ปฐมบท 1.1 - เธอต้องเป็นของฉัน

1212 Words
ณ คอนโดฯ หรูใจกลางเมืองนครนิวยอร์ก สองร่างกำลังร่ายมนต์แห่งรักใส่กันอย่างดุเดือดอยู่บนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์ ใบหน้าคมแกร่งแหงนหงายไปทางด้านหลังเพื่อเปล่งเสียงคำรามสุขสม ร่างหนาปลดปล่อยความต้องการออกมาเต็มเปี่ยม สาวผมบลอนด์ยิ้มกว้างเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้เขาเติมเต็ม ทว่าชายหนุ่มกลับลุกจากโซฟาแล้วคว้าเสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนราวไม้ออกมาสวมใส่ เขาหยิบบุหรี่ยี่ห้อแพงขึ้นจุดสูบ พ่นควันขาวขุ่นลอยคลุ้งกลางอากาศ “กลับไปได้แล้ว” เสียงเข้มบอกไม่ใยดี “ทำไมคะ หรือว่าคุณไม่พอใจฉัน ให้ฉันทำให้ใหม่ก็ได้นะคะ” หญิงสาวลนลานเสนอเพราะไม่สามารถหอบเอาความทรมานที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยกลับไปนอนค้างเติ่งอยู่คนเดียวได้ “ผมสุขจนล้นออกมาซะขนาดนั้น คุณยังคิดว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพออีกหรือ” เขายิ้มมุมปากเดินไปคว้าสตรีมากความต้องการมาสวมกอดอย่างปลอบใจ “คุณเกียร์” หลงละเมอคิดว่าเขาจะสานต่อ ทว่าประโยคถัดมาทำให้หล่อนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ “ต่อให้ผมกระแทกคุณบนเตียงนั่น คุณก็ไม่ทำให้ผมคลายความหงุดหงิดเพราะผู้หญิงคนนั้นได้หรอก” เขากระซิบเสียงเหี้ยม นึกถึงใบหน้าหวานซึ้งของนางในฝันดวงใจแกร่งพานปวดร้าว เมื่อไรเขาจะลืมหล่อนได้เสียที ก็แค่เด็กในอุปการะของพี่สาว ทำไมถึงตราตรึงใจเขานัก “กลับไปพร้อมกับเงินและเครื่องเพชรชุดนั้น” ปรายตามองไปยังโต๊ะทำงานไม้สัก หญิงสาวผมบลอนด์ถึงกับตาโต ยกมือป้องปากแล้วมองหน้าเขาอย่างตื่นเต้น “คุณให้ฉันหรือคะ” รับงานเสี่ยแก่กระเป๋าหนักมาหลายรายยังไม่เคยมีใครให้หล่อนมากเท่านี้มาก่อน เขาช่างใจป้ำเสียจริง “ไปซะ” ออกแรงดันร่างสูงอวบออกห่างแล้วปิดประตูกระแทกเสียงดัง หลังอีกฝ่ายยอมกลับไปพร้อมกับสิ่งของมีมูลค่าที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ เกียร์ เรนโซ ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้างพลางยกมือก่ายหน้าผากขณะที่หัวสมองครุ่นคิดถึงร่างบางน่ารักในชุดนักเรียนมอปลาย ใบหน้าสวยหวานมาพร้อมดวงตากลมโตเอียงอาย เด็กสาวถักเปียสองข้างในวันนั้นเติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่งจนเขาเกิดความรู้สึกหวงแหนระคนอยากได้มาครอบครอง หากด้วยสถานะของหล่อนที่ถูกเลี้ยงเสมือนลูกแท้ๆ ของพี่สาวทำให้เขาเกรงใจไม่กล้ามุทะลุทำอะไรเกินงาม ทำได้เพียงแอบมองและตามติดชีวิตนกน้อยแสนสวยอย่างเงียบๆ คอยสอดส่องว่ามีมดแมลงตัวใดเข้าใกล้หล่อนบ้าง “ยิหวา เธอต้องเป็นของฉัน!” ชีวิตการเป็นนักศึกษาสนุกแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด อีกครั้งที่หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยหวานต้องรับหน้าที่เป็นหุ่นยนต์นั่งทำรายงานช่วยเพื่อนซี้จอมป่วนอย่างศรุต เขาเอาแต่เที่ยวดื่มจนเมาปลิ้นแล้วโยนภาระหนักอึ้งมาให้เธอนั่งปวดหัวเพียงลำพัง “เสร็จแล้ว” พิมพ์ชนก เรนโซ หยิบรายงานที่เย็บเข้าเล่มเรียบร้อยยื่นส่งให้ผู้ชายหน้าตี๋ผิวขาวจัด ศรุตฉีกยิ้มกว้างพลางมองร่างบางด้วยสายตาขอบคุณ “สวยงามตามท้องเรื่อง ขอบคุณมากนะยิหวา เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆ” ชายหนุ่มลูบไล้รายงานที่ไม่ได้ทำอย่างภาคภูมิ พิมพ์ชนกมองเขาพลางส่ายหน้าเอือมระอา “นายเป็นคนเก่งมากนะรุต ถ้าเลิกนิสัยเที่ยวเตร่แล้วหันมาขยันเข้าห้องเรียนนายจะเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคมาก” “ก็เพราะว่าฉันเก่งไงเลยไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนก็ทำข้อสอบได้” ศรุตยิ่งหลงตัวเองไปกันใหญ่ คิดทะนงตนไม่รับฟังคำเตือนของเพื่อน “เอาเป็นว่าฉันกลับบ้านก่อนนะ” พิมพ์ชนกจนปัญญาจะพูดกล่าวในเมื่อเขาไม่ฟัง “อ้าว! ทำไมรีบกลับนักล่ะ” ศรุตเอ่ยถาม เขาตั้งใจจะชวนหล่อนไปทานไอศกรีมด้วยกันสักหน่อย “วันนี้คุณเกียร์กลับบ้าน” “กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วันล่ะ” “เห็นคุณกรีนบอกว่าอยู่ตลอด” “หมายความว่าจะไม่กลับไปอเมริกาแล้วเหรอ” ศรุตถามอย่างตื่นเต้น “คงงั้น” พิมพ์ชนกตอบไร้อารมณ์ขณะเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนใส่กระเป๋าผ้า “ทำไมล่ะ” “เขาคงอยากกลับมาดูแลคุณกรีนมั้ง พี่สาวป่วยคนเป็นน้องก็คงเป็นห่วงเป็นของธรรมดา” พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายป่วยทีไร พิมพ์ชนกก็เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก “คุณเกียร์หน้าโหดกลับมาแบบนี้ฉันคงไปมาหาสู่เธอไม่ได้แล้วน่ะสิ” ศรุตทำหน้าเศร้า “ก็มาได้แต่อย่ามาบ่อย” ไม่ได้ปิดกั้นแต่หล่อนก็ไม่ได้เปิดซะทีเดียว พิมพ์ชนกเดาใจน้องชายของผู้อุปการะตนไม่ถูกจริงๆ เหมือนจะนิ่งแต่ทุกครั้งที่ศรุตมาหา เขาก็ชอบทำหน้าตาไม่พอใจ ซ้ำร้ายยังเรียกเธอไปกล่าวตักเตือนว่าให้รู้จักทำตัวให้เหมาะสม อย่าสร้างเรื่องให้พี่สาวของเขาต้องอับอายขายหน้า โดยพิมพ์ชนกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรผิด ก็แค่เพื่อนมาหาเพื่อนเท่านั้น “เซ็งเลย” ศรุตคอตก “เอางี้ เดี๋ยวไปส่ง” เขาเห็นว่าเย็นมากแล้วจึงอาสาไปส่งเพื่อนสาวที่บ้าน “ก็ดีนะ ป่านนี้รถเมล์คงไม่เหลือแล้วล่ะ” บรรยกาศที่คิดถึงตลอดระยะเวลาสามปีเต็ม… ร่างสูงลงจากรถเปิดประทุนสุดหรูได้ก็รีบสูดเอาความสดชื่นของบ้านที่จากไปนานเข้าเต็มปอด นัยน์ตาคมคายกวาดมองรอบๆ บริเวณพลางยกยิ้ม แปลงกุหลาบหลากสีของหญิงสาวในดวงใจออกดอกสะพรั่งงดงามพอๆ กับเจ้าของ เกียร์ก้มหน้าลงไปดอมดมใกล้ๆ “หอมจัง” เขายิ้มออกมา กลิ่นดอกไม้ที่หล่อนปลูกยังหอมสดชื่นถึงเพียงนี้ ชักอยากรู้เสียแล้วว่าเรือนร่างของคนปลูกจะหอมเย้ายวนใจสักเพียงใด “เกียร์!” กรีนน่า เรนโซ พี่สาวสุดที่รักโผกอดน้องชายทันทีที่เห็นหน้า เกียร์อ้าแขนต้อนรับอ้อมกอดอบอุ่นที่เขาโหยหา ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มน่ามองให้คนป่วยได้ชื่นหัวใจ “พี่คิดถึงเราที่สุด เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นู่นสบายดีไหม” หญิงสาวผู้มีใบหน้าซีดเซียวเพราะอาการป่วยรุมเร้าลูบไล้แก้มสากทั้งน้ำตา “ไม่เอาครับ อย่าร้องไห้” ปลายนิ้วแกร่งบรรจงเช็ดน้ำตาบนแก้มขาวซีดแผ่วเบา “กลับมาคราวนี้บอกว่าจะอยู่ตลอด เกียร์ไม่ได้หลอกพี่ใช่ไหม” “ครับ ผมตั้งใจจะมาอยู่ดูแลพี่กรีนจนกว่าพี่จะหายป่วย” ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญา เขาเองก็ไม่สบายใจยามเห็นพี่สาวต้องเจ็บไข้ได้ป่วย โดยที่ตนไม่ได้คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ นับว่าโชคดีที่อีกฝ่ายมีบุตรบุญธรรมข้างกาย รายนั้นเก่งงานบ้านงานเรือนเป็นที่หนึ่ง อีกทั้งยังรู้จักวิธีดูแลคนป่วยอย่างดีเยี่ยม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD