"พี่แพงพูดก็ถูกนะคะพี่สา" 'กระถิน' ลูกน้องคนสนิทของลิสาไม่เข้าใจที่พี่แพงพูดและยังเห็นดีเห็นงามด้วย
"เขาประชดฉันย่ะ! เขาต้องการจะบอกว่าคุณตรีรัตน์ดีกว่าฉันทุกอย่าง แต่คุณตรีรัตน์เขามีสามีแล้ว เขาไม่มายุ่งวุ่นวายกับคุณเบนิซิโอหรอก" ลิสาพูดจบก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตน
"พี่แต้วถือหุ้นเบนิซิโอแบรนด์ด้วยหรอ แล้วจะมาบ่อยมั้ยวะเนี่ย!" เพื่อนเพลงมีสีหน้าหนักใจ
'ตรีรัตน์ ฤตินาฏวรนันท์' คือสะใภ้คนโตของฤตินาฏวรนันท์ เธอแต่งงานกับ'เพลิง' ลูกชายคนโตของฤตินาฏวรนันท์เมื่อแปดปีที่แล้ว ตอนนั้นเพื่อนเพลงยังเป็นเด็กอายุแค่สิบสี่ปี หลังจากงานแต่งของพี่ชายเธอก็ถูกส่งตัวไปอยู่อังกฤษ ทำให้แทบไม่ค่อยได้เจอกันเลยเสียด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าตรีรัตน์อาจจะจำเธอไม่ได้
ในแวดวงธุรกิจหลายคนจะรู้จักสามเสือพี่น้อง 'เพลิง' 'พิง' 'พาย' เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาสามารถสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมการไฟฟ้าของครอบครัวให้ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศได้
เพื่อนเพลงเป็นบุตรสาวคนเล็กที่ตอนนี้อายุย่างยี่สิบสองปีเท่านั้น จึงยังไม่ได้เข้าไปช่วยธุรกิจครอบครัวมากนัก แต่เธอกำลังจะถูกบังคับให้แต่งงาน นี่คือสาเหตุที่เธอไม่ยอมกลับบ้าน!
ในห้องทำงาน
"สวัสดีค่ะคุณเบนิซิโอ ได้มีโอกาสเจอกันจริงๆสักทีหลังจากที่คุยกันผ่านโทรศัพท์มาหลายเดือนนะคะ" เบนิซิโอและเฌอบีลุกขึ้นยืนต้อนรับเพื่อเป็นการให้เกียรติตรีรัตน์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของเขา
"ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันครับ" เบนิซิโอยิ้มกว้างและผายมือเชิญหญิงสาวให้นั่งลง
"สวัสดีค่ะคุณเฌอบี คุณชาลล์ไม่มาด้วยหรอคะ" ตรีรัตน์หันไปทักเฌอบี
"คุณรู้ด้วยหรอครับว่าคุณบีเป็นแฟนของคุณชาลล์" เบนิซิโอรู้สึกว่าแผนของตนไม่ได้ผลอีกต่อไป
"รู้สิคะ ในแวดวงธุรกิจเดียวกันก็ต้องรู้กันหมดแหละค่ะ ยินดีด้วยนะคะสำหรับข่าวการแต่งงานของคุณสองคน" เธอหันไปยิ้มให้เฌอบีอีกครั้ง
"งั้นเชิญคุณสองคนตามสบายเลยนะคะ บีต้องกลับแล้วล่ะค่ะ"
"เดี๋ยวผมลงไปส่งนะครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณหินรออยู่หน้าห้องแล้วมั้งคะ เชิญคุณคุยกับหุ้นส่วนตามสบายนะคะ" พูดจบเฌอบีก็ส่งยิ้มให้สองหนุ่มสาวและเดินออกไปทันที
"เป็นยังไงบ้างคะอากาศเมืองไทย อาจจะร้อนหน่อยแต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกหรอกนะคะ" ตรีรัตน์หาเรื่องชวนเบนิซิโอคุย
"ก็พอได้ครับ ความจริงแล้วผมชอบอะไรที่มันค่อนข้างเอาท์ดอร์มากกว่า" เขาบอกความชื่นชอบของตน
"เดี๋ยวแต้วจะพยายามมาช่วยงานคุณบ่อยๆนะคะ" เธอเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคุยเรื่องที่ตนไม่ชอบ
"จริงๆแล้วไม่ต้องดีกว่านะครับ คุณถือหุ้นก็จริงแต่ว่าผมเป็นผู้บริหาร ผมอยากจัดการคนภายในตามรูปแบบของผม อีกอย่างผมไม่อยากให้พนักงานสับสนว่าควรจะทำตามคำสั่งใคร" เขาพูดออกไปตรงๆเสียจนเธอหน้าเสีย
"งั้น เราคงเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ยคะ ฉันจะได้แวะมาเยี่ยมคุณบ่อยๆ" ตรีรัตน์ชื่นชอบเบนิซิโออย่างบอกไม่ถูก
"ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ" เธอยิ้มให้ประธานหนุ่มด้วยความดีใจ
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงตรีรัตน์ก็ขอตัวกลับเพราะเกรงใจชายหนุ่มที่เพิ่งพบกันวันแรก
เพื่อนเพลงไหวตัวทันที่เห็นตรีรัตน์เปิดประตูออกมาจึงมุดลงไปหลบใต้โต๊ะทำงานของตน
เบนิซิโอรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ค่อยชอบคุยกับใครเป็นเวลานานๆเช่นนี้ แต่ก็จำเป็นต้องคุยเพื่อรักษามารยาท
"คุณเลขา เข้ามาหาผมหน่อยครับ" ซีอีโอหนุ่มต่อสายออกไปยังหน้าห้อง
"ค่ะบอส" เพื่อนเพลงตอบสั้นๆและรีบเปิดประตูเดินเข้ามา
"มีอะไรให้ช่วยคะ" เธอเดินตรงเข้ามาหาซีอีโอหนุ่มรูปงาม
"ผมอยากได้กาแฟดำ" เขาบอกเธอสั้นๆพลางจ้องมองมายังใบหน้าสวยคมทว่าอ่อนเยาว์เลยแลดูน่ารักของเธออย่างเพลินตา
"เอ่อ...คือ...ชงกาแฟไม่เป็นค่ะ" เพื่อนเพลงบอกไปตรงๆ
"อะไรนะ นี่แค่สั่งกาแฟดำแบบไม่ใส่อะไรเลยแล้วทำไม่เป็น? ถามจริงๆจะทำงานอย่างอื่นได้หรอ" เขาขมวดคิ้วถาม
"ก็แล้วชงกาแฟไม่เป็นมันเกี่ยวอะไรกับเลขาล่ะคะ" เธอลืมตัวว่าเขาคือเจ้านายของเธอ
"คุณเพลน!"
"ดิฉันไม่ได้ชื่อเพลน" เธอยังคงเถียงเขาอยู่ เรื่องอะไรมาใช้เธอชงกาแฟให้
'เอ๊ะ! หรือว่าเลขาต้องชงกาแฟให้ท่านประธานด้วย?' เธอครุ่นคิดในใจ
"ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ แต่คุณกำลังยืนเถียงผมอยู่ ผมเป็นเจ้านายของคุณนะ!" เขาขึ้นเสียงเล็กน้อยเพราะไม่ได้ตั้งใจจะดุเธอ
"ค่ะๆ ชงก็ได้ค่ะ" เธอสำนึกทัน พูดจบจึงหมุนตัวเดินออกไปจนถึงหน้าประตู เธอชะงักเพราะผุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"อะไรอีกล่ะ" เบนิซิโอมองเธอตาเขม็ง
"ครั้งต่อไปถ้าคุณจะสั่งกาแฟ คุณก็แค่โทรออกไปแล้วบอกให้ฉันไปชงกาแฟเข้ามาให้ ไม่ต้องเรียกเข้ามาแล้วก็เดินกลับออกไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาอีก มันเสียเวลาตั้งหลายนาทีนะคะ ขอตัวค่ะ" พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที เบนิซิโอได้แต่นั่งอึ้งกับคำพูดของเธอ เขาไม่คิดว่าเด็กสาวคนนี้จะกล้าพูดเช่นนี้กับเขา
"นั่นน่ะสิ จะเรียกเข้ามาทำไมวะ!" มาคิดๆดูแล้วเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ห้านาทีต่อมา
'ก๊อกๆๆๆ' เพื่อนเพลงเดินกลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยกาแฟใบสวยในมือ เธอมองเขาในยามเผลอมันช่างน่าหลงใหล แม้เพื่อนเพลงจะไปอยู่เมืองนอกเมืองนามาตั้งหลายปี แต่กลับไม่เคยให้ความสนใจกับชาวต่างชาติคนไหนมากเท่ากับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้
"วางไว้ตรงนี้ ขอตัวนะคะ" มือเรียวค่อยๆวางถ้วยกาแฟลงและหมุนตัวเพื่อจะเดินออกไป
"เดี๋ยว!" ร่างบางหันขวับกลับมาหาต้นเสียงทันที
"คุณพูดสำเนียงอเมริกันได้หรือเปล่า" เบนิซิโอแค่อยากรู้ เพราะเขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับเธออยู่แล้ว ที่เขาอยากรู้เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง
"ได้สิคะ แต่ฉันอยู่อังกฤษมาแปดปีก็เลยชินบริติชค่ะ" เธอบอกไปตรงๆเพราะเป็นสิ่งที่โกหกไม่ได้อยู่แล้ว
"คุณจบมหาวิทยาลัย oxford มาหรอ" เขายังคงอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเธอ เพื่อนเพลงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
"คุณรู้ได้ยังไงคะ!"
"ทีแรกผมก็ไม่รู้หรอกแต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว" เบนิซิโอหัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความชอบใจที่หลอกถามเธอได้
"คือ...ฉันได้ทุนไปเรียนค่ะ แต่ถึงฉันจะเคยอยู่อังกฤษก็ยังไม่เคยเห็นใครหล่อมากเท่าคุณมาก่อนเลยนะคะ คุณเนี่ยหล่อสุดๆไปเลย" เพื่อนเพลงเอ่ยชื่นชมเขาจากใจจริงเพราะเธอหมายตาไว้แล้วว่าผู้ชายคนนี้
'เขาต้องเป็นสามีของฉัน!' เธอคิดในใจ
"ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ช่วยกรุณาตอบอีกหนึ่งคำถาม นามสกุลที่อ่านยากๆเหมือนชื่อของคุณเนี่ย มันเป็นนามสกุลเดียวกันกับที่ผมเคยได้ยินหรือเปล่า" เบนิซิโอจ้องมองเธอเพื่อรอคำตอบ