บทที่ 1.2 - บัณฑิตหน้าใส (ตัวตนของผู้ชายร้ายกาจ) (จบตอน)

1303 Words
พิมพ์ชนกกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น ผ่อนปรนลมหายใจออกมาทีละนิด กลิ่นลมหายใจสะอาดยิ่งทำให้เกียร์เกิดความต้องการจนห้ามใจไม่อยู่ เขาเปลี่ยนรสจูบลงทัณฑ์เป็นรสจูบอ่อนหวานละมุนลิ้น วนไล้ริมฝีปากนุ่มแผ่วเบาชวนฝัน พิมพ์ชนกเป็นเพียงสตรีน้อยไร้ประสบการณ์ เจอบุรุษร้ายกาจเล้าโลมก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ยอมให้ลิ้นสากร้อนดื่มชิมน้ำหวานตามอำเภอใจ เนิ่นนานหลายนาทีกว่าอสูรร้ายจะยอมปล่อยนางมัสยาผู้อ่อนโยนให้หลุดพ้นจากกรงเล็บ เปลือกตาคู่งามหลับพริ้ม ร่างกายสั่นระริกแม้เขาจะถอดถอนริมฝีปากออกไปแล้ว “ยิหวา… ลืมตาได้แล้ว” เกียร์อมยิ้มหลังเห็นใบหน้าสวยน่ารักส่ายไปส่ายมา “คุณเกียร์” เธอค่อยๆ ปรือตามองก็พบว่าเกียร์ยังคงอยู่ใกล้แม้ปากของเราทั้งคู่ไม่ได้ประกบกันเหมือนคราแรก “รสชาติหอมหวานถูกใจฉันเสียจริง” เกียร์ลูบไล้มุมปากแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างอย่างยั่วยุ พิมพ์ชนกคิดว่าเขากำลังแสดงท่าทีเยาะเย้ยที่เห็นเธอยินยอมรับสัมผัสเถื่อน เธอผลักร่างสูงออกห่างแล้วใช้หลังมือเช็ดกลีบปากนุ่มแรงๆ “ทำไม? รังเกียจงั้นสิ!” พอเห็นคนตัวเล็กแสดงท่าทีแบบนั้นเกียร์ก็คิดว่าหล่อนรังเกียจจึงถามเสียงขุ่น ดุนลิ้นดันแก้มแล้วมองเธอด้วยแววตาเกรี้ยวกราด “ใช่ค่ะ ฉันรังเกียจ!” ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวในเมื่อเขาทำตัวป่าเถื่อนรังแกกันแบบนี้ “คนหน้าด้านทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้!” พิมพ์ชนกน้ำตาคลอ เธอเสียจูบแรกให้คนบ้าอำนาจอย่างเขาน่ะหรือ สวรรค์ใจร้ายเกินไปแล้วนะ “แค่จูบ?” เกียร์เลิ่กคิ้วไม่พอใจ ก็แค่จูบมันผิดนักหรือไง เขาไม่ได้จับหล่อนฆ่าแกงเสียหน่อย ทำไมต้องโมโหกันด้วย “แต่จูบแรกควรเป็นของผู้ชายที่ฉันรัก” อาจฟังดูน้ำเน่าแต่หญิงสาวผู้วางตัวดีงามเสมอต้นเสมอปลาย หมายมอบจุมพิตแสนหวานให้ผู้ชายที่เธอรักและเห็นคุณค่าในตัวเธออย่างแท้จริง “งั้นขอโทษนะ ฉันเป็นจูบแรกของเธอ” เกียร์ยิ้มเย้ย แค่ได้ยินว่าหล่อนหมายมอบจูบแรกให้ชายอื่นความริษยาก็เล่นงานจนร่างกายร้อนรุ่มไปหมด “ไม่ได้! ฉันไม่ให้คุณจูบ” พิมพ์ชนกเผลอตวาดเสียงดัง ลืมกลัวใครจะมาได้ยินเสียสนิท “แต่ฉันก็จูบไปแล้ว” เกียร์คว้าคนช่างโวยวายมากอดรัด แรงขัดขืนเท่ามดกัดริอ่านต่อต้านราชสีห์เยี่ยงเขา “และห้ามเธอให้ใครมาซ้ำรอยฉันเด็ดขาด!” คนขี้หวงกำชับเสียงเข้ม เขาทนไม่ได้หากจะมีชายอื่นมาประทับรอยจูบลงบนกลีบปากสีหวานของเธอ “เห็นแก่ตัว!” “หรือต้องการให้ฉันใจกว้างแล้วเที่ยวปล่อยเธอไปจูบกับคนนั้นคนนี้อย่างงั้นหรือ?” “มันไม่เกี่ยวกับใจกว้างหรือไม่กว้าง แต่คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้” ต่อให้เขาเป็นน้องชายของผู้ที่ชุบเลี้ยงเธอมา ก็ไม่ได้แปลว่าจะล่วงเกินเธออย่างไรก็ได้ คนมีการศึกษาสูงส่งเขาไม่ทำร้ายผู้อื่นแบบนี้หรอก “อยากได้สิทธิ์เหรอยิหวา จะเอาเลยไหม ฉันพร้อมสร้างสิทธิ์ที่เธอเรียกร้องเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ เอาไหมหะ?!” คนพาลสาวเท้าเข้าหาในท่าทีคุกคาม พิมพ์ชนกรีบเบี่ยงตัวหลบอย่างไว “หยุดนะคุณเกียร์! ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะนิสัยแย่แบบนี้” ที่ผ่านมาเธอหลงมองเขาเป็นเทพบุตรผู้เก่งกาจน่าชื่นชม ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่เพรียบพร้อมทั้งฐานะและชาติตระกูลจะมีเนื้อแท้หยาบกระด้างไม่น่าคบหา “นี่แหละตัวตนของฉัน!” เกียร์เหยียดยิ้ม ให้หล่อนมองเขาเป็นซาตานร้ายก็ดีเหมือนกัน จะได้ควบคุมแม่กระต่ายน้อยแสนพยศให้อยู่ในกรอบที่ต้องการได้ไม่ยาก เพราะหน้าหวานๆ ที่มองเขาอย่างตื่นตระหนกแท้จริงแล้วก็แค่เปลือกนอก พิมพ์ชนกเป็นผู้หญิงดื้อเงียบที่ชอบทำให้เขาหงุดหงิดใจตลอดเวลา พิมพ์ชนกส่ายหน้าจนปัญญาจะต่อล้อต่อเถียงกับคนเห็นแก่ตัว ร่างบางกระฟัดกระเฟียดเดินเข้าห้องน้ำแล้วขังตัวเองอยู่ในนั้นนานเกือบสิบนาที กลัวว่าถ้าเปิดประตูออกมาแล้วจะเจอผู้ชายนิสัยแย่ดักรอเหมือนตอนแรก หารู้ไม่ว่าทันทีที่คล้อยหลังร่างบางเกียร์ก็ตัดสินใจกลับเข้าไปยังปาร์ตี้เช่นเดิม เขาไม่ต้องการเป็นที่ผิดสังเกต โดยคาดไม่ถึงว่าพฤติกรรมปล้นจูบเด็กสาวที่อายุอ่อนกว่าตนเป็นสิบๆ ปี จะตกอยู่ในคลองสายตาของพี่สาวเพียงหนึ่งเดียวตลอดเวลา! โรงแรมของศรุตใหญ่โตสมกับเป็นโรงแรมชื่อดังระดับประเทศ แขกเหรื่อที่มาพักมากกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติด้วยกันทั้งสิ้น พิมพ์ชนกรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มงานวันแรกในฐานะพนักงานต้อนรับแขกระดับวีไอพี ด้วยสรีระหน้าตาและความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษอันเป็นเลิศ ทำให้เธอได้รับหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ “ก็เด็กเส้นอะเนอะ เพิ่งเริ่มงานวันแรกก็ได้ดูแลแขกวีไอพีของทางโรงแรม ถ้าไม่ใหญ่จริงทำไม่ได้นะจ๊ะ” น้ำเสียงกระแหนะกระแหนชิงพูดก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้าห้องน้ำ คนถูกพาดพิงระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อย พยายามไม่แยแสความเกลียดชังที่อีกฝ่ายจงใจก่อกวน “ก็คงใหญ่พอตัวแหละ อุตส่าห์จับหลานชายเจ้าของโรงแรมสำเร็จทั้งทีจะให้ทำงานต่ำกว่านี้ได้ยังไงล่ะ จริงไหม” เพื่อนอีกคนรีบเสริมทัพแล้วปรายตามองสาวรุ่นน้องที่ใครๆ ต่างชื่นชมว่าทำงานเก่งแม้เพิ่งเริ่มงานเป็นวันแรก “จริงค่ะ” พิมพ์ชนกยิ้มและกอดอกมองรุ่นพี่ตัวร้ายด้วยสายตาเย้ยหยัน “อะไรที่ว่าจริง?” คนที่ดูเป็นแกนนำที่สุดกระชากเสียงถามแบบไม่ค่อยพอใจ “อุตส่าห์หว่านเสน่ห์ใส่หลานชายเจ้าของโรงแรมสำเร็จทั้งทีก็ย่อมต้องของานดีๆ ทำอยู่แล้ว ไม่ถูกหรือคะ” พิมพ์ชนกไหวไหล่ เบ้ริมฝีปากนิดๆ “นี่หล่อนยั่วโมโหพวกฉันเหรอ!” เดิมทีตั้งใจจะกดดันให้อีกฝ่ายกลัวหัวหดเพื่อบีบให้อยู่ที่นี่ไม่ได้ กลับกลายเป็นถูกเด็กสอนเชิงมวยกลับจนล้มระเนระนาด “เปล่าค่ะ ใครจะกล้ายั่วโมโหพวกพี่ได้ลงคอล่ะคะ หนูก็แค่บอกว่าสิ่งที่พวกพี่คิดน่ะถูกแล้ว” พิมพ์ชนกกรีดยิ้มร้าย ถึงโกรธตัวสั่นกับความคิดแย่ๆ ที่กล่าวหาว่าเธอจงใจจับศรุตเพื่อหวังได้ดีทางลัด แต่คนจำพวกนี้ยิ่งร้อนรนตามสิ่งที่เขาพ่นก็ยิ่งเติมเชื้อไฟไม่รู้จบ ทางเดียวที่จะหยุดพฤติกรรมว่าร้ายผู้อื่นต้องใช้ความเฉียบทางปัญญาสยบทุกความเคลื่อนไหว หมดยุคนางเอกผู้แสนดีที่วันๆ เอาแต่บีบน้ำตาร้องไห้ต่อกระซิกแล้วตัดพ้อโชคชะตา ยอมรับความพ่ายแพ้แต่เพียงผู้เดียว ฝันไปเถอะ! คนอย่างพิมพ์ชนกจะไม่ยอมอยู่เฉยให้ใครหน้าไหนมาดูถูกอย่างแน่นอน “เกิดมาสวยก็ต้องใช้รูปร่างหน้าตาให้เป็นประโยชน์นิดนึงอะค่ะ ให้พวกที่ไม่สวยเท่า… อิจฉาเล่น” ประโยคสุดท้ายร่างบางแสดงความร้ายกาจโดยการมองฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่หัวจรดเท้า กลอกดวงตามองบนแล้วเบ้ริมฝีปากประหนึ่งนางพญา “แก!” คนถูกตอกหน้าชี้นิ้วเกรี้ยวกราด ย่ำเท้ารัวพื้นแรงๆ ที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ “อะๆ อย่ากรี๊ดดังเด็ดขาดนะคะ ประเดี๋ยวคนเขาจะรู้กำพืดที่แท้จริง” พิมพ์ชนกกระตุกยิ้มส่งท้ายก่อนสะบัดหน้าเดินออกจากห้องน้ำด้วยความสะใจ หึ ให้มันรู้เสียบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD