หลังจากหมดงานพิธีกรแล้ว
ชีวิตของอันอันก็กลับเข้าสู่โหมดวุ่นวายเต็มตัวอีกครั้ง
ทั้งเรียน ทั้งช่วยงานที่บ้าน เรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลานั่งเฉยเลยสักวัน
นอกจากเรียนในมหาวิทยาลัย เธอยัง “หารายได้พิเศษ” ด้วยการช่วยป๊าแม่ดูแลร้านเกี๊ยวของครอบครัว
เช้าไปเรียน บ่ายหรือเย็นมาช่วยรับออเดอร์ ล้างจาน ปิดร้าน วนลูปชีวิตที่ทั้งเหนื่อยแต่ก็อบอุ่นใจอย่างมีความสุข
บางครั้งก็มีลูกค้าขาจรที่จำเธอได้จากรายการ เพลงเพลินบันเทิงใจ
พอเห็นหน้าเท่านั้นก็ร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้น
“นั่นน้องอันอันใช่ไหมคะ!? ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม~”
อันอันยิ้มแป้นทันที “ได้เลยค่า~ ช่วยรีวิวว่าเกี๊ยวร้านอันอร่อยที่สุดในประเทศด้วยนะคะ!”
เรียกได้ว่าไม่เสียชื่อพิธีกรสายฮา เพราะเธอไม่พลาดจะใช้ทุกจังหวะโปรโมตร้านไปในตัว
ลูกค้าหลายคนก็เลยกลายเป็นขาประจำ บางคนถึงกับพูดขำ ๆ ว่า
“มากินเกี๊ยวเพราะหิว หรือเพราะอยากถ่ายรูปกับน้องอันอันก็ไม่รู้~”
อันอันหัวเราะร่า “จะเหตุผลข้อไหนก็ได้ค่ะ~ ร้านเกี๊ยวของอันอันยินดีต้อนรับเสมอ!”
และในขณะที่ชีวิตกลับมาเรียบง่ายอีกครั้ง
เธอก็ยังคงยิ้มได้เสมอ เพราะไม่ว่าจะอยู่บนเวทีหรือหลังเคาน์เตอร์ร้านอาหาร
อันอันก็ยังคงเป็น “อันอันคนเดิม”
หญิงสาวที่เต็มไปด้วยพลัง สดใส และพร้อมสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างเสมอ
แต่ถึงจะยุ่งแค่ไหน...
พอถึงวันศุกร์ทีไร หัวใจเธอก็อดรู้สึก “ตงิด ๆ” ไม่ได้
เพราะปกติ... วนศุกร์คือวันที่เธอจะได้ “กัด แซะ และแกล้ง” เจ้าชายมาดนิ่งตัวโย่งนั่น!
“ชักจะคิดถึงแล้วสิ...ปกติวันนี้ต้องได้ฝึกสมองแผนแกล้งนายเพนกวินนี่นา~”
พูดจบก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคนเดียว
ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ไลน์หาเจ๊หวานทันที
อันอันนางฟ้าที่สวยที่สุดในจักรวาล: เจ๊หวานนนนนนนนนคะ
เจ๊หวานนางจักรวาลที่สวยที่สุดบนฟ้า: ว่าไงอัน มีอะไรหรือเปล่า
อันอันนางฟ้าที่สวยที่สุดในจักรวาล: เจ๊มีไลน์ของคุณภูผาไหมคะ?
เจ๊หวานนางจักรวาลที่สวยที่สุดบนฟ้า: แน่ะ จะเอาไปทำอะไร? สุดหล่อคนนี้เจ๊หวงนะ!
แต่เอาเถอะ เจ๊หวงอันมากกว่า...เราเป็นผู้หญิงยิงเรือ จะทักผู้ชายก่อนแบบนี้ได้ยังไงกันยะ~
อันอันนางฟ้าที่สวยที่สุดในจักรวาล: อันแค่จะถามเขาเฉย ๆ ค่ะ ว่าอาหารที่ร้านอันอร่อยไหม เห็นเขามาทานบ่อย ๆ แล้วช่วงนี้หายไปเลย กลัวว่าเขาเจออะไรไม่ถูกปาก...
เจ๊หวานนางจักรวาลที่สวยที่สุดบนฟ้า: หืม...เหตุผลฟังขึ้นอยู่นะเนี่ย~ โอเค เดี๋ยวเจ๊ถามคุณโชคให้นะ แป๊บนึง
อันอันนางฟ้าที่สวยที่สุดในจักรวาล: ขอบคุณค่ะ เจ๊หวาน~ สาวสวยที่สุดในอวกาศ!
เจ๊หวานนางจักรวาลที่สวยที่สุดบนฟ้า: คำชมมันทะแม่ง ๆ นะอัน...ขอแค่ “สวยสุดบนฟ้า” ก็พอแล้วจ้ะ และถ้ามีเทวดาหล่อ ๆ ห้อมล้อมเยอะ ๆ ด้วยก็ยิ่งดี!
อันอันหัวเราะออกมาลั่นร้านทันที
ลูกค้าบางโต๊ะถึงกับหันมามองด้วยความสงสัย
เธอยกมือป้องปากหัวเราะเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง
‘ขอให้เจ๊หวานสมใจค่ะ’
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา
เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น ติ๊ง!
เจ๊หวานนางจักรวาลที่สวยที่สุดบนฟ้า: นี่เลยจ้ะ ไอดีคุณภูผาที่อันอยากได้~ อิอิ ไว้เจ๊จะส่งไลน์ไปเต๊าะภูผาสุดหล่อบ้างเหมือนกัน 😘
อันอันอ่านจบแล้วยิ้มขำ
เธอมองไอดีไลน์ที่เพิ่งได้รับบนหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง
นิ้วเรียวเลื่อนแตะที่ชื่อ “ภูผา” แต่ก็ชะงัก...
หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“จะทักดีไหมนะ...”
ในหัวมีเสียงเจ๊หวานลอยวนอยู่ “ผู้หญิงยิงเรือจะไปทักผู้ชายก่อนได้ยังไง!”
แต่ขณะเดียวกัน อีกเสียงในใจก็แย้งกลับเบา ๆ
“ก็แค่ถามเรื่องอาหารเฉย ๆ เองนี่นา ไม่ได้คิดอะไร...สักหน่อย”
อันอันสูดหายใจลึก ก่อนหลับตาแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
‘เอาวะ...แค่ทักถามธรรมดา ๆ’
เธอพิมพ์ข้อความลงไปอย่างช้า ๆ
อันอัน: สวัสดีค่ะ คุณภูผา
นิ้วของเธอลอยเหนือปุ่ม ส่ง อยู่นานจนใจเต้นตุ้บ ๆ
สุดท้าย...ก็แตะส่งไปจนได้
ข้อความถูกส่งแล้ว
เธอจ้องหน้าจออย่างลุ้นระทึก
1 นาที...3 นาที...5 นาทีผ่านไป
ยังไม่มีการตอบกลับ
อันอันถอนหายใจเบา ๆ แล้ววางมือถือลงเพื่อไปทำเรื่องอื่น
‘สงสัยคุณเจ้าชายจะไม่ว่างล่ะมั้ง~’
...
ภูผานั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ มองข้อความบนหน้าจอมือถือที่เพิ่งเด้งขึ้นมา
อันอัน: สวัสดีค่ะ คุณภูผา
นิ้วของเขาแตะหน้าจอเบา ๆ แต่กลับไม่พิมพ์อะไรต่อ สายตายังคงจับจ้องชื่อของเธออยู่อย่างนั้น
ความจริงแล้ว...เขาได้ไอดีไลน์ของเธอจากพี่โชคมาสักพักแล้ว
แต่เพราะตารางงานที่เริ่มแน่นขึ้นจากการเตรียมตัวถ่ายละครเรื่องแรก
และ...ความไม่กล้าบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ
เขาก็เลยยังไม่เคยกล้าทักไปเลยสักครั้ง
ภาพหญิงสาวในชุดเจ้าสาวจากวันสุดท้ายของรายการผุดขึ้นมาในหัว
เธอยิ้มตาเป็นประกาย เสียงใสจนเขาเผลอยิ้มตามทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ
หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด เขาเลื่อนนิ้วแตะที่หน้าจออีกครั้ง...แล้วหยุด
“จะตอบว่าอะไรดีนะ...”
เพียงประโยคสั้น ๆ จากเธอ กลับทำให้ความเงียบเหงาในใจที่มีมาหลายวันมลายหายไปทันที
เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สูดลมหายใจลึก แล้วพิมพ์ตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง
ภูผา: สวัสดีครับคุณอันอัน สบายดีนะครับ
เขามองข้อความอยู่นานก่อนจะกด ส่ง
หัวใจเต้นแรงกว่าตอนอ่านบทละครเสียอีก
ไม่นานนัก เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น
อันอัน: อันสบายดีค่ะ~ เห็นคุณภูผากับพี่โชคไม่มาทานที่ร้านเลย อันกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด จนเสียลูกค้าขาหญ่ายยยยยยยยอย่างคุณภูผาไปซะแล้วค่ะ~ 😣
ภูผาเผลอยิ้มออกมาทันที เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
เขาพิมพ์ตอบกลับไปอย่างขบขัน
ภูผา: เรียกผมว่าซันก็ได้ครับ ช่วงนี้ผมกำลังเริ่มถ่ายละคร ส่วนพี่โชคก็ยุ่งเรื่องงานนิดหน่อย เลยยังไม่มีเวลาแวะไปที่ร้านของคุณอันเลย...แต่คิดถึงขนมเปี๊ยะต้นหอมมากครับ :)
อันอัน: งั้นอันขอเรียกว่าพี่ซันนะคะ~ แล้วพี่ซันก็เรียกอันว่า “อันอัน” เฉย ๆ ก็ได้ ไม่ต้องมีคุณแล้วน้า~
หญิงสาวยิ้มกริ่มหลังพิมพ์ข้อความจบ พร้อมหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง
“อิอิ ต้องเจอสกิลเต๊าะขั้นเทพของอันอันซะหน่อย~”
ฝั่งภูผาอ่านข้อความนั้นจบ ก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนตอบกลับ
ภูผา: ได้เลยครับ...อันอัน :)
เพียงแค่ข้อความสั้น ๆ แต่กลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนต้องกุมหน้าไว้
และในคืนนั้น
บนหน้าจอเล็ก ๆ ที่สว่างอยู่ในห้องเงียบ ๆ ของทั้งคู่
บทสนทนาเริ่มจาก “เรื่องอาหาร” ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็น “เรื่องงาน” และสุดท้ายกลายเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป
แต่ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไร...
เสียงแจ้งเตือน “ติ๊ง” จากอีกฝ่ายก็ทำให้ทั้งสองเผลอยิ้มออกมาเหมือนกันทุกครั้ง
บทสนทนาสั้น ๆ ในคืนนั้น
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบางอย่าง
บางอย่างที่อุ่นกว่าชาอู่หลงในร้านเกี๊ยวของเธอซะอีก
...