ตอนที่ 2... เจ้าหนี้

3724 Words
“ฉันมาขอพบเจ้าของโชว์รูมรถค่ะ” กณิศาบอกกับพนักงานต้อนรับของบริษัทขายรถยนต์สุดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านที่มูลค่าที่ดินสูงเป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพมหานคร เธอตัดสินใจที่จะนำเงินมาใช้หนี้ให้ปวริศด้วยตัวเอง อยากมาแสดงความรับผิดชอบแทนพี่ชายนิสัยแย่ มาทำให้เขาเห็นว่าครอบครัวของเธอไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะหาเงินมาชดใช้เขาแต่อย่างใด “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ” พนักงานถามกลับด้วยความยิ้มแย้ม แม้จะประเมินหน้าตาและการแต่งตัวของผู้มาเยือนอย่างดูถูกก็ตาม คนที่จะมาขอพบเจ้านาย โดยปกติต้องดูภูมิฐาน มีฐานะ มีรัศมีของความร่ำรวย แต่กับผู้หญิงคนนี้นั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง “ฉันชื่อกณิศาค่ะ” “มาพบคุณบาสเตียนเรื่องอะไรคะ ดิฉันไม่ได้รับแจ้งว่าคุณจะเข้าพบบอสวันนี้ หรือว่าคุณเป็นตัวแทนลูกค้าของเราคะ” “บาสเตียน?” เธอแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินชื่อนี้ เธอคิดว่าเจ้าของที่นี่จะเป็นคนไทยซะอีก “ฉันเป็นน้องสาวของคุณปวริศค่ะ” “น้องสาวคนโกงนี่เอง!” บาสเตียนที่เพิ่งมาถึงสำนักงานขายตบมือเสียงดังต้อนรับการมาเยือนของหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ เธออยู่ในชุดที่เรียกได้ว่าเหมือนแต่งตัวมาร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยซะมากกว่า เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ผมยาวมัดเป็นมวยกลมๆ คล้ายก้อนซาลาเปา และกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กนั่นก็คงจะแพงที่สุดในบรรดาสิ่งของที่อยู่บนตัวเธอแล้วล่ะมั้ง “สวัสดีค่ะ” กณิศาหันไปยกมือไหว้ชายหนุ่มตัวสูงในชุดสูทดูดี เธอเดาว่าเขาคงจะสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร หน้าตาที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนไทย แต่ก็ไม่เหมือนชาวตะวันตกซะทีเดียว เพราะเขามีมุมที่เหมือนคนตะวันออกกลางด้วย และที่เธอรู้สึกแปลกใจที่สุดก็คงจะเป็นการพูดของเขา ที่สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ “มีธุระอะไรกับฉัน” บาสเตียนมองหน้ากณิศาอย่างพิจารณา หน้าสด ไร้การแต่งแต้ม ดวงตาอิดโรยมีแว่นสายตากลมๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น จมูกโด่ง ปากสีชมพูสวย หน้าผากมนมีเหงื่อซึมออกมา คงจะเหนื่อยจากการเดินทางมาที่นี่ “ฉันมาคุยเรื่องค่าเสียหายที่พี่ชายฉันต้องชดใช้ค่ะ” “หาเงินมาคืนได้แล้วเหรอ” “ค่ะ...” เธอตอบเสียงเบา เศร้าใจไม่น้อยที่โดนดูถูก เพราะใบหน้ากับคำถามของเขาเมื่อครู่ มันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อว่ามีเงินมาคืนแล้วจริง ๆ “ไหนล่ะเงิน” บาสเตียนมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เงินสดสามล้านบาทอย่างน้อยก็ต้องใส่กระเป๋าใหญ่ๆ มาสักใบ แต่นี่รอบตัวเธอไม่มีอะไรเลย มีแค่ขาเรียวๆ เท่านั้นที่ดึงดูดสายตาของได้ “นี่ไงคะ ฉันถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง เงินรางวัลหกล้านบาท” เธอหยิบมันออกมาโชว์ให้เขาดู “เหรอ” บาสเตียนถามเย้ยหยันและอดขำไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ต้องการใช้เงินสามล้าน แล้วอยู่ๆ ก็ถูกลอตเตอรี่ จะโชคดีเกินไปหน่อยมั้ง “ฉันถูกรางวัลจริงๆ นะคุณ คุณเช็กดูสิ คุณตรวจเลย” กณิศายื่นมันให้เขา บาสเตียนรับมันมาและส่งต่อให้ลูกน้องคนสนิทตรวจสอบความถูกต้อง ระหว่างนั้นเขามองหน้าเธอไปเรื่อยๆ เพราะเธอก้มหน้าหลบสายตาของเขาตลอด “ถูกรางวัลจริงๆ ครับนาย” “ถูกงวดหรือเปล่า” “ถูกครับนาย เธอถูกรางวัลที่หนึ่งจริงๆ ครับ” “งั้นก็เอาไปเช็กว่าลอตเตอรี่ใช่ของจริงหรือเปล่า ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น” “ครับนาย” “ส่วนเธอ... ตามฉันมา” กณิศาเดินตามเขาไปต้อยๆ ไม่พูดไม่จา ไม่สบตาใครก็ตามที่มองมาอย่างเหยียดหยาม เรื่องของพี่ชายเธอคงจะเป็นที่รู้กันของคนในนี้ ตลอดทางเลยแต่ก้มหน้ามองพื้นที่ถูกขัดอย่างเงาวับ ครั้นพอเข้ามาในห้องทำงานของเขาขนลุกซู่ อยู่ ๆ ก็ร้อนวูบวาบ หวาดระแวงไปหมดทุกอย่าง “ถ้าลอตเตอรี่นั่นเป็นของจริง ได้รางวัลหกล้านบาทก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย เงินที่พี่เธอต้องชดใช้คือสามล้าน แต่ส่วนที่เหลือฉันไม่คืนนะ คนอื่นคงหาเงินมาคืนไม่ทัน ถ้าอยากได้เงินสามล้านคืนก็ไปทวงกันเองก็แล้วกัน” “มะ... ไม่ได้นะคะ” “ได้สิ” “ไม่ได้ค่ะ ฉันมาใช้หนี้ในส่วนของพี่ปั้นเท่านั้น” “อย่าต่อรองเลย ฉันได้ไม่เต็มหกล้านด้วยซ้ำ และที่สำคัญราคาเต็มของรถคือสิบสองล้าน แล้วกว่าจะได้เงินก็หลายวัน ระหว่างนี้มีเงินมัดจำไหม ฉันต้องได้อะไรสักอย่างคืนมาบ้าง แต่ถึงจะได้คืนมาทั้งหมด มันก็ทดแทนความเชื่อใจที่ผมมีให้พี่ชายคุณไม่ได้หรอก ถ้าไม่ตกลงตามนี้ผมจะแจ้งตำรวจ ผมไม่ได้จะดูถูกนะ แต่ชีวิตพี่ชายคุณคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว คุณอยากให้พี่คุณมีสถานะนักโทษเพิ่มเข้าไปอีกเหรอ กว่าจะออกมาจากคุกคงแก่ ตอนนั้นคงหมดเรี่ยวแรงทำมาหากิน จะใช้สมองหาเงินก็ใช้ผิดวิธีแบบที่ทำกับผม” บาสเตียนนั่งวางท่าอยู่ตรงข้ามกับกณิศา โดยมีโต๊ะทำงานคั่นกลางเอาไว้ เขาไม่ใจอ่อน แม้จะเห็นเธอเริ่มน้ำตาคลอแล้วก็ตาม “ฉันมีเงินเก็บอีกประมาณสองแสนบาทในบัญชีนี้ค่ะ ฉันจะไปถอนเงินออกมาให้คุณให้หมด แต่ยังไม่เพียงพอเป็นเงินมัดจำ พ่อกับแม่ฉันน่าจะหามาเติมให้ครบจำนวนที่ขาดไปได้ค่ะ” เธอยื่นสมุดบัญชีที่แสดงยอดเงินคงเหลือสองแสนกว่าบาทให้เขาดูอย่างหมดทางเลือก คอแห้งผาก ไม่กล้าต่อรองใด ๆ เพราะเขาถือไพ่เหนือกว่า และมากกว่าสิ่งอื่นใดคือคำพูดและสายตาของเขา มันช่างน่ากลัวจนต้องจำนนตกเป็นเบี้ยล่างแต่โดยดี “งั้นฉันขอเก็บเอาไว้เป็นตัวประกันก่อนนะ” เขาเก็บสมุดบัญชีของเธอใส่ลิ้นชัก ในขณะที่กณิศากำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง “ถ้าไม่ให้ฉันเก็บไว้ ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะทำตามที่พูด” “เก็บไว้ก็ได้ค่ะ” เธอยอมอย่างเสียไม่ได้ “แล้วเงินของพี่เธอที่เหลือจากการขายรถ หายไปไหนหมดล่ะ” “เงินอะไรคะ” “ก็เงินที่พี่เธอกับพวกเอารถฉันไปขายให้บริษัทคู่แข่งไง” “ฉันไม่รู้ค่ะ พี่ปั้นบอกแค่เรื่องโอนสัญญารถเท่านั้น” “หึ... งั้นฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าพี่เธอไม่เอาเงินไปถลุงจนหมดภายในสองวันล่ะก็ มันก็หาเงินมาคืนฉันอีกไม่กี่บาทเท่านั้น” กณิศาได้ยินแล้วก็ได้แต่อึ้ง บวกลบคูณหารไม่ถูก รับรู้อย่างเดียวคือพี่ชายใช้เงินนับล้านให้เหลือศูนย์ภายในไม่กี่วัน “ให้มันเป็นเรื่องในครอบครัวของเธอแล้วกันนะ ยังไงฉันก็ได้เงินคืนแล้ว” “คุณจะไม่เอาผิดพี่ชายฉันแล้วใช่ไหมคะ แม้ว่าเพื่อนเค้าที่เหลือจะหาเงินมาคืนคุณไม่ได้” “เธอคิดว่ายังไงล่ะ ตอนได้ก็ได้กันเป็นทีม ตอนจะรับผิด พี่เธอกลับรอดคนเดียวงั้นเหรอ ไม่รู้สินะ คงต้องไปถามเพื่อนพี่ชายเธอแล้วล่ะ ว่าถ้ามันถูกตำรวจจับ มันจะซักทอดมาถึงพี่ชายเธอหรือเปล่า” “อย่างนี้มันไม่ยุติธรรมนะคะ! ในเมื่อฉันหาเงินมาคืนให้พี่ชายตามเงื่อนไขแล้ว” “ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรนิ มันขึ้นอยู่กับเพื่อนๆ ของพี่ชายคุณไง” “คุณมันใจร้าย” “ใจร้ายตรงไหนไม่ทราบ ถึงผมจะแจ้งตำรวจแค่ไอ้สามคนนั่น ยังไงคนอย่างพวกมันก็ต้องบอกว่าพี่คุณร่วมมือด้วยอยู่ดี” “คุณก็บอกตำรวจสิว่าพี่ชายฉันไม่เกี่ยวข้อง คุณเป็นผู้เสียหาย คุณปกป้องพี่ฉันได้ แต่ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันก็เสียเงินหกล้านไปฟรีๆ” “เธอเอาเงินมาเสิร์ฟให้ฉันถึงที่นี่เองไม่ใช่เหรอ ฉันไปแบมือขอเงินเธอมาหรือไง” “คุณ! คุณนี่มันเจ้าเล่ห์!” กณิศาลุกขึ้นยืนโวยวาย เธอชี้หน้าต่อว่าเขาอย่างหมดความอดทน ถ้าพี่ชายเธอถูกจับขึ้นมาจริงๆ ยังไงเขาก็สามารถเป็นพยานให้ได้ว่าพี่ชายของเธอได้ชดใช้ในส่วนหนี้ในส่วนของตัวเองแล้ว แต่เขาไม่ทำ... “อย่ามาชี้หน้าฉันนะ!” บาสเตียนบีบมือของเธอไว้แน่น และออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเดินอ้อมโต๊ะทำงานจนยืนประชันหน้ากับเธอ “ฉันเจ็บนะ!” กณิศาหน้าเสีย เธอกลัวเขาไปทั้งกายและใจ สายตาเขาเหมือนสิงโตเจ้าป่าที่กำลังจะตะขุบเหงื่อให้ตายคากรงเล็บ “เจ็บเหรอ” เขาถามพร้อมกับเขยิบตัวมาใกล้มากณิศาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ทั้งสองตัวติดแนบชิดจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน “ปล่อยฉันนะ!” บาสเตียนปล่อยมือที่จับเธอไว้ และเปลี่ยนเป็นโอบเอวเธอไว้แทนด้วยสองแขน ตอนนี้ทั้งตัวของเธออยู่ในอ้อมแขนของเขา จะดิ้นหนีก็ดิ้นไปสิ แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่มีทางหลุดลอดไปได้ และยิ่งดิ้นก็ยิ่งดี เพราะอะไรๆ ในตัวเธอที่มันนูนเด่นออกมานั้น ทำให้เขารู้สึกดีเหลือเกิน “ซ่อนรูปเหมือนกันนะเนี่ย” บาสเตียนก้มมองหน้าอกภายใต้เสื้อยืดของเธออย่างหื่นกาม ปกติมีแต่ผู้หญิงที่ยินดีจะให้เขาได้โอบกอด แต่กับผู้หญิงที่กำลังขัดขืนเขาอยู่ตอนนี้ทำให้เขาอยากเอาชนะ อยากให้เธอยอมสยบ “ไอ้ทุเรศ! ปล่อยฉัน!” “ดิ้นอีกสิ ดิ้นเยอะๆ ทั้งนม ทั้งไอ้นั่น มันจะได้ถูฉันนานๆ!” เขาพูดจบก็กอดเธอไว้แน่นขึ้น แน่นเสียจนกณิศาอึดอัดจนหายใจไม่ออก “โรคจิต!” “แปลว่าไม่เคยโดนอะไรแบบนี้สินะ” เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เพราะหากกักขังเธอไว้นานกว่านี้ ไอ้แก่นกายของของเขาที่กำลังร้อนระอุ คงจะได้ระเบิดออกมาเป็นไฟแน่ “อยากโดนหรือไง” บาสเตียนถามกวนๆ เมื่อสายตาของกณิศาดันจับจ้องอยู่ที่เป้ากางเกงของเขา มีบางอย่างนูนชัดขึ้นมาจนเธอรู้สึกว่ามันผิดธรรมชาติ “มะ... ไม่” เธอหันหน้ามองไปทางอื่น “ไม่เหรอ น้องชายของฉันมันทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” เขาเห็นกณิศาสติแตกก็เดินเข้าไปหาเธอที่เดินถอยหลังหนีเขาไปเรื่อยๆ มือปลดเข็มขัดราคาแพงและกระดุมกางเกงออกเพื่อกลั่นแกล้ง ที่ผ่านมาเขาเจอแต่ผู้หญิงที่รู้งาน แต่กณิศานั้นแตกต่างออกไปจากผู้หญิงที่เขาเคยคบหาด้วย “อย่านะ อย่าเข้ามา!” กศิณาหันมองข้างหลัง ไม่มีทางที่เธอจะหนีรอดแล้ว จะวิ่งไปทางไหนก็เป็นกำแพงทุกด้าน “ชู่... อย่าเสียงดัง” เขายืนบังเธอเอาไว้ แขนข้างหนึ่งยันกำแพงเพื่อป้องกันเธอหลบหนี ก่อนจะรับโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในกระเป๋า “นายครับ… ลอตเตอรี่เป็นของปลอมครับ ผมลองให้ที่ร้านตรวจด้วยเครื่องตรวจ เป็นเหมือนกันทั้งสามร้านเลยครับ คนที่รับซื้อสลากเค้าบอกว่าช่วงนี้ลอตเตอรี่ปลอมระบาดเยอะมาก ผมจะเอาไปเช็กที่กองสลากอีกที แต่ตอนนี้รถติดมาก ผมเลยโทรมาแจ้งนายไว้ก่อนครับ” “ไม่จริง... เป็นไปไม่ได้” กณิศาได้ยินทั้งหมดที่ลูกน้องของเขาพูด ตัวทรุดลงไปกองกับพื้น หมดเรี่ยวแรงจะยืน กระดาษแผ่นนั้นคือความหวังทั้งหมดในตอนนี้ ทว่าสิ่งที่ลูกน้องของเขาพูดได้เผาความสุขที่เคยมีให้กลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว “ไว้ใจไม่ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง! เลวจริงๆ!” บาสเตียนโมโหสุดขีด เขาเกือบจะเสียรู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนี้ได้ยังไงกัน เมื่อครู่... ตอนที่เห็นเธอน้ำตาคลอ เขาเผลอชื่นชมที่เธอรักครอบครับมากกว่าสิ่งอื่นใด กล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา แต่สิ่งที่คิดนั้นผิดมหันต์ “คุณคะ! ฉันไม่รู้จริงๆ นะว่ามันเป็นของปลอม ฉันขอโทษ คุณจะให้ฉันชดใช้ยังไงก็ได้ แต่อย่าจับพี่ชายฉันเข้าคุกเลยนะคะ ฉันขอร้อง ฉันซื้อมาจากคุณป้าคนนึง ฉันไม่รู้จริงๆ นะคะว่าโดนหลอก ฉันไม่เคยซื้อลอตเตอรี่ ฉันดูไม่ออกว่าอันไหนของจริงหรือของปลอม...” “หุบปาก!” บาสเตียต่อว่าที่เธอพล่ามไม่หยุด ส่วนเธอก็วิ่งตามเขาไปที่ประตูห้องทำ แต่บาสเตียนไม่ได้จะออกไปไหน สิ่งที่เขาทำคือล็อกประตูเท่านั้น “อยากชดใช้ใช่ไหม” “ค่ะ แม่ฉันกำลังเอาบ้านไปจำนองกับธนาคาร แม่บอกว่าอาจจะได้สักล้านกว่าบาท เราขอจ่ายคุณเท่านี้ก่อนได้ไหมคะ แล้วฉันจะรีบหาเงินที่เหลือมาคืนคุณให้เร็วที่สุดค่ะ” “ได้... แต่ระหว่างที่ฉันรอเงินจากครอบครัวโจรๆ ของเธอ เธอก็เอาตัวเองมาขัดดอกก่อนแล้วกัน” แคว่ก! เสียงเสื้อยืดของกณิศาถูกเขากระชากออกจากมือจนขาดภายในครั้งเดียว เธอตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะใช้สองมือปิดหน้าอกหน้าใจของตัวเองเอาไว้ “คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันขอร้อง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณนะ ฉันไม่รู้เลยว่าฉันซื้อลอตเตอรี่ปลอมมา” “ฉันไม่สนว่าเธอจะได้มันมาได้ยังไง! เอามือออก!” บาสเตียนคำรามใส่เธอเสียงดัง มือใหญ่ของเขากระชากแขนเธอที่ปิดบังหน้าอกใหญ่ให้เปิดออก “ปล่อยฉันนะ” เพียงเสี้ยววินาทีที่มันโชว์เด่นต่อสายตาของ บาสเตียน เขาไม่อาจทนต่อแรงดึงดูดของมันได้ เขามุดหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมและดอมดมเนิ่นอกของกณิศาอย่างหื่นกระหาย มันเร้าใจเขาดีจริงๆ ที่ถูกห้ามปราบแบบนี้ เพราะเขาเคยชินแต่การถูกนำเสนอ เนื้อนิ่มมีกลิ่นหอมจางๆ ของสบู่ ผิวเนียนละเอียดน่าสัมผัสจนเขาหยุดเชยชมมันไม่ได้ บาสเตียนกอดรัดเธอเอาไว้ บังคับให้เธอเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนชนกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขาละมือจากเอวบางและกวาดเอาสิ่งของอันเกะกะบนโต๊ะทิ้งลงพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกสะโพกเธอลอยขึ้นสูง แล้วอุ่มร่างบางวางไว้บนโต๊ะทำงานนั้น กณิศาขัดขืนเขาทุกวิถีทาง ใช้สองมือปัดป้อง สองขาพยายามเหวี่ยงไปมาให้เขาเจ็บตัว แต่เขากลับแทรกตัวเข้ามาในหว่างขา โดยที่เธอไม่ได้เชื้อเชิญ บาสเตียนหงุดหงิดที่เธอไม่ให้ความร่วมมือ จนต้องจับสองมือของเธอเกาะกุมเอาไว้แล้วยกมันขึ้นสูง ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายจากหน้าอกใหญ่มาที่รำคอระหงส์ ประทับจูบลงที่ซอกคอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากที่พ่นลมหายใจอุ่นๆ ออกมาไปอยู่ที่ปลายคางมน เขาอ้าปากงับมันเบาๆ และริมฝีปากของเขาก็สัมผัสกับปากล่างของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ กณิศาตัวร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง บาสเตียนเองก็ใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น เขาจู่โจมจูบเธออย่างหมดความอดทน และเพียงแค่ปลายลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอ เขาก็รู้สึกวาบหวิวไปทั้งตัว “อื้ม...” เสียงครางจากลำคอ แสดงความพออกพอใจในตัว ของกณิศา แม้ว่าเธอจะพยายามพูดจาขับไล่และด่าทอ แต่เขากลับไม่สนใจ กลืนกินคำพูดของเธอลงคอ และรอสัมผัสจากลิ้นชื้นยามที่เธอขยับมันต่อว่าเขา “อื้อ!” กณิศาสิ้นไร้ไม้ตอก หมดหนทางจะต่อสู้ เพราะเขากักขังเธอไว้ด้วยทุกส่วนของร่างกายอันแข็งแกร่ง เธออยากร้องขอความเห็นใจ แต่สมองกับด้านชา ไม่ออกคำสั่งให้ร่างกายทำงาน เธอน้ำตาคลอเบ้า ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับชายแปลกหน้าคนนี้ บาสเตียนเห็นกณิศาไม่ขัดขืนก็ได้ใจ เขาทั้งจูบ ทั้งดูดเม้มที่ซอกคอ จนกระทั่งถึงเวลาอันสมควรที่เขาจะลิ้มรสน้ำนมจากสองเต้านี้เสียที และเขาขอสาบานตรงนี้เลยว่า ตอนแรกเขาทำเพียงแค่จะขู่ให้เธอกลัวเท่านั้น ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างที่กล้าหลอกลวงคนอย่างเขา แต่ตอนนี้เขาคงต้องผิดคำสาบาน เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาใจสั่นเหลือเกิน... “โอ้...” บาสเตียนปล่อยเสื้อชั้นในของเธอลงพื้น ชื่นชมสองเต้าแสนสวย หน้าอกทรงหยดน้ำนั้นมีขนาดล้นมือ แถมยังนุ่มนิ่มอีกต่างหาก เขาใช้ปลายลิ้นทักทายยอดอกทั้งสองข้างเพื่อทำความคุ้นเคย และยิ้มกริ่มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของของมันเม้มปากด้วยความเสียว เขาจับแขนเล็กให้พาดไปด้านหลัง เหมือนว่าเธอกำลังแอ่นมันให้เขาได้ดูดกลืน “สุดยอด...” บาสเตียนดื่มด่ำสองเต้าอย่างเพลิดเพลิน โดยที่กณิศานั้นน้ำตาเริ่มรินไหลออกมา “ฉันขอร้อง... อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” เธอขอร้องเขาด้วยเสียงสั่นเครือ เมื่อเขากำลังจะถอดกางเกงของเธอ “เธอจะต้องชดใช้ฉันด้วยวิธีนี้!” อสูรร้ายไม่ฟังคำอ้อนวอนใดๆ ทั้งสิ้น เขาดึงกางเกงขาสั้นของเธอลงไปกองที่ข้อเท้าแล้วจูบเธออีกรอบ มือหนารูดกางเกงของตัวเองลงมากองที่ต้นขา พร้อมกับลูบคลำแท่งร้อนที่พร้อมใช้งานอย่างภูมิใจ เขาผลักร่างของกณิศาให้นอนราบลงไปบนโต๊ะ ดึงกางเกงของเธอหลุดออกจากปลายเท้า ก่อนจะจับสองขายกสูงและแยกออกจากกัน “ใช้ได้...” บาสเตียนมองที่หว่างขาของกณิศาอย่างพึงพาใจ ตรงนั้นยังดูสดใหม่เหมือนยังไม่ผ่านการใช้งาน โดยเฉพาะตรงรอยแยกที่เขาพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มันยังเล็กจนเขาจินตนาการไม่ถูกว่าถ้าหากมันตอดรัดแก่นกายใหญ่ๆ จะเสียวแค่ไหน และไม่ต้องเสียเวลาคิดนานอีกต่อไป เมื่อเขาเห็นว่ามันมีน้ำเหนียวไหลออกมาช่วยให้เขาเข้าไปได้อย่างไม่ยากลำบาก “อย่านะ... อย่านะคุณ” กณิศากลัวจนตัวสั่น เธอไม่รู้ว่าขนาดมาตรฐานเจ้าโลกของผู้ชายมันขนาดเท่าไหร่ แต่ขนาดของผู้ชายใจร้ายคนนี้ทำให้หวาดกลัว “หึ... เธอจะต้องชดใช้!” บาสเตียนไม่ฟังคำขอใดๆ ทั้งสิ้น และเขาก็ไม่สนใจน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอด้วย ชายหนุ่มจ่อปลายแท่งร้อนไปที่รอยแยกนั้นและดันมันเข้าไปจนสุดในครั้งเดียว หญิงสาวตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอรู้สึกจุกและอึดอัดเหมือนจะอ้วก ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน “ฟิต... อาห์... รูเธอนี่มันฟิตจริงๆ” เขาบอกเสียงกระเส่า ร่างกายเขามีไฟราคะแผดเผา “ฉันเจ็บ... เอาออกไปนะ เอาออกไป!” “เอาออกให้โง่เหรอ!” พูดจบก็ออกแรงที่สะโพกเพื่อบังคับแก่นกายใหญ่ยักษ์ให้เลื่อนเข้าเลื่อนออกภายในโพรงสวาท ตรงนี้ของกณิศายังสดใหม่ และเธออาจจะยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยซ้ำ เขาภูมิใจและสะใจที่ได้ของดีๆ แบบนี้มาขัดดอก มันคุ้มกว่าเงินล้านบาทกว่าเป็นไหนๆ เงินจำนวนนี้ ไม่กี่วันเขาก็หาได้แล้ว แต่ของดีๆ แบบนี้น่ะสิ เขาอาจจะต้องงมหาในทะเลด้วยซ้ำ “อู้ว... ขมิบอีก ขมิบเร็วๆ” เสียงสวาทดังออกมาจากปาก บาสเตียนไม่ขาดสาย แต่กณิศานั้นเม้มปากเก็บความรู้สึกเอาไว้ มันคืออะไรกัน เธอไม่เข้าใจ เธอไม่ต้องการให้เขาทำแบบนี้ แต่ทำไมร่างกายมันวาบหวิวไปกับทุกสัมผัสจากผู้ชายที่เคยเป็นครั้งแรก “อ๊ะ!” เธอใช้มือปิดปากเมื่อมีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่บาสเตียนได้ยินมันเสียแล้ว เขามองเธออย่างเจ้าเล่ห์ และดูดปลายยอดถันถี่และแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะล็อกข้อมือของเธอเอาไว้ “อาห์” กณิศาไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่ทำไมเธอต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับคนใจร้ายอย่างเขาด้วย “ฉันรู้ว่าเธอเสียว ก็แน่ล่ะ ฉันเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว” บาสเตียนหยิ่งทะนงในความสามารถของตัวเอง ยิ่งเห็นใบหน้าเสียวๆ ของกณิศาแสดงออกมามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเป็นผู้ชนะ และมีแรงที่จะบดขยี้ร่องสวาทของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ “อาห์... สุดยอด ขมิบ... ขมิบดีจริงๆ” บาสเตียนเร่งจังหวะสะโพกให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ สองมือของเขาจับต้นขาสวยของเธอเอาไว้ เขาจะสอนให้เธอรู้จักว่าความสุขจากเอ็นอุ่นๆ มันเป็นยังไง “โอ้ว...” และในที่สุดเขาก็พ่นน้ำรักเข้าไปในกายของกณิศาจนหมด ก่อนจะขยับมันเข้าออกเบาๆ และดึงมันออกมาในที่สุด ตอนนี้เขารู้สึกปวดเมื่อยขาที่ต้องยืนออกแรงทำเรื่องอย่างว่า แต่มันก็คุ้มค่ากับภาพที่เห็นตอนนี้เหลือเกิน กณิศานอนเปลือยเปล่าและเหนื่อยหอบจากไฟสวาทที่เขามอบให้ “เลว...” “เพราะเธอปากดีอย่างนี้ไง เธอเลยได้ผัวเป็นคนเลวอย่างฉัน” เสียงด่าของเธอเบาหวิว และนั่นคือคำสุดท้ายที่เธอพูดก่อนดวงตาของเธอจะปิดสนิท
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD