ข่าวลือคือเรื่องจริง

1643 Words
“ทำได้จริงหรือคุณหนูลี่” ^^ เฮือก! ‘เสียงนี้?’ หรือว่าจะเป็น? ลมหายใจหอบแรงพลันจิกเล็บตรงฝ่ามือ ลี่เหม่ยหลินมองว่านเจียอีที่นั่งอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายอ้าปากค้างนั่นแสดงว่า ด้านหลังของนางคือ...บุรุษรูปงามผู้นั้น อาจารย์โหย่วทำหน้านิ่งถามเจ้าของงานเสียงดังลั่น “วันปักปิ่นของเจ้า เหตุใดจึงมิอยู่รอต้อนรับเหล่าอาจารย์อยู่ด้านนอก” คล้ายตำหนิ แต่น้ำเสียงนั้นกลับนุ่ม ว่านเจียอีรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับคำนับท่านอาจารย์ทั้งสามคน “ศิษย์คาราวะอาจารย์อู๋ อาจารย์โหย่ว อาจารย์อาชุนเจ้าค่ะ” ด้านของว่านจือฮันก็ไม่ต่าง สามบุรุษคำนับอาจารย์กันถ้วนหน้าและนั่งเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย ลี่เหม่ยหลินเม้มปากอย่างไม่เข้าใจตนเอง ปฏิกิริยาของร่างกายและสมองเหมือนจะขัดแย้งกันอีกแล้ว นางหันไปมองท่านอาจารย์ทั้งสองโดยละการมองเพียงหนึ่ง “ศิษย์ ลี่เหม่ยหลินคาราวะอาจารย์อาชุน อาจารย์โหย่ว อาจารย์อู๋” ก้มหน้ามองมือตนที่บีบกันจนแน่น “ยินดีๆ เอาเถอะมิต้องมากพิธีกันไป อาจารย์แวะมาตามบัตรเชิญเพียงครู่ ก่อนจะกลับสำนักศึกษา” อาจารย์โหย่วอ้านยิ้มและนั่งร่วมโต๊ะกับเหล่าลูกศิษย์ พร้อมกับอวยพรให้ว่านเจียอีมีความสุข สมหวังในวันปักปิ่น ก่อนจะสนทนากับอาจารย์อาชุนเรื่องการสอบวิทยายุทธ์ ลี่เหม่ยหลินนั่งกระอักกระอ่วน คล้ายจะลุกลี้ลุกลน ไม่ใช่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองมีปฏิกิริยาแปลกไป ‘นางขาดสมาธิ ขาดความมั่นใจและขาดความรู้สึกนึกคิดของสตรีวัยทำงานจากภพเดิม กลายเป็นสาวน้อยอายุสิบสี่ที่ตื่นเต้นเมื่อเจอบุรุษรูปงาม’ แน่นอนว่าต้นเหตุคงเป็นท่านอาจารย์อู๋เทียนเล่อที่นั่งถัดไปทางด้านซ้าย อะไรบางอย่างบอกกับนางว่ามันไม่ปกติ หลังจากกลับไปถึงจวนราชทูต นางต้องถามย้ำกับอาซิงเกี่ยวกับเรื่องนี้เสียแล้ว “คุณหนูลี่” “คะ!” นางสะดุ้ง ก่อนจะปรับสีหน้าของตนให้เป็นปกติ “อะ เจ้าคะ ท่านอาจารย์อู๋” ^^ “หลังจากวันนั้น เจ้าเข้าไปปรับปรุงร้านของเจ้ารึยัง” ผู้ถูกถามเม้มปาก พลางหันหน้าไปทางอื่น จะบอกว่าเสียมารยาทนั้นก็คงใช่เพราะการสนทนากัน คู่สนทนาย่อมต้องมองหน้า ‘แต่ว่า...’ “เข้าไปดูทุกวันเจ้าค่ะ ศิษย์อาจจะปรับพื้นที่ด้านหน้า ตรงทางเข้าและรื้อรั้วบางส่วนออก ท่านอาจารย์ไม่ว่าใช่หรือไม่เจ้าคะ” “หากเจ้ารื้อไปแล้ว อาจารย์จะว่าอันใดได้” ^^ มองสตรีรุ่นเยาว์กว่าตนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “มิเห็นส่งคนไปแจ้ง เช่นนี้ถือว่ามีความผิดใช่หรือไม่” “เอ๋?” ผู้ถูกกล่าวหาว่าทำความผิดรีบหันกลับไปมอง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มคล้ายล้อเลียน นางจึงต้องรีบหันหน้ากลับมาทางเดิมด้วยใบหน้าแดงก่ำ “อาจารย์ปดศิษย์แล้ว หลายวันก่อนศิษย์ยังเจอท่านอาหูเกอ ท่านอาบอกว่าจะกลับไปแจ้งท่านอาจารย์ให้เอง อีกอย่างคือศิษย์มิรู้จักจวนของท่าน จะไปบอกอย่างไรได้” หลายสายตามองมาทางคุณหนูสกุลลี่ ในความแปลกใจมีอยู่กับทุกคนไม่ต่างกับสาวใช้อย่างอาซิงที่ดึงชายเสื้อของคุณหนูอยู่ทุกระยะ ‘เรื่องที่คุณหนูหลงลืมไปบางเรื่อง มันไม่ใช่สิ่งที่ควรพูด’ “คุณหนูแค่ลืมไปบางเรื่องเจ้าค่ะ” อาซิงยังคงดึงชายเสื้อคุณหนู “ช่วงนี้นางนอนดึกเพราะมัวแต่กังวลเรื่องร้าน” ว่านจือฮันถามแทรกขึ้นมาอย่างสนใจ “คุณหนูลี่จะเปิดร้านรึ” เจ้าตัวผู้ถูกถามคล้ายได้สติกลับมาอยู่กับตัว ตรงกันข้ามเป็นว่านเจียอีที่ยังนั่งก้มหน้าเขินอาย ด้านหลังคืออาซิงที่กล่าววาจาแก้ตัวให้นางอย่างแสนฉลาด ‘มันผิดเพราะท่านอาจารย์อู๋มานั่งอยู่ตรงนี้ นางจึงขาดสติตั้งแต่แรก!’ “ใช่เจ้าค่ะ อีกไม่นานแล้ว รอเพียงตกแต่งให้น่ารัก” “น่ารัก” ^^ “เหมือนเจ้าของร้านน่ะรึ” อู๋เทียนเล่อถามแกมหยอก ลี่เหม่ยหลินกำชายเสื้อของตนเองแน่น ‘ท่านอาจารย์จะกล่าววาจาเช่นนี้ใส่นางมิได้สิ!’ ในสถานที่ผู้คนพลุกพล่านหากไม่คิดอะไร? นั่นสินะ! เพราะไม่คิดอะไร ท่านอาจารย์จึงกล่าวออกมาได้เหมือนผู้ใหญ่ชมเด็กน้อย “เจ้าค่ะ” คือคำที่นางต้องตอบ ว่านเจียอีเบ้ปาก “ท่านอาจารย์จะมิชมศิษย์ที่เป็นเจ้าของงานบ้างรึเจ้าคะ” ^^ “อาจารย์ย่อมชมศิษย์ทุกคนอยู่แล้ว เจ้าเองในวันนี้ก็แต่งกายได้น่ารักสมวัย งานปักปิ่นก็มีเพลงบรรเลงเสนาะหู ชมอย่างนี้ดีหรือไม่” อู๋เทียนเล่อตอบโดยไม่คิดอะไร ไหนจะอาจารย์อีกสองคนพูดเพิ่มเติม อาจารย์โหย่ว “สุราอาหารเลิศรส” อาจารย์อาชู “นางรำงดงาม” ^^ ทั้งหมดหัวเราะร่วมกัน จวบจนผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยามเหล่าอาจารย์ทั้งสามจึงขอตัวกลับไปยังสำนักศึกษา แน่นอนว่าลี่เหม่ยหลินก็ไม่รั้งรอ นางขอตัวจากสองพี่น้องสกุลว่านทันที ตอนขากลับยังมีว่านจือฮันเดินไปส่งยังรถม้า “วันนี้น้องเหม่ยหลินน่ารักถูกใจพี่ยิ่งนัก วันหน้าหากไม่ว่าอันใด พี่จะแวะเวียนไปเที่ยวหาที่จวนได้หรือไม่” ใบหน้าแดงๆ กับท่าทางโงนเงนเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้ผู้เอ่ยหลบสายตาไปจากใบหน้าหวานนั้น ในทางกลับกัน หัวใจบุรุษหนุ่มวัยสิบแปดหนาวกลับกระชุ่มกระชวยที่เห็นบุตรสาวของท่านราชทูตจากต่างแคว้นทำท่าถือตัว หยิ่งยโส ‘ดื้อรั้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตัวเขานั้นหรือยิ่งชอบปราบพยศสตรีเช่นนี้นัก’ “ตัวข้านั้นมีงานมากมาย คงไม่มีเวลาว่างต้อนรับผู้ใดเจ้าค่ะ” ผงกหัวให้อีกฝ่ายคล้ายขอโทษ “วันนี้ขอตัวก่อน” สองขาไม่รอช้า ก้าวขึ้นรถม้าที่อาซิงเปิดประตูเล็กไว้รอ ด้านเหวินซางก็รีบขับรถม้าไปในทันทีเหมือนรู้ใจคุณหนู ว่านจือฮันยกยิ้มตรงมุมมปาก “หากข้าได้นางมาเป็นฮูหยิน พวกเจ้าว่านางจะยังดื้อกับข้าเช่นนี้อยู่หรือไม่” เขาเอ่ยกับสหายที่ยืนอยู่หลังประตูจวน ซอเจ๋อตงในสภาพเมามายไม่ต่างกันเอ่ยอย่างใจป้ำ “หากทำให้นางแต่งเข้าจวนเจ้าได้ ข้ายินดีเป็นเจ้าภาพงานแต่งให้เจ้าหนึ่งวัน” “ข้า เอิ่ก!” เจียนเจี๋ยเกาะหน้าประตู “ทองห้า ชั่ง” ว่านจือฮันแสยะยิ้ม “อย่าลืมที่พวกเจ้าพูดก็แล้วกัน” แต่ใครจะรู้ว่าด้านข้างประตูจวนนั้น มีสาวใช้ยืนแอบฟังอย่างเจ็บใจ! &&&& บนรถม้าสกุลลี่ “อาซิง” “เจ้าคะคุณหนู” “ท่านอาจารย์อู๋อายุเท่าใดรึ” ในใจคิดแค่เพียงว่า บุรุษรูปงามผู้นั้นคงอายุไม่ถึงยี่สิบห้าหนาวเป็นแน่ รึถ้าจะเกินนี้ก็คงไม่ถึงสามสิบ สาวใช้คนสนิทไม่ได้แปลกใจกับคำถามที่คุณหนูของนางน่าจะรู้อยู่แล้ว ในทางกลับกัน นางตอบมันอยู่ทุกวันตั้งแต่คุณหนูได้สติมาครั้งนั้นหรือต่อให้นางจะต้องตอบคำถามซ้ำๆ นางก็ยินดี “ยี่สิบสองหนาวเจ้าค่ะ” ‘ยังไม่แก่จริงๆ’ “แล้วจวนของท่านอาจารย์อยู่ที่ใด ข้ารู้จักหรือไม่” อาซิงเพียงยิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก “ในเมืองหลวงของแคว้นต้วนเป่ยนี้ คุณหนูรู้จักทุกสถานที่เพราะถึงแม้คุณหนูจะไม่ค่อยชอบออกจากจวน แต่เมื่อได้ออกไปทุกครั้งก็มักจะเดินเที่ยวจนทั่วและกลับในยามเย็นเจ้าค่ะ” เจ้าตัวถึงกับตาโต “ขนาดนั้นเชียว” “เจ้าค่ะ และยิ่งถ้าเป็นเรื่องของท่านอาจารย์อู๋เทียนเล่อ คุณหนูก็ยิ่งรู้จักดี” อาซิงก้มหน้านิดๆ พลางถอนหายใจ แม้ไม่อยากพูดถึงเพราะอยากให้คุณหนูลืมมันไปแต่เมื่ออีกฝ่ายถามขึ้นมา นางก็จำเป็นต้องพูด “คุณหนูเคยบอกกับบ่าวว่า คุณหนูพึงใจท่านอาจารย์อู๋เทียนเล่อ แต่เพราะท่านอาจารย์อู๋ มีฮูหยินและมีบุตรแล้ว อีกอย่างคือคุณหนูยังต้องอยู่ในแคว้นนี้ตามวาระ คุณหนูจึงบอกกับบ่าวว่าคุณหนูจะตัดใจ” ‘อะไรนะ? เจ้าของร่างนี้ชอบอาจารย์อู๋งั้นรึ’ เช่นนั้นก็คงมิใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ทุกครั้ง ยามนางอยู่ใกล้อีกฝ่ายจึงรู้สึกเหมือนกับไม่เป็นตัวของตัวเอง จากที่รู้ตัวก็คือนางจะใจสั่นและประหม่า “แล้วข้ากับท่านอาจารย์เคยทำสิ่งใดร่วมกันหรือใกล้ชิดกันหรือไม่” อาซิงส่ายหน้า “ไม่เคยเจ้าค่ะ อาจารย์อู๋เทียนเล่อสอนเกี่ยวกับการปกครองและวิทยายุทธ์ นานๆ ครั้งจึงจะมาสอนวิธีป้องกันตัวง่ายๆ ให้กับเหล่าสตรี อีกอย่างคือคุณหนูพยายามไม่เข้าใกล้ท่านอาจารย์อู๋อยู่แล้ว การรู้จักกันจึงเป็นแค่เรื่องผิวเผิน ความจริงคือในสำนักศึกษา บรรดาสตรีที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษาล้วนชมชอบท่านอาจารย์ทั้งสิ้น บวกกับอาจารย์ เอ่อ...” “อะ ไร” ใจนางเต้นแรงกับเรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองแต่มันดันเกี่ยวกับเจ้าของร่างโดยตรง “มีข่าวลือว่าท่านอาจารย์อู๋เทียนเล่อนิยมชมชอบเด็กสาวที่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่นด้วย เหล่าสตรีในสำนักศึกษาจึงพากันเฝ้าฝันถึงเจ้าค่ะ” เรื่องนี้อาซิงเพิ่งรู้มาเมื่อสามเดือนที่แล้ว เป็นจริงเช่นไรล้วนไม่สำคัญ ในเมื่อมันไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูของนางอีกต่อไป ความสงสัยค่อยๆ ถูกเปิดเผย หัวใจสตรีเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD