บทที่ 3.1 – ปั่นป่วนความรู้สึก (อยากได้ก็ต้องได้)

1152 Words
และแล้ววันที่เกียร์รอคอยก็มาถึง ความจริงเขาควรจะมีความสุขอย่างที่เฝ้าฝัน หากไม่มีศัตรูหัวใจร่วมทริปไปด้วย “บัดซบจริงๆ” เกียร์สบถออกมา สายตาไร้ซึ่งมิตรทอดมองร่างสูงโปร่งของศรุตที่คอยพูดหยอกเย้าพิมพ์ชนกอยู่ไม่ห่าง สองมือกำบีบเข้าหากันแน่น ริมฝีปากหยักโค้งกระตุกนิดๆ หางตาเริ่มกราดมองไปทั่ว ทุกอย่างดูขวางหูขวางตาไปเสียหมด ขนาดสุนัขจรจัดเดินผ่านเขายังหงุดหงิดเลย “เอาตัวนั้นรุต กุ้งตัวโตกว่า” พิมพ์ชนกชี้นิ้วไปยังกุ้งตัวใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ศรุตเลือกไว้ “หือ! ตัวเดียวอิ่มไปทั้งชาติเลยมั้งเนี่ย” ศรุตหัวเราะ พิมพ์ชนกก็พลอยขำไปด้วย ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของผู้ชายตัวโต เกียร์พยายามเดินทิ้งระยะห่างจากคนทั้งสาม กลัวเผลอกระชากแม่สาวเสน่ห์แรงมาบดจูบแล้วตั๊นหน้าไอ้เด็กเวรที่ตามตอแยผู้หญิงของเขา นั่นแหละ… พิมพ์ชนกเป็นของเขา! ใครจะหาว่าเขาทึกทักเอาเองก็ช่าง เขาไม่สนใจหรอก รู้แค่ว่าเขาชอบ เขาอยากได้ และต้องได้ด้วย! “ของครบแล้วใช่ไหม” กรีนน่าตรวจทานข้าวของในมือ “ครบแล้วค่ะคุณกรีน” “ดีเลย งั้นกลับกันเถอะ เตรียมพร้อมสำหรับปาร์ตี้ปิ้งย่างคืนนี้” กรีนน่าตื่นเต้น ลืมความทุกข์ในอดีตหมดสิ้น เรื่องของสามีเก่าพอปล่อยวางได้ใจก็ไม่ทุกข์อีกต่อไป “พิมพ์ชนก” เกียร์ตะโกนเรียก พิมพ์ชนกชะงักฝ่าเท้าหันหลังมองเขา กรีนน่าและศรุตก็มองตามด้วย “มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามตาใส ยิ่งเห็นความไร้เดียงสาผ่านแววตาคู่นั้นเกียร์ก็ยิ่งโกรธ ทำไมเขาต้องรู้สึกร้อนรนกับภาพความสนิทสนมของหล่อนกับผู้ชายคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว ทำไมยัยตัวเล็กถึงไม่เข้าใจเขาบ้าง ทำไมวะ?! “ไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉันหน่อย” “อ้าว แล้วเสื้อผ้าของเราล่ะ” กรีนน่าสงสัย “ผมเตรียมมาน้อยครับ เราอยู่กันหลายวันเกรงว่าจะไม่พอ” เขาตอบหน้านิ่ง กดความรู้สึกเอาไว้ แสดงออกมากเกินไปจะกลายเป็นเขาที่เสียเปรียบ คนอย่าง เกียร์ เร็นโซ่ เสียทองท่วมหัวแต่ไม่ยอมเสียฟอร์มต่อหน้าใครเด็ดขาด! “งั้นให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” “ให้พิมพ์ชนกไปดีกว่าครับ แดดแรงแบบนี้เดี๋ยวพี่จะเป็นลมเอาได้” เขารีบปฏิเสธ กรีนน่าเริ่มเข้าใจเหตุผลของน้องชาย หล่อนมองพิมพ์ชนกแล้วพยักหน้าเชิงขอร้อง “ผมไปเป็นเพื่อนได้นะครับ ผู้ชายด้วยกันน่าจะเลือกง่ายกว่า” ศรุตออกตัว มองตาเพียงเสี้ยววินาทีก็รู้แจ้งเห็นชัดไปถึงไส้ใน เขาไม่ได้โง่ เกียร์กำลังหึงเขากับพิมพ์ชนกแล้วหาข้ออ้างแยกเขาออกห่างจากเธอ “ฉันขอร้องนายเหรอหะ” เกียร์เริ่มตาขวาง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาติดตะคอกเล็กน้อย “คุณเกียร์” พิมพ์ชนกมองเขาอย่างตำหนิ เธอตัดสินใจเดินไปหาเขาเพื่อยุติความขัดแย้งที่กำลังจะก่อตัวขึ้น เกียร์ยกยิ้มมุมปาก มองหน้าศรุตอย่างท้าทาย “เรากลับกันก่อนเถอะ” กรีนน่าบอกกับศรุต ใจแอบห่วงกลัวว่าน้องชายจะมุทะลุทำอะไรเด็กในปกครอง แต่ก็รู้ว่าห้ามเกียร์ไม่ได้ เขายึดความถูกใจมาก่อนความถูกต้องเสมอ ต่อให้พูดจนปากเปียกปากแฉะก็อย่าหวังว่าเขาจะทำตาม อย่างมากก็แค่รับฟังชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เฮ้อ… เวรกรรมอะไรของพิมพ์ชนกถึงต้องมาเจอผู้ชายบ้าอำนาจอย่างน้องชายของหล่อนกันนะ “มองตามตาละห้อยเชียวนะ” พอคล้อยหลังพี่สาวกับศัตรูหัวใจ คนปากร้ายก็กระแทกคำพูดไม่น่าฟังใส่ร่างบางทันที พิมพ์ชนกถอนหายใจเหนื่อยหน่าย “ทำไม อยู่กับฉันแล้วเบื่อ ไม่ชอบ ไม่ร่าเริงเหมือนตอนอยู่กับมัน รุตเอาตัวนั้น รุตเอาตัวนี้ แหม… เสียงอ่อนเสียงหวานราวกับประกวดนางสาวไทย ทำอย่างกับโลกใบนี้มีแค่เราสองคน เหอะ!” คนขี้หวงใส่เป็นชุด เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบเจ้าหล่อน พิมพ์ชนกตวัดหางตามองผู้ชายที่โตแต่ตัวอย่างเดือดๆ “มองอะไร?” เกียร์ถามราวกับจงใจหาเรื่อง “มองเด็กน้อยเอาแต่ใจค่ะ” ในเมื่อกวนมาหล่อนก็กวนกลับ เรื่องอะไรจะปล่อยให้เขายั่วโทสะอยู่ฝ่ายเดียว “เธอกล้าว่าฉันเป็นเด็กเหรอ” “ค่ะ ฉันกล้า” พิมพ์ชนกเชิดหน้าตอบไม่เกรงกลัว นับวันหล่อนก็ชักอาจหาญมากขึ้นทุกที ไม่ทำตัวสนิมนิมสร้อยเหมือนที่ผ่านๆ มา “เธอนี่มัน อยากลอง…” “ตกลงคุณจะซื้อเสื้อผ้าไหมคะ ถ้าไม่ก็กลับ” เสียงหวานแทรกขึ้นก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ ทำทีจะเดินไปเรียกรถประจำทางแต่มือหนาก็คว้าท่อนแขนเรียวเอาไว้ “ไปสิ!” เกียร์ลากแม่คนปากกล้าให้เดินตามเข้าไปในตลาดอีกครั้ง เขาไม่ปล่อยหล่อนกลับไปง่ายๆ หรอก กว่าจะหาเวลาอยู่กันสองต่อสองไม่ใช่เรื่องง่าย ได้เวลามาแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้ม ประเดี๋ยวพอกลับที่พักแม่คุณก็หนีไปออเซาะไอ้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออยู่ดี เอาเถอะ ตอนนี้เขายังพอทนได้อยู่ แต่ถ้ามากกว่านี้เมื่อไร เขาก็ไม่รับปากว่าจะอดทนอดกลั้นจนกว่าจะจบทริปได้ ก็หวังว่าพิมพ์ชนกจะไม่ยั่วต่อมหึงหวงของเขาให้ทำงานหนักไปมากกว่านี้แล้วกัน “ร้านนี้น่าสนใจดีค่ะ ตัวละร้อยเก้าสิบเก้าบาท คุณพอใส่ได้ไหมคะ” ที่ต้องถามเพราะเขาใส่แต่เสื้อผ้าแบรนด์ดังนำเข้า กลัวเสื้อผ้าบ้านๆ จะระคายผิวเนื้อคนรวย “ขอจับผ้าหน่อย” เกียร์เอื้อมมือจับชายเสื้อขยี้ไปมา “เนื้อหยาบไปหน่อย แต่ก็นะ ได้อยู่” เกียร์เล่นละครตบตาทำทีตรวจเช็กสถาพเนื้อผ้า ที่จริงแล้วเขาเตรียมชุดมาเยอะพอสมควร ชุดพวกนี้ซื้อไปก็ไม่คิดใส่อยู่ดี “เอากี่ตัวคะ ห้าตัวดีไหม จะได้ซื้อร้านเดียวแล้วกลับเลย” พิมพ์ชนกหวังดีกลัวเขาร้อน ไม่อยากให้เดินหาหลายร้าน แต่เกียร์กลับเข้าใจว่าหล่อนไม่อยากอยู่กับเขานานกว่านี้ “รีบเนอะ ดูเธอรีบอะ” เขาหยันเสียงขึ้นจมูก “อะไรของคุณเนี่ย” พิมพ์ชนกจ้องใบหน้าหล่อเหลา เม้มปากหงุดหงิด “คุณจะเอาอะไรกับฉันนักหนา” ทำไมเกียร์ถึงจงเกลียดจงชังหล่อนนัก พูดดีๆ ด้วยมันจะตายหรือไง ไม่เข้าใจผู้ชายปากร้ายอย่างเขาเลยจริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD