ตอนที่3 เขาต้องเป็นสามีของฉัน

1369 Words
"พี่แพงพูดก็ถูกนะคะพี่สา" 'กระถิน' ลูกน้องคนสนิทของลิสาไม่เข้าใจที่พี่แพงพูดและยังเห็นดีเห็นงามด้วย "เขาประชดฉันย่ะ! เขาต้องการจะบอกว่าคุณตรีรัตน์ดีกว่าฉันทุกอย่าง แต่คุณตรีรัตน์เขามีสามีแล้ว เขาไม่มายุ่งวุ่นวายกับคุณเบนิซิโอหรอก" ลิสาพูดจบก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตน "พี่แต้วถือหุ้นเบนิซิโอแบรนด์ด้วยหรอ แล้วจะมาบ่อยมั้ยวะเนี่ย!" เพื่อนเพลงมีสีหน้าหนักใจ 'ตรีรัตน์ ฤตินาฏวรนันท์' คือสะใภ้คนโตของฤตินาฏวรนันท์ เธอแต่งงานกับ'เพลิง' ลูกชายคนโตของฤตินาฏวรนันท์เมื่อแปดปีที่แล้ว ตอนนั้นเพื่อนเพลงยังเป็นเด็กอายุแค่สิบสี่ปี หลังจากงานแต่งของพี่ชายเธอก็ถูกส่งตัวไปอยู่อังกฤษ ทำให้แทบไม่ค่อยได้เจอกันเลยเสียด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าตรีรัตน์อาจจะจำเธอไม่ได้ ในแวดวงธุรกิจหลายคนจะรู้จักสามเสือพี่น้อง 'เพลิง' 'พิง' 'พาย' เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาสามารถสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมการไฟฟ้าของครอบครัวให้ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศได้ เพื่อนเพลงเป็นบุตรสาวคนเล็กที่ตอนนี้อายุย่างยี่สิบสองปีเท่านั้น จึงยังไม่ได้เข้าไปช่วยธุรกิจครอบครัวมากนัก แต่เธอกำลังจะถูกบังคับให้แต่งงาน นี่คือสาเหตุที่เธอไม่ยอมกลับบ้าน! ในห้องทำงาน "สวัสดีค่ะคุณเบนิซิโอ ได้มีโอกาสเจอกันจริงๆสักทีหลังจากที่คุยกันผ่านโทรศัพท์มาหลายเดือนนะคะ" เบนิซิโอและเฌอบีลุกขึ้นยืนต้อนรับเพื่อเป็นการให้เกียรติตรีรัตน์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของเขา "ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันครับ" เบนิซิโอยิ้มกว้างและผายมือเชิญหญิงสาวให้นั่งลง "สวัสดีค่ะคุณเฌอบี คุณชาลล์ไม่มาด้วยหรอคะ" ตรีรัตน์หันไปทักเฌอบี "คุณรู้ด้วยหรอครับว่าคุณบีเป็นแฟนของคุณชาลล์" เบนิซิโอรู้สึกว่าแผนของตนไม่ได้ผลอีกต่อไป "รู้สิคะ ในแวดวงธุรกิจเดียวกันก็ต้องรู้กันหมดแหละค่ะ ยินดีด้วยนะคะสำหรับข่าวการแต่งงานของคุณสองคน" เธอหันไปยิ้มให้เฌอบีอีกครั้ง "งั้นเชิญคุณสองคนตามสบายเลยนะคะ บีต้องกลับแล้วล่ะค่ะ" "เดี๋ยวผมลงไปส่งนะครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ คุณหินรออยู่หน้าห้องแล้วมั้งคะ เชิญคุณคุยกับหุ้นส่วนตามสบายนะคะ" พูดจบเฌอบีก็ส่งยิ้มให้สองหนุ่มสาวและเดินออกไปทันที "เป็นยังไงบ้างคะอากาศเมืองไทย อาจจะร้อนหน่อยแต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกหรอกนะคะ" ตรีรัตน์หาเรื่องชวนเบนิซิโอคุย "ก็พอได้ครับ ความจริงแล้วผมชอบอะไรที่มันค่อนข้างเอาท์ดอร์มากกว่า" เขาบอกความชื่นชอบของตน "เดี๋ยวแต้วจะพยายามมาช่วยงานคุณบ่อยๆนะคะ" เธอเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคุยเรื่องที่ตนไม่ชอบ "จริงๆแล้วไม่ต้องดีกว่านะครับ คุณถือหุ้นก็จริงแต่ว่าผมเป็นผู้บริหาร ผมอยากจัดการคนภายในตามรูปแบบของผม อีกอย่างผมไม่อยากให้พนักงานสับสนว่าควรจะทำตามคำสั่งใคร" เขาพูดออกไปตรงๆเสียจนเธอหน้าเสีย "งั้น เราคงเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ยคะ ฉันจะได้แวะมาเยี่ยมคุณบ่อยๆ" ตรีรัตน์ชื่นชอบเบนิซิโออย่างบอกไม่ถูก "ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ" เธอยิ้มให้ประธานหนุ่มด้วยความดีใจ เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงตรีรัตน์ก็ขอตัวกลับเพราะเกรงใจชายหนุ่มที่เพิ่งพบกันวันแรก เพื่อนเพลงไหวตัวทันที่เห็นตรีรัตน์เปิดประตูออกมาจึงมุดลงไปหลบใต้โต๊ะทำงานของตน เบนิซิโอรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ค่อยชอบคุยกับใครเป็นเวลานานๆเช่นนี้ แต่ก็จำเป็นต้องคุยเพื่อรักษามารยาท "คุณเลขา เข้ามาหาผมหน่อยครับ" ซีอีโอหนุ่มต่อสายออกไปยังหน้าห้อง "ค่ะบอส" เพื่อนเพลงตอบสั้นๆและรีบเปิดประตูเดินเข้ามา "มีอะไรให้ช่วยคะ" เธอเดินตรงเข้ามาหาซีอีโอหนุ่มรูปงาม "ผมอยากได้กาแฟดำ" เขาบอกเธอสั้นๆพลางจ้องมองมายังใบหน้าสวยคมทว่าอ่อนเยาว์เลยแลดูน่ารักของเธออย่างเพลินตา "เอ่อ...คือ...ชงกาแฟไม่เป็นค่ะ" เพื่อนเพลงบอกไปตรงๆ "อะไรนะ นี่แค่สั่งกาแฟดำแบบไม่ใส่อะไรเลยแล้วทำไม่เป็น? ถามจริงๆจะทำงานอย่างอื่นได้หรอ" เขาขมวดคิ้วถาม "ก็แล้วชงกาแฟไม่เป็นมันเกี่ยวอะไรกับเลขาล่ะคะ" เธอลืมตัวว่าเขาคือเจ้านายของเธอ "คุณเพลน!" "ดิฉันไม่ได้ชื่อเพลน" เธอยังคงเถียงเขาอยู่ เรื่องอะไรมาใช้เธอชงกาแฟให้ 'เอ๊ะ! หรือว่าเลขาต้องชงกาแฟให้ท่านประธานด้วย?' เธอครุ่นคิดในใจ "ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ แต่คุณกำลังยืนเถียงผมอยู่ ผมเป็นเจ้านายของคุณนะ!" เขาขึ้นเสียงเล็กน้อยเพราะไม่ได้ตั้งใจจะดุเธอ "ค่ะๆ ชงก็ได้ค่ะ" เธอสำนึกทัน พูดจบจึงหมุนตัวเดินออกไปจนถึงหน้าประตู เธอชะงักเพราะผุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ "อะไรอีกล่ะ" เบนิซิโอมองเธอตาเขม็ง "ครั้งต่อไปถ้าคุณจะสั่งกาแฟ คุณก็แค่โทรออกไปแล้วบอกให้ฉันไปชงกาแฟเข้ามาให้ ไม่ต้องเรียกเข้ามาแล้วก็เดินกลับออกไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาอีก มันเสียเวลาตั้งหลายนาทีนะคะ ขอตัวค่ะ" พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที เบนิซิโอได้แต่นั่งอึ้งกับคำพูดของเธอ เขาไม่คิดว่าเด็กสาวคนนี้จะกล้าพูดเช่นนี้กับเขา "นั่นน่ะสิ จะเรียกเข้ามาทำไมวะ!" มาคิดๆดูแล้วเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ห้านาทีต่อมา 'ก๊อกๆๆๆ' เพื่อนเพลงเดินกลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยกาแฟใบสวยในมือ เธอมองเขาในยามเผลอมันช่างน่าหลงใหล แม้เพื่อนเพลงจะไปอยู่เมืองนอกเมืองนามาตั้งหลายปี แต่กลับไม่เคยให้ความสนใจกับชาวต่างชาติคนไหนมากเท่ากับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้ "วางไว้ตรงนี้ ขอตัวนะคะ" มือเรียวค่อยๆวางถ้วยกาแฟลงและหมุนตัวเพื่อจะเดินออกไป "เดี๋ยว!" ร่างบางหันขวับกลับมาหาต้นเสียงทันที "คุณพูดสำเนียงอเมริกันได้หรือเปล่า" เบนิซิโอแค่อยากรู้ เพราะเขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับเธออยู่แล้ว ที่เขาอยากรู้เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษราวกับเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง "ได้สิคะ แต่ฉันอยู่อังกฤษมาแปดปีก็เลยชินบริติชค่ะ" เธอบอกไปตรงๆเพราะเป็นสิ่งที่โกหกไม่ได้อยู่แล้ว "คุณจบมหาวิทยาลัย oxford มาหรอ" เขายังคงอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเธอ เพื่อนเพลงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "คุณรู้ได้ยังไงคะ!" "ทีแรกผมก็ไม่รู้หรอกแต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว" เบนิซิโอหัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความชอบใจที่หลอกถามเธอได้ "คือ...ฉันได้ทุนไปเรียนค่ะ แต่ถึงฉันจะเคยอยู่อังกฤษก็ยังไม่เคยเห็นใครหล่อมากเท่าคุณมาก่อนเลยนะคะ คุณเนี่ยหล่อสุดๆไปเลย" เพื่อนเพลงเอ่ยชื่นชมเขาจากใจจริงเพราะเธอหมายตาไว้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ 'เขาต้องเป็นสามีของฉัน!' เธอคิดในใจ "ขอบคุณสำหรับคำชม แต่ช่วยกรุณาตอบอีกหนึ่งคำถาม นามสกุลที่อ่านยากๆเหมือนชื่อของคุณเนี่ย มันเป็นนามสกุลเดียวกันกับที่ผมเคยได้ยินหรือเปล่า" เบนิซิโอจ้องมองเธอเพื่อรอคำตอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD