"เอ่อ..." เธออ้ำอึ้ง '
ฝรั่งรู้มาก!' เธอคิดในใจ
"ว่ายังไงครับ" เขาจ้องมองเธอเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ความจริงแล้วเขาแค่รู้สึกคุ้นๆนามสกุลของเธอเท่านั้นเอง
"ไม่ใช่นามสกุลที่คุณรู้จักแน่นอนค่ะ นามสกุลของฉันเป็นนามสกุลที่ธรรมดามาก แต่มันอาจจะบังเอิญไปคล้ายกับอะไรที่คุณเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า" เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
"อย่างนั้นหรอ งั้นก็แล้วไป เชิญคุณกลับไปทำงานได้แล้ว" เบนิซิโอพูดจบก็หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดูต่อ
เพื่อนเพลงเดินออกจากห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม ก่อนปิดประตูเธอเหลือบมามองดูความหล่อเหลาของเขาเล็กน้อย
"คนอะไรมีเสน่ห์ชะมัด" เธอนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
"แต่จะว่าไปถ้าเราอยากได้เขามาเป็นแฟนจริงๆก็คงจะยากมาก ไหนจะสาวสวยแสนดีคนนั้น แม่ลิสาอีก เฮ้อออ ไหนจะพี่แต้วอีก แต่พี่แต้วเขามีสามีแล้วนะ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว" เธอบ่นกับตนเอง
ทันใดนั้น
"ยัยเพื่อน!"
"ไอ้คณิน! แกมาที่นี่ได้ยังไง" เพื่อนเพลงตกใจเสียงดังเสียจนคนอื่นหันมามอง
"ก็ฉันได้ยินคนร่ำลือชื่อและนามสกุลของแกไปทั้งบริษัทน่ะสิ ฉันถึงต้องถามว่าแกมาทำอะไรที่นี่!"
"ชู่ว์ อย่าพูดเสียงดัง! ออกไปคุยกันที่อื่น" พูดจบร่างบางก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และลากแขนคณินออกจากบริเวณหน้าห้องท่านประธานจนมาถึงหน้าลิฟท์
"แกเล่นตลกอะไรของแกบอกมาเดี๋ยวนี้นะ!" คณินยังคงคาดคั้นเอาคำตอบ
"บอกมาก่อนว่าแกมาทำอะไรที่นี่" หญิงสาวถามกลับ คณินดึงป้ายชื่อประจำตัวพนักงานที่ห้อยอยู่ในคอยื่นมาให้เธออ่าน
"โปรแกรมเมอร์! ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าแกทำงานที่นี่" เธอยิ้มแห้ง
"บอกเรื่องของแกมาได้แล้ว!" เพื่อนเพลงยังคงอ้ำอึ้ง
"ไม่บอก ได้! เดี๋ยวฉันโทรไปถามพี่พายก็ได้" คณินล้วงโทรศัพท์ออกจากกางเกงหมายจะโทรหาพี่ชายคนที่สามของเธอ
"อย่า ๆๆ" มือเรียวรีบแย่งโทรศัพท์มือถือราคาแพงจากมือของคณินมาถือไว้
"ก็พ่อกับแม่จะบังคับให้ฉันแต่งงานกับตาอินทรราชอะไรนั่นน่ะ" เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด
"อินทรราชไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นนามสกุลของคุณ 'อินทัช อินทรราช' ทายาทคนโตของตระกูลเศรษฐีที่พ่อแม่แกคบค้าสมาคมด้วย" คณินเล่าให้เธอฟัง
"อ้าวหรอ นึกว่าคนอะไรชื่ออินทรราช แต่ก็ช่างเถอะ! ยังไงฉันก็ไม่แต่ง"
"ไม่แต่งก็กลับไปบอกที่บ้านแกตรงๆสิ!"
"เขาไม่ยอมหรอก เอาล่ะฉันขอเวลาสองเดือนแกห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่กรุงเทพแล้ว" เพื่อนเพลงขอให้คณินช่วยปิดบังความจริง
"แกคิดจะทำอะไร!"
"หาประสบการณ์และก็หาผู้ชายที่ถูกใจ" เธอบอกเพื่อนสนิทพลางนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเบนิซิโอ
"ใครคือผู้ชายที่แกถูกใจ" คณินขมวดคิ้วสงสัยอย่างหนัก
"นั่งอยู่ในห้องนู่นไง" เธอชี้ไปยังห้องทำงานของเบนิซิโอ
"ไอ้เพื่อน! ไม่ได้เด็ดขาด เบนิซิโอ แฮร์ริสัน เขาไม่มีทางเดทกับผู้หญิงคนไหนหรอก แต่ถ้าแกได้เขามาจริงๆก็อาจจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวแต่ไม่ค้างคืน" คณินฟังคำร่ำลือนี้มาหลายเดือนช่วงก่อนที่เบนิซิโอจะย้ายมา เขาไม่ต้องการให้เพื่อนสนิทต้องเสียใจ
"เออๆ เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่ห้ามบอกใครก็พอว่สฉันอยู่ที่ไทยแล้ว ฉันกลับไปทำงานก่อน เลิกงานเจอหันข้างล่างนะเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเอง" พูดจบเพื่อนเพลงก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตนทันที
"พวกลูกคนรวยมันชอบทำอะไรแปลกๆแฮะ" คณินได้แต่ยืนงวยงงก่อนจะเดินกลับไปยังแผนกของตน
"คุณเลขาเข้ามาหาผมหน่อย" เสียงของเบนิซิโอดังขึ้นหลังจากเธอกดปุ่มรับสาย
"ค่ะท่านประธาน" เธอตื่นเต้นกว่าครั้งที่แล้วที่ได้เข้าไปพบเขา
'นี่เป็นโอกาสที่เหมาะสุดๆแล้วในการรุก' เธอคิดในใจพลางนึกถึงชุดทำงานของตนเองขึ้นมา
'ต้องแต่งให้เซ็กซี่ยั่วยวนกว่านี้สินะ' เธอยังไม่หยุดความคิดบ้าๆจนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
"มีอะไรให้ช่วยคะบอส" เธอยิ้มให้เขา
"นั่งสิ ผมไม่มีเพื่อนคุย" เขาไม่อยากคุยกับคนอื่นก็จริงแต่เขาแค่อยากคุยกับเธอ
"เอ่อ ดิฉันก็มีเรื่องอยากจะถามบอสเหมือนกันค่ะ" โอกาสมาถึงแล้วเธอก็ต้องรีบคว้า
"ถามมาสิ" เขาปิดแฟ้มเอกสารและจ้องมายังเธออย่างจริงจังราวกับกำลังตั้งหน้าตั้งตาฟังการประชุม
"ฉันสวยมั้ยคะ" เบนิซิโอไม่คิดว่าเธอจะถามเรื่องอะไรแบบนี้ แต่เขาก็ยินดีตอบไปตามความเป็นจริง
"สวยสิ สวยมากด้วย คุณถามทำไม" เขาสงสัย
"สวยแล้วทำไมไม่มีใครมาขอฉันเดทเลยล่ะคะ" เธอถามกลับเพราะอยากรู้คำตอบจากปากของผู้ชายสุดแสนเพอร์เฟคเช่นเขา
"ฮ่าๆๆ คุณนี่แปลกคนจัง ผมไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีใครมาขอคุณไปเดท" เขาบอก
"ดิฉันพูดความจริงนะคะ" เธอหน้าบึ้งเพราะดูเหมือนเขาไม่เชื่อจริงๆ
"แต่ก็อาจเป็นไปได้ ข้อแรกคุณดูสวยและมั่นใจในตัวเองสูงเกินไปผู้ชายจึงไม่กล้าจีบ ข้อสองคุณเองนั่นแหละที่ไม่เปิดใจ หัดใช้สายตาสื่อสารกับผู้ชายบ้างสิ" เขาแนะนำ แต่ทั้งหมดที่เขาพูดมานั้นมันคือตัวตนของเธอชัดๆ
"การใช้อายคอนแทคแบบนี้หรอคะ" เพื่อนเพลงส่งสายตาแสดงถึงความสนใจในตัวเขาให้ซีอีโอหนุ่มดู เบนิซิโอจ้องมองเธอกลับไปอย่างลืมตัว
"เอ่อ ดิฉันแค่ลองทำดูเฉยๆค่ะ" เธอก้มหน้าเขินเมื่อถูกเขาส่งสายตาร้อนแรงยิ่งกว่ากลับมา
"ไม่เป็นไรครับ แต่มันใช้ได้ผลมากเลย" เขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
"งั้น...ดิฉันขอลองจีบคุณดูได้มั้ยคะ" เธอประหม่าแต่ก็ตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ
"อะไรนะครับ?" เบนิซิโอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในความเเปลกของเธอ
"ดิฉันพูดจริงๆนะคะ" เธอยิ้มให้เขาทั้งที่เขิยอายกับสิ่งที่ตนเองพูดออกไป
"ถ้าจะให้พูดแบบตรงๆก็อย่าดีครับ ผมไม่อยากทำให้คุณต้องเสียใจ" เพื่อนเพลงยิ้มเจื่อนเพราะคำพูดของเขา
"คุณมีแฟนแล้วอย่างนั้นหรอคะ" เธอถามคำถามที่ค้างคาใจ
"ผมไม่คบใครเป็นแฟนหรอกครับ แต่ผมไม่อยากให้คุณเสียใจเพราะความไม่เอาไหนของผม เพราะฉะนั้นเราเป็นเพื่อนกันเสียแต่ตอนนี้จะดีที่สุดนะครับ" เบนิซิโอเคยมีแฟนมาครั้งเดียวในชีวิต เขาไม่เคยทำอะไรที่ผู้ชายปกติทั่วไปปฏิบัติต่อคู่รัก นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเขาไป ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลย