ภูผาขึ้นรถตู้ของบริษัทที่จอดรออยู่ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ยังติดอยู่บนใบหน้า
“ขอบคุณครับพี่โชค ที่ช่วยถามข่าวจากเจ๊หวานมาให้” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “ยังไงธีมเทปหน้าช่วยบอกผมล่วงหน้าด้วยนะครับ ไม่งั้นผมคงตามแก้เผ็ดยัยเตี้ยนั่นไม่ทันแน่ ๆ สรรหาเรื่องแสบ ๆ มาแกล้งผมได้ทุกครั้งเลย”
พี่โชคหัวเราะร่วน “ได้เลย เดี๋ยวพี่จะคอยแอบถามเจ๊หวานให้นะ แต่วันนี้นี่ยอมรับเลย ฮาสุด ๆ หน้าน้องอันอันตอนเห็นตุ๊กตาคนแคระนี่อย่างอึ้งไปเลย!”
ภูผาหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า จริงครับ ตอนที่ต้องห้อยไว้รอบเอวนั่น ดูพะรุงพะรังเหมือนมีลูกเจ็ดคนเลย เห็นแล้วขำแทบกลั้นไม่อยู่”
“แต่ยังไงก็แกล้งกันขำ ๆ ก็พอนะ อย่าแกล้งน้องแรงล่ะ น้องยังเด็กอยู่” พี่โชคพูดพลางยิ้มเตือน
ภูผาเบะปากเล็กน้อย “โหย...เข้าข้างกันชัด ๆ เลยนะครับพี่! หรือว่าโดนของฝากล่อใจมาสองกล่องใหญ่เมื่อกี้ใช่ไหม เกี๊ยวทอดบ้านอันอันน่ะ?”
พี่โชคหัวเราะ “ก็ของเขาอร่อยนี่นา~”
ภูผาหัวเราะเบา ๆ ตาม ก่อนเอียงหัวพิงเบาะสายตาละมุนลงเล็กน้อย
ภาพหญิงสาวในชุดสโนไวท์ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว...โดยเฉพาะตอนเธอยื่นถุงอาหารให้พร้อมรอยยิ้มสดใสนั้น
เกี๊ยวทอดสองกล่องกับเมนูอีกสองอย่าง ทั้งหมดคือสิ่งที่เขาเคยสั่งจากร้านของครอบครัวเธอในวันนั้นพอดี
เธอจำได้...
ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง พลางพึมพำแผ่วเบา
“แสบก็จริง...แต่ก็น่ารักดีครับ”
...
“เจ๊หวานนนนน~ เจ๊ไปแอบบอกพี่โชคใช่ไหม ว่าวันนี้ธีมสโนไวท์!”
อันอันหันไปถามเสียงสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยแววระแวงปนหมั่นไส้ ขณะเจ๊หวานนั่งไขว่ห้างอยู่ข้าง ๆ กำลังไถมือถือดูข่าวในโซเชียลอย่างสบายอารมณ์
เจ๊หวานละสายตาจากจอ พลางทำเสียงใสซื่อ “เอ้า~ ก็เมื่อสองวันก่อนคุยกันนิดหน่อย เจ๊อาจจะ...เผลอบอกไปนิดเดียวเอง~”
“นิดเดียวของเจ๊นี่คือบอกตั้งแต่ชื่อธีมยันสีชุดเลยใช่ไหมคะ?”
อันอันจ้องตาเขม็ง ทำเอาเจ๊หวานหัวเราะแห้ง
“เอาน่ะ~ ภูผาเขาก็แค่แกล้งขำ ๆ เอง เจ๊ว่าออกจะดีนะ เพิ่มสีสันให้รายการอีกตั้งเยอะ แฟนคลับก็ชอบออกจะตาย ฮากันทั้งสตูฯ เลยเห็นไหม?”
เจ๊หวานพูดพลางหัวเราะชอบใจราวกับเป็นผลงานกำกับเอง
อันอันเบะปาก “แหม~ แค่หล่อหน่อยก็เข้าข้างกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ!”
เจ๊หวานวางมือถือหันมายิ้ม “ใครว่าล่ะ~ ยังไงเจ๊ก็ให้อันเป็นอันดับหนึ่งในใจอยู่แล้ว!”
เธอเว้นจังหวะนิดหนึ่ง ก่อนหรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์
“...แต่อาจมีนอกใจบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ เวลาเจอคนหล่อใส่สูทขี่ม้ากระดาษน่ะนะ~”
“เจ๊!!!”
เสียงอันอันดังลั่นรถตู้จนคนขับยังกลั้นขำไม่อยู่ ส่วนเจ๊หวานก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างถูกใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่า~ ถือว่าเจ๊ช่วยโปรโมตรายการให้คู่กัดคู่ขวัญของพวกเราไงล่ะ!”
อันอันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา
“เฮ้อ... ก็ได้ค่ะ เจ๊อย่าเผลออีกก็แล้วกันนะ~ เทปหน้าอันจะวางแผนให้แก้ลำกลับไม่ทันเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะสดใสดังลั่นรถตู้ ขณะที่เจ๊หวานยังคงยิ้มกว้างไม่หยุด
...
รายการที่ทั้งอันอันและภูผารับหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมกันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ “เคมีคู่กัดสุดฮา” ระหว่างทั้งคู่ กับธีมการแต่งตัวที่แปลก แหวกแนว และสร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้ทุกสัปดาห์
เมื่อเห็นผลตอบรับที่ดีเกินคาด ผู้กำกับรายการจึงตัดสินใจเปิดกว้าง ให้พิธีกรทั้งสองสามารถเสนอไอเดียการแต่งตัวของแต่ละเทปได้เอง เพื่อให้รายการมีสีสันมากขึ้น
หลังจากปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ข้อสรุปว่า อันอันจะเป็นผู้เสนอธีมหลักของแต่ละสัปดาห์ แต่จะต้องปรึกษาหารือกับภูผาก่อนทุกครั้ง เพื่อให้เขาได้เตรียมตัวหรือเพิ่มไอเดียร่วมด้วย
ตั้งแต่นั้นมา “การประชุมวางแผนธีม” ของทั้งคู่จึงกลายเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์...
และสถานที่ประชุมก็คือ ร้านเกี๊ยวของครอบครัวอันอัน นั่นเอง
ทุกบ่ายวันอาทิตย์ ภูผาจะมาที่ร้านพร้อมพี่โชค ผู้จัดการคู่ใจ
พอรถตู้สีดำคันคุ้นเคยจอดหน้าร้าน ป๊าของอันอันก็มักจะยิ้มแฉ่งต้อนรับด้วยเสียงทักอบอุ่น
“อ้าว! คุณซันซันมาแล้วเหรอ วันนี้เอาเกี๊ยวทอดเพิ่มไหมครับ?”
ส่วนภูผาก็จะหัวเราะเบา ๆ ตอบกลับอย่างสุภาพ “เหมือนเดิมเลยครับคุณลุง เกี๊ยวทอดสองชุด ขนมเปี๊ยะต้นหอมหนึ่งครับ”
เรียกได้ว่าทั้งเขาและพี่โชคกลายเป็นลูกค้าประจำที่ป๊าจำได้แม่นยิ่งกว่าขาประจำคนอื่นเสียอีก
และสำหรับอันอัน...
ถึงจะพยายามทำตัวให้เป็น “เจ้าของร้านสุดมืออาชีพ” แต่ทุกครั้งที่เห็นชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่มุมเดิมของร้าน เธอก็มักจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
บางที...
อาจไม่ใช่แค่รายการที่เริ่มมีสีสันขึ้นเรื่อย ๆ
แต่อะไรบางอย่างในใจของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้น...แม้ภูผาจะรู้ธีมการแต่งตัวล่วงหน้าแล้วก็ตาม
อันอันก็ยังคงหาวิธี “เซอร์ไพรส์” เขาอยู่ดี
บางสัปดาห์ เธอก็ให้เหตุผลสุดครีเอต เช่น
“สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สิ่งแวดล้อมค่ะ~”
ก่อนจะยื่น กระถางต้นไม้เล็ก ๆ ให้ภูผาถือไว้ตลอดรายการ พร้อมรอยยิ้มหวานที่ฟังดูไม่อาจปฏิเสธได้
หรืออีกสัปดาห์หนึ่ง เธอก็ยื่น แว่นตาทรงประหลาด ให้ แล้วพูดหน้าตาย
“อันอยากใส่แว่นแบบนี้ค่ะ แต่กลัวดูเหงา เลยอยากให้คุณภูผาใส่ด้วยกัน จะได้เป็นคู่กัน~”
แน่นอน...คนดูทั้งสตูฯ ฮากันกระจาย ส่วนภูผาก็ได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ พร้อมต้องทำตามทุกครั้งอย่างยอมจำนน
แต่ก็นั่นแหละ...จากตอนแรกที่ตกใจทุกครั้งที่โดนเซอร์ไพรส์
ตอนนี้เขากลับเริ่ม “ชิน” กับความคาดไม่ถึงของอันอันเสียแล้ว
แถมยังฝึกทักษะการโต้ตอบมุกสดได้อย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็หันมา “เตรียมแผนแกล้งล่วงหน้า” ไว้เองซะเลย
เรียกได้ว่า...เกมนี้ตอนแรกเหมือนอันอันเป็นฝ่ายนำ
แต่พักหลัง ๆ เหมือนเจ้าชายมาดนิ่งของเธอจะเริ่ม “ตามทันนางฟ้าตัวแสบ” เข้าให้แล้วจริง ๆ