หลังจากนั้น ทั้งภูผาและอันอันก็ดูเหมือนจะมี “นัดประจำ” โดยไม่ได้นัด
เพราะทุกคืน...ไม่ว่าใครจะยุ่งแค่ไหน สุดท้ายก็จะมีคนหนึ่งทักมาก่อนเสมอ
บางคืนเป็นภูผาที่ส่งข้อความเรียบง่ายว่า
ภูผา: วันนี้เหนื่อยไหมครับ
บางคืนก็เป็นอันอันที่ส่งสติกเกอร์รูปอาหารมาทักว่า
อันอัน: พี่ซันทานข้าวยังคะ~
จากนั้นบทสนทนาก็ไหลไปเรื่อย ๆ เหมือนสายน้ำ
คุยกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องละคร เรื่องเรียน เรื่องร้านอาหาร
ไปจนถึงเรื่องไร้สาระอย่าง “วันนี้เจ๊หวานใส่รองเท้าสีอะไร” หรือ “พี่โชคใส่ถุงเท้าสีต่างกัน”
และทุกครั้งที่หน้าจอมือถือสว่างขึ้นพร้อมชื่อของเธอ
หัวใจของภูผาก็จะเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ทุกเช้า...ชายหนุ่มจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดใสอย่างประหลาด
เหมือนโลกทั้งใบเริ่มต้นวันใหม่พร้อมพลังดี ๆ จากข้อความเมื่อคืน
แม้ตารางงานแน่นจนแทบไม่มีเวลาพัก แต่ระหว่างเบรก เขาก็มักจะเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เปิดดูแชทกับเธออีกครั้ง
เพียงเห็นชื่อ “อันอัน” ก็เผลอยิ้มได้ทุกที
ด้านหญิงสาวเองก็ไม่ต่างกัน
อันอันมักนั่งใจลอยระหว่างช่วยป๊าเก็บเงินหรือยืนคิดเงินให้ลูกค้า
บางครั้งก็เผลอหยุดยิ้มคนเดียว จนแม่แซวเสียงดังจากในครัวว่า
“ยิ้มอยู่คนเดียวอีกแล้วนะ ยัยสองอัน! คิดถึงหนุ่มคนไหนอยู่ล่ะ~”
เธอหน้าแดงเถียงกลับแทบไม่ทัน “มะ...ไม่มี๊!”
แต่ในใจกลับยอมรับเบา ๆ ว่า...
เธอ “คิดถึง” เขาจริง ๆ
แม้ภูผาจะเป็นคนเงียบ ๆ ขรึม ๆ ไม่ค่อยพูดมาก
แต่ทุกข้อความ ทุกคำถามเล็ก ๆ ที่เขาส่งมา
มันเต็มไปด้วยความใส่ใจที่ทำให้หัวใจของอันอันอบอุ่นอย่างประหลาด
เขาอาจไม่พูดคำหวาน
แต่คำว่า “พักบ้างนะ อย่าหักโหม” หรือ “อย่าลืมกินข้าวนะอันอัน”
กลับทำให้เธอยิ้มได้มากกว่าคำว่า “คิดถึง” จากใครคนไหนในโลกเสียอีก
และโดยไม่รู้ตัว...
การทักทายยามค่ำ กลายเป็น “นิสัย”
การคิดถึงอีกฝ่าย... กลายเป็น “ความเคยชิน”
ในทุกข้อความที่ส่งหากัน
มีทั้งเสียงหัวเราะ ความห่วงใย และความรู้สึกบางอย่าง
ที่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อออกมา
แต่ทั้งคู่ต่างก็ “รู้ดี” ว่า มันคืออะไร
...
และแล้ว...วันที่อันอันไม่คาดคิดก็มาถึง
เธอตื่นขึ้นมาเหมือนทุกเช้า แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านเข้ามาในห้อง เสียงแม่ตะโกนเรียกจากชั้นล่างให้ลงมากินข้าว
แต่สิ่งที่รอเธออยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ กลับทำให้โลกทั้งใบของเธอหยุดนิ่ง
“รักนอกจอผลิบานรับขวัญคู่พระรอง–นางรอง!”
สำนักข่าวบันเทิงชื่อดังรายงานว่า “ภูผา” และ “อัญชัน” นักแสดงคู่รองจากละครเรื่องใหม่
กำลังคบหาดูใจกันอย่างจริงจัง
อันอันนิ่งไปนานมาก...
ดวงตากลมโตจ้องอยู่ที่พาดหัวข่าวนั้นโดยไม่กะพริบ เหมือนสมองกำลังปฏิเสธสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เธอเลื่อนอ่านเนื้อข่าวอย่างช้า ๆ
ทุกประโยคเหมือนมีเข็มเล็ก ๆ นับพันเล่มคอยทิ่มหัวใจ
มีภาพของภูผาในเสื้อเชิ้ตขาว กำลังเดินข้างหญิงสาวผมยาวหน้าหวานในชุดเดรสเรียบ ๆ ทั้งคู่หัวเราะให้กันอย่างเป็นธรรมชาติ
ภาพที่สื่อใช้ขึ้นเป็นปกข่าวนั้น...
คนทั้งคู่ดูมีความสุขและเหมาะสมกันมาก
และไม่ถึงสิบนาทีต่อมา ก็มีแถลงจากต้นสังกัดของนักแสดงทั้งสอง ระบุว่าประเด็นความสัมพันธ์เป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งทำให้กระแสข่าวดังกล่าวมีน้ำหนักขึ้น เพราะทางบริษัทไม่ได้ออกมาปฏิเสธแต่อย่างใด
มือของอันอันสั่นจนแทบถือโทรศัพท์ไม่อยู่
เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามบอกตัวเองว่า “เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเลย ยัยอัน ก็แค่คนที่บังเอิญเคยร่วมงานกันและมีโอกาสได้คุยเล่นกัน”
เธอพยายามหัวเราะกลบความสั่นไหวในอก
แต่เสียงหัวเราะนั้นเบาและแผ่วเหมือนลมหายใจสุดท้ายของความหวังบางอย่างที่เธอเคยมี
เมื่อคืน...เขายังทักมาหาเธออยู่เลย
ภูผา: คืนนี้รีบนอนเร็ว ๆนะ อันอันจะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดใสพรุ่งนี้ :)
ข้อความนั้นยังคงอยู่ในช่องแชท
แชทที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังเต็มไปด้วยอีโมจิหัวเราะและคำแซวกันเบา ๆ
ตอนนี้กลับดูว่างเปล่าอย่างเจ็บปวด
เธอกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของเขา
ภาพเดิมที่เขาถ่ายบนกองถ่ายตอนยิ้มจาง ๆ ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
แต่ความรู้สึกของเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
อันอันทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง มือกำโทรศัพท์แน่น
ดวงตาเริ่มร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่
“ยัยโง่อันอัน...แค่คุยกันทุกคืน ก็คิดไปไกลขนาดนั้น...”
เสียงหัวใจเต้นดังในอก
มันไม่ใช่ความโกรธ...แต่มันคือความปวดร้าวที่ลึกและเงียบเกินจะร้องไห้ออกมาได้ง่าย ๆ
เธอพยายามหายใจลึก สูดลมเข้าจนอกตึง แล้วปล่อยมันออกช้า ๆ
แต่ทุกครั้งที่หลับตา ภาพของเขาในข่าวก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว
รอยยิ้มของเขา เสียงหัวเราะคุ้นเคย และคำพูดที่เคยเขาบอกกับเธอยามที่โฟนอินหากันว่า “อย่าลืมพักบ้างนะอันอัน”
ตอนนี้...คำพูดเหล่านั้นกลับกลายเป็นแค่เศษเสียงในความทรงจำ
เธอก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
นิ้วเลื่อนไปที่ช่องแชท
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกด ปิดแจ้งเตือน
ไม่ใช่เพราะโกรธ...
แต่เพราะเธอไม่อยากเห็นชื่อของเขาเด้งขึ้นมาอีก
กลัวว่าใจจะสั่น...แล้วร้องไห้ออกมา
เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อตรงหัวตา ยิ้มบาง ๆ ทั้งที่หัวใจแตกละเอียด
“ไม่เป็นไรหรอก...อันอัน เธอต้องยิ้มได้สิ...”
เธอบอกตัวเองอย่างนั้น
แม้เสียงหัวใจจะตอบกลับมาเบา ๆ ว่า
“เธอเริ่มรักเขาเข้าแล้วซิ จะทำอย่างไรดี~”