันด้วยเนี่ยนะ! “บ้าเอ้ย! แล้วจะเขี่ยนายนั่นทิ้งยังไงเนี่ย!” เวลาต่อมา… “ลงมาได้สักทีนะ” น้ำเสียงกระแนะกระแหนของแม่ดังขึ้นทันทีที่ฉันเดินลงบันไดไป “พาเพทายไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอก กินเสร็จแล้วก็ล้างจานด้วยล่ะ” แม่หันมาพูดกับฉัน “เพทาย?” ฉันขมวดคิ้วงุนงงเมื่อได้ยินแม่เรียกใครบางคนอย่างสนิทสนม คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาหันมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ฉันก่อนจะหันไปดูทีวีที่เปิดอยู่ต่อทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง “อ้าว? ก็ชื่อแฟนแกไม่ใช่เรอะ?” แม่ขมวดคิ้วมองหน้าฉัน “เมาจนเบลอล่ะสิ ทีหน้าทีหลังก็ดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย” แม่หันมาบ่นฉันต่อ “รู้แล้วน่า แล้วนี่แม่จะไปไหนอะ นานไหมกว่าจะกลับ” “บ่าย ๆ โน่นแหละถึงจะกลับ” แม่หันมาตอบฉันก่อนจะหันไปหาใครบางคนแล้วพูดต่อ “ทายไปกินข้าวได้แล้วลูก เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นเสียก่อน” “ครับแม่” เหอะ! ทีกับฉันนะไม่เคยจะมีหรอกคำว่าลูกอย่างนั้นลูกอย่างนี้ ว่าแต่เมื่อกี้นายนี่เรียกแม่ฉันว่าแม่เรอะ? “อ้าว? แล้วไม่พาแฟนแกไปกินข้าวล่ะ ยัยลูกคนนี้นี่ต้องให้กระตุ้นด้วยการบ่น” ฉันยู่หน้าใส่แม่ก่อนจะหันไปตวัดสายตาไม่พอใจใส่ใครบางคนแล้วเดินนำหน้าเข้าห้องครัวไป คนที่เดินตามหลังมาไม่ได้พูดอะไรหากแต่นั่งลงฝั่งตรงข้ามฉันแล้วจัดแจงตักข้าวใส่จานก่อนจะตักอาหารเข้าปากทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเอง “ใครอนุญาตให้นายกินไม่ทราบ” ฉันเอ่ยถามพลางตวัดสายตาไม่พอใจใส่เขา “แม่” คนถูกถามตอบกลับสั้น ๆ ทั้งที่ปากยังเคี้ยวข้าวอยู่ “แล้วนายคุยอะไรกับแม่ฉันบ้าง” “แม่ถามว่าฉันเป็นใคร ฉันก็ตอบไปว่าเป็นแฟนเธอ” “แฟน?” “หรือไม่จริง? ถ้าจำไม่ได้ให้ฉันทบทวนความจำให้ไหมว่าเมื่อคืนเธอพูดอะไรไว้บ้าง” คนที่ตักกับข้าวใส่จานเงยหน้ามาสบตากับฉันด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะสนใจกับข้าวในจานต่อ “เรื่องนั้น… เมื่อคืนฉันเมา เอาเป็นว่าเราสองคนจบกันแค่นั้นแหละนายไม่ต้องไปสนใจคำพูดคนเมาหรอก” เพราะนายนี่ดูอันตรายมากเกินไปแถมยังป่าเถื่อน ฉันสัมผัสได้ว่าถ้าคบกับเขาต่อไปต้องมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นแน่ ๆ “จะไม่รับผิดชอบ?” ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาทำให้ฉันขนลุกซู่ อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบ ๆ นั้นเปลี่ยนไป “เมื่อคืนเธอบอกฉันว่ามีสตินะถ้าฉันจำไม่ผิด” เสียงทุ้มพูดต่อขณะที่แววตาน่ากลัวนั่นจ้องมองมายังฉัน “ตะ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” “ต้องให้บอกแม่เธอด้วยไหมว่าเราเอากันท่าไหนบ้าง เธอถึงจะยอมรับผิดชอบฉัน” ทว่าประโยคถัดมาของคนตรงหน้าก็ทำให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของฉันนั้นกระตุกวูบ ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่ฉันนะ อย่ายุ่งกับแม่” “งั้นก็รับผิดชอบในสิ่งที่เธอพูดไว้ซะ” “แต่ฉันไม่อยากเป็นแฟนนายแล้ว” “…” ประโยคของฉันทำคนตรงหน้าไม่พูดอะไรออกมาหากแต่มองมาที่ฉันด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา “ฉันขอโทษก็ได้ที่ทำให้นายรู้สึกแย่หรือให้ความหวังนาย แต่ฉันมาคิด ๆ ดูแล้ว…ฉันว่าฉันเปลี่ยนใจดีกว่า ฉันไม่อยากเป็นแฟนกับนาย” “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าอยากเป็นแฟนเธอนี่” คนตรงหน้าพูดขึ้นแทบจะทันทีทันใดที่ฉันพูดจบ “แล้วไหนเมื่อกี้นายบอกให้ฉันรับผิดชอบ?” “…” คนถูกถามไม่ยอมตอบหากแต่สนใจอาหารตรงหน้าแทน ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ในเมื่อนายโอเคที่ฉันจะไม่คบกับนาย แล้วนายจะให้ฉันรับผิดชอบอะไร” “นอนด้วยกัน” เสียงทุ้มตอบกลับทันควันขณะที่ฉันยังอึ้งกับคำพูดของเขา “ทุกคืน” นำเสียงหนักแน่นนั้นเน้นคำราวกับว่าไม่ได้พูดเล่น “…มะ หมายความว่ายังไง? จะให้ฉันนอนกับนายทุกคืนเพื่อรับผิดชอบเนี่ยนะ มันดูเห็นแก่ตัวไปไหมอะ ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนเป็นแฟนกันเลยนะ” “จะนอนกับฉันทุกคืนโดยที่แม่เธอรู้แค่ว่าเราเป็นแฟนกัน หรือจะบอกเรื่องนี้ให้แม่เธอรู้แล้วจบที่แต่งงานกับฉัน” “…” นี่ไม่เรียกว่าบังคับทางอ้อมใช่ไหม ทำไมรู้สึกเหมือนเสียเปรียบทุกทางเลยล่ะ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็เป็นความสัมพันธ์เหมือนคนเป็นแฟนกันเลยนี่ “ละ… แล้วนอนกับนายทุกวันนี่มันต้องนานแค่ไหน” “…” คนถูกถามไม่ตอบเช่นเคยหากแต่ปรายตามองฉันแล้วตักอาหารเข้าปากต่อ “ถ้านายไม่ตอบงั้น… นายเบื่อฉันเมื่อไหร่เราจบกันโอเคไหม แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับนะ ถ้าแม่รู้ฉันกลัวว่าแม่จะให้แต่งงานกับนาย ให้แม่รู้ว่าเราสองคนเป็นแฟนกันเฉย ๆ ก็พอแล้วโอเคไหม” อย่างน้อยถ้าแม่รู้แค่ว่าเราเป็นแฟนกัน พอวันหนึ่งแยกทางกันไปคงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าให้แต่งงานกันปุบปับฉันคงรู้สึกแย่เพราะฉันกับนายนี่ยังไม่รู้จักกันดีเลย “…” “นายคงไม่อยากแต่งงานกันคนที่ไม่ได้รักหรอกใช่ไหม ฉันรู้ว่าหน้าตาอย่างนายคงมีผู้หญิงเข้าหาเยอะ นายมีทางเลือกเยอะแยะ เพราะงั้นเราแค่ทำเรื่องบนเตียงด้วยกันจนกว่านายจะเบื่อแล้วแยกทางกันโอเคไหม” ฉันยื่นข้อเสนอยาวยืดให้คนตรงหน้าแบบไม่อาย แน่นอนว่าฉันกล้าได้กล้าเสียอยู่แล้ว ใช่ว่าจะทำตัวไร้ค่านอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่ฉันก็เผื่อใจตัวเองไว้เหมือนกัน หากความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ก็ค่อยขยับความสัมพันธ์เป็นอีกขั้นก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะคบกับเขาแบบแฟน มันเร็วเกินไปแล้วก็… ฉันยอมให้เขาบอกเรื่องนี้กับแม่ไม่ได้ ฉันรู้ว่าแม่อยากให้ฉันแต่งงานเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ถ้าแม่รู้เรื่องที่ว่าเรามีอะไรกันฉันกับเขาต้องได้แต่งงานกันแน่ “เธอพูดเองนะ” คนที่ตักกับข้าวใส่จานเงยหน้ามาสบตากับฉัน “จนกว่าฉันจะเบื่อเธอใช่ไหม” เสียงทุ้มพูดต่อ “…ใช่” “ตกลง” ประโยคสุดท้ายของผู้ชายหน้านิ่งทำให้ฉันขนลุกซู่ อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเขาน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก นี่ฉันตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD